Friday, March 28, 2025

ฉลอง 40 ปี G-SHOCK ค้นพบความแข็งแกร่งและมีสไตล์กับงาน ‘SHOCK THE WORLD’ ที่บาหลี

4 ทศวรรษแห่งการสร้างสรรค์นาฬิกา G-SHOCK ได้พิสูจน์ทั้งความแข็งแกร่งและมีสไตล์ ผ่านวิวัฒนาการการสร้างสรรค์และพัฒนาด้านเทคโนโลยี รวมถึงนวัตกรรมไว้มากมาย กระทั่ง G-SHOCK ได้ขึ้นแท่นเป็นอีกหนึ่งนาฬิกาไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์ผู้คนที่หลากหลายได้มากที่สุด

ตลอดปี 2023 นาฬิกา CASIO G-SHOCK ได้เฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปีด้วยหลากหลายกิจกรรมมากมายที่ต่างสะท้อนถึงความแข็งแกร่งและโดดเด่นของนาฬิกา G-SHOCK ทั้งในแง่ของการเป็นนาฬิกาข้อมือดีไซน์ทันสมัย ตอบสนองด้านฟังก์ชันที่จำเป็นต้องการใช้งานในรูปแบบต่างๆ พร้อมทั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรมอันล้ำยุคที่นำเสนอผ่านเรื่องราวของการสร้างสรรค์วัสดุใหม่ๆ รวมถึงการพัฒนาสมรรถนะและประสิทธิภาพการทำงานของนาฬิกา ที่ยังคงเน้นหัวใจหลักด้านความแข็งแกร่ง มีสไตล์ และแม่นยำ สอดคล้องกับคำจำกัดความที่ได้สร้างนิยามให้กับแบรนด์ว่า ‘Absolute Toughness’

หนึ่งในบรรดากิจกรรมน่าตื่นเต้นเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปี G-SHOCK นั้น ต้องรวมไปถึงแคมเปญ ‘That’s Tough’ ที่ถ่ายทอดทั้งความเป็น ‘Toughness’ และความคิดสร้างสรรค์สู่นวัตกรรมใหม่ๆ โดยข้อความหลักคือการชี้ให้ตระหนักถึงตัวตนและความแกร่งที่มีความเฉพาะตัวในแต่ละคน เช่นเดียวกันกับสไตล์การสร้างสรรค์และความแน่วแน่เด็ดเดี่ยวของแบรนด์ในการนำเสนอนวัตกรรมและความแกร่งในแบบฉบับของตนเอง

นอกจากนี้ยังมีแคมเปญ ‘Dear Younger Me’ ที่เป็นส่วนหนึ่งของการฉลองครบรอบ 40 ปี โดยมี Kikuo Ibe บิดาแห่ง G-SHOCK มาร่วมแสดงในภาพยนตร์วิดีโอสั้นๆ อันอบอุ่นหัวใจ ที่ Ibe ได้เล่าถึงการเดินทางของเขาและความท้าทายต่างๆ ที่เขาต้องเผชิญ และเอาชนะความกลัวเกรง ความกังวล และความท้อด้วยความกล้าและเข้มแข็งในจิตใจของตัวเอง นับตั้งแต่ขณะสร้างสรรค์นาฬิกา G-SHOCK เรือนแรก จนถึงการพัฒนาต่อยอดให้ G-SHOCK ยังคงเป็นที่นิยมและกลายเป็นนาฬิการะดับตำนานจนถึงทุกวันนี้ แคมเปญนี้ยังต้องการเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่สวมใส่ สะท้อนความหมายของ “ความแกร่ง” ความมุ่งมั่นและความเข้มแข็งที่จะเอาชนะทุกอุปสรรค แม้แต่ชนะใจตัวเอง

ไฮไลต์มากไปกว่านั้นคือการสร้างปรากฏการณ์ ‘SHOCK THE WORLD’ ระดับโลกให้เกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยป๊อปอัพทัวร์ ‘Rooted In Toughness – G-SHOCK x 88rising Southeast Asia Pop-Up Tour’ ที่พาทุกคนไปค้นพบรากเหง้าแห่งความแกร่งตามแบบฉบับของ G-SHOCK โดยเริ่มกันที่ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และส่งท้ายที่ประเทศอินโดนีเซีย ผ่านการจัดแสดงนาฬิกา G-SHOCK ร่วมกับเหล่าศิลปิน 88rising ที่ต่างก็มีเอกลักษณ์และสไตล์การทำงานที่เป็นอิสระในแบบของตนเอง แต่ทุกคนล้วนพิสูจน์ถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องที่ขับเคลื่อนให้ก้าวไปสู่อีกระดับหนึ่ง เช่นเดียวกับ G-SHOCK

ปิดท้ายด้วยงานใหญ่ ‘SHOCK THE WORLD’ ที่ไม่เพียงแต่ตอกย้ำการเป็นผู้นำแห่งความแข็งแกร่งอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ แต่ยังเน้นย้ำถึงวิวัฒนาการที่ยังคงยึดมั่นในค่านิยมของการมีความยืดหยุ่นและการออกแบบสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัยเสมอ โดยงาน G-SHOCK 40th Anniversary ‘SHOCK THE WORLD’ Southeast Asia ได้จัดขึ้นที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย พร้อมกับงานแถลงข่าวถ่ายทอดเรื่องราวความสำเร็จและเส้นทางการสร้างสรรค์ตลอด 40 ปีของ G-SHOCK รวมถึงการเปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษต่างๆ อย่าง GCW-B5000UN นาฬิกาคาร์บอนเอดิชันที่สืบทอดรูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของ G-SHOCK รุ่นไอคอนิก ผ่านการสร้างสรรค์จากวัสดุคาร์บอนที่มอบทั้งคุณสมบัตของความแข็งแกร่งสูงและน้ำหนักเบา นอกจากนี้ ยังมีรุ่น G-D001 สุดพิเศษจาก Dream Project #2 ซึ่งเป็นนาฬิกาทำจากทอง 18K โดยความร่วมมือระหว่างแผนก R&D ของ CASIO และ AI ให้ผลลัพธ์มาเป็นนาฬิกาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งยังสะท้อนความมุ่งมั่นของ G-SHOCK ในการทลายขีดข้อจำกัดและก้าวล้ำไปสู่นวัตกรรมแห่งยุคสมัยได้อย่างรวดเร็ว

รวมถึงผลงานรุ่นใหม่อื่นๆ ที่เตรียมพร้อมสร้างปรากฏการณ์ ‘SHOCK THE WORLD’ ไปอีกขั้น อย่าง MT-G Dragon กับสเกลบนตัวเรือนแกะสลักด้วยลวดลายมังกร และนาฬิกาจากความร่วมมือกับ Charles Darwin Foundation ที่ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจมาจากสิ่งมีชีวิตบนหมู่เกาะกาลาปากอส ตลอดจนนาฬิการุ่นพิเศษที่จับมือร่วมกับศิลปิน 88rising ในการสร้างสรรค์ อย่าง การเปิดตัวของรุ่น GA-2100RB-3A Rich Brian จากความร่วมมือกับศิลปินชาวอินโดนีเซีย สร้างสรรค์งานดีไซน์นาฬิกาโทนสีเขียวน้ำทะเลกับสีชมพูที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสีกีตาร์ตอนเด็กๆ ที่เข้าใช้ ณ บ้านเกิดของเขา

ส่งท้ายงาน G-SHOCK 40th Anniversary ‘SHOCK THE WORLD’ Southeast Asia สุดยิ่งใหญ่แห่งปีนี้ ด้วยงานปาร์ตี้ ‘SHOCK THE WORLD’ ที่จัดขึ้น ณ Potato Head Beach Club บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย พร้อมการแสดงจาก 2 ศิลปิน อย่าง Warren Hue และ Niki

นอกจากนี้ เรายังมีโอกาสได้สัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟกับ Mr. Shigenori Itoh, Executive Managing Officer & Senior General Manager of Global Marketing Headquarters, CASIO ถึงความพิเศษของงาน G-SHOCK 40th Anniversary ‘SHOCK THE WORLD’ Southeast Asia และสิ่งที่แฟนๆ G-SHOCK จะได้ติดตามต่อไปในอนาคต

ไฮไลต์ของการเฉลิมฉลอง 40 ปีของ G-SHOCK ในครั้งนี้

นอกเหนือจากรุ่นไฮไลต์ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อร่วมฉลอง 40 ปีแล้ว ยังมีนาฬิการุ่นพิเศษที่เราจับมือร่วมมือกับ Rich Brian ซึ่งเป็นรุ่น Limited Edition แต่ออกจำหน่ายทั่วโลก โดยยังคงเอกลักษณ์ของนาฬิกา G-SHOCK ไว้ เช่นในแง่ของความแข็งแกร่ง ดีไซน์ และสไตล์ที่ยังคงความเป็น G-SHOCK อยู่เสมอ การทำงานร่วมกับ Rich Brian ครั้งนี้ ยังถือเป็นความร่วมมือพิเศษ ด้วยเพราะการทำงาน ตลอดจนผลงานของเขา กับโลกของนาฬิกา G-SHOCK นั้นมีความเชื่อมโยงและมีทิศทางเดียวกัน เราจึงเลือกร่วมงานกับเขา 

ความสำเร็จของ ‘SHOCK THE WORLD’ ที่ทำให้ทั่วโลกรู้จัก

‘SHOCK THE WORLD’ เริ่มต้นครั้งแรกในปี 2008 ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาเป็นที่แรก และประสบความสำเร็จอย่างสูงตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมาจากการจัดงานในทุกๆ 5 ปี ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ได้รับกระแสตอบรับด้วยดีเสมอมา และหากดูจากหลายๆ องค์ประกอบแล้ว ความโด่งดังและการรับรู้ได้ถึงแบรนด์ในทุกๆ ครั้งของการจัดงาน ‘SHOCK THE WORLD’ ก็เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโปรเจ็กต์อีเว้นท์ที่ค่อนข้างสำคัญกับเรามาก และเราจะยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์งานนี้ไปอีกเรื่อยๆ และจะทำให้ดีและยิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ เช่นในงานครั้งนี้ คาดหวังว่าจะทำให้ผู้คนได้รู้จักกับ G-SHOCK มากขึ้น รวมถึงมีกลุ่มของลูกค้า ตลอดจนพันธมิตรและความร่วมมือกับศิลปินต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นและหลากหลายมากขึ้น

กลุ่มแฟนๆ ของ G-SHOCK ณ ปัจจุบันคือใคร และมีไลฟ์สไตล์อย่างไร

เราได้ต้อนรับลูกค้าและแฟนๆ กลุ่มใหม่เพิ่มขึ้น อีกอย่างที่ให้ความสำคัญมากคือการต้อนรับกลุ่มคนเจเนอเรชันใหม่ที่เป็นวัยรุ่น เป็นกลุ่ม digital natives และมีไลฟ์สไตล์แอคทีฟ ซึ่งเรายังคงให้ความสำคัญกับกลุ่มนี้เป็นลูกค้ากลุ่มหลัก รวมถึงด้านการสื่อสารและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยผ่านการสร้างสรรค์​ทั้งกิจกรรมและความน่าสนใจของนาฬิกาที่จะเป็นสิ่งสำคัญ พร้อมทั้งพยายามมองตลาดดิจิทัลให้ลึกขึ้น อย่าง การพัฒนาด้าน NFT ที่เป็นหนึ่งในโปรเจ็กต์ซึ่งกำลังคิดค้นรูปแบบและวางแผนไว้

ส่วนความน่าสนใจของตลาดนาฬิกา ณ ปัจจุบัน คือการหันกลับมาสนใจนาฬิกาปกติมากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้กระแสนิยมนาฬิกา Smartwatch มีสูงมาก แต่ในวันนี้ หลายคนหันกลับมาสนใจนาฬิกาที่มีความเป็นต้นตำรับ แต่ก็ทันสมัย ซึ่งเราก็ได้นำมาเป็นจุดในการพัฒนานาฬิกาซีรีส์ต่างๆ เช่นกัน

คาร์บอนเป็นวัสดุที่แบรนด์ให้ความสำคัญมากขึ้นหรือไม่

เป็นวัสดุที่เรากำลังพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองด้านความทนทานของนาฬิกา และเป็นตัวเลือกของคนรักนาฬิกาที่มีความทนทาน มีน้ำหนักเบาซึ่งตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ เรายังมีการเล่นกับสีสันของคาร์บอน และการขัดตกแต่งเฉพาะซึ่งถือเป็นเทคนิคที่ยากและใช้เวลาในการสร้างสรรค์ แต่ก็เป็นตัวแทนของแนวทางการสร้างสรรค์ที่รักษาไว้ด้วยงานดีไซน์ผสมผสานกับความทันสมัยได้กลมกลืน และมีความเป็น G-SHOCK’

ถ้าพูดถึงนาฬิกา G-SHOCK อยากให้คนเห็นภาพหรือนึกถึงคาแรกเตอร์แบบไหน

G-SHOCK อยู่กับความ ‘Toughness’ มาโดยตลอด ดังนั้น สิ่งที่เราอยากให้นึกถึงเมื่อพูดถึงหรือสวมใส่นาฬิกาของเราก็คือความแข็งแกร่ง ไม่ใช่แค่เพียงร่างกาย แต่รวมถึงจิตใจมากกว่า

ในปี 2024 จะเป็นโอกาสครบรอบ 50 ปี ของ CASIO มีสิ่งใดที่รอแฟนๆ ของแบรนด์อยู่หรือไม่

ในรายละเอียดอาจจะยังบอกได้ไม่มากนักครับ แต่มีอะไรน่าสนใจรออยู่อย่างแน่นอน และที่แน่ๆ เลยคือ ด้วยเพราะ G-SHOCK เติบโตมาจากดิจิทัล ดังนั้น สิ่งที่เราอยากทำคือการนำนาฬิการุ่นดั้งเดิมที่เป็นต้นตำรับเหล่านี้กลับมาปัดฝุ่นใหม่ อาจเป็นรุ่นเริ่มต้นของเรา หรือรุ่นวินเทจที่หลายคนคิดถึง นำกลับมาพัฒนาต่อยอดให้มีความน่าสนใจ แต่คงความดั้งเดิมของ G-SHOCK ไว้อย่างครบถ้วน  

ความสำคัญของ Sustainability ถือเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์หรือไม่

ใช่ครับ เช่น ณ ปัจจุบัน เราพัฒนาแบตเตอรี่ที่สามารถใช้ได้นานขึ้น หรือวัสดุเรซินที่ใช้ก็สามารถนำมาอัพไซเคิลใหม่ได้ เช่นเดียวกับแพคเกจและบรรจุภัณฑ์ ที่เราได้เริ่มปรับจากพลาสติกมาเป็นวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรืออัพไซเคิลได้หรือนำมาประยุกต์ใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้อีก ความยั่งยืนจึงถือเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ที่เราได้ค่อยๆ ปรับการวางแผนอยู่ตลอด

อยากฝากอะไรถึงแฟนๆ นาฬิกา G-SHOCK ชาวไทย

ฝากติดตามนาฬิกา G-SHOCK และอยากให้ G-SHOCK กลับมาโด่งดังอีกครั้ง รวมถึงเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ ชาวไทยมากยิ่งขึ้นครับ

Latest Posts

Don't Miss