ณ อาเตอลิเยร์ออกแบบเสื้อผ้าบนถนนกัมบงของ Gabrielle CHANEL เครื่องมือตัดเย็บอย่างเข็มเย็บผ้า เข็มหมุด หลอดด้าย ปลอกนิ้ว กรรไกร ไปจนถึงสายวัด กำลังถูกใช้เป็นระวิงเพื่อรังสรรค์เสื้อผ้าชั้นสูงในแบบฉบับของ CHANEL เฉกเช่นเดียวกับที่สตูดิโอสร้างสรรค์นาฬิกาที่เหล่าช่างผู้เชี่ยวชาญแห่งโรงงานผลิต ณ La Chaux-de-Fonds ต่างก็พัลวันไปกับการสร้างชีวิตให้กับเข็มนาฬิกาที่จะถ่ายทอดเวลาได้อย่างเที่ยงตรง และเคลื่อนไหวเป็นดั่งจังหวะเดียวกันกันการทำงานในอาเตอลิเยร์ของมาดมัวแซล ชาเนลเช่นกัน
แนวคิดสุดบรรเจิดของ CHANEL ในปีนี้คือการเนรมิตความมีชีวิตชีวาของห้องศิลป์แห่งกูตูร์มาสู่จังหวะการเคลื่อนไหวที่สะท้อนถึงแรงบันดาลใจแห่งโลกเสื้อผ้าชั้นสูงอันเป็นต้นตำรับของเมซงภายในเรือนเวลาที่สร้างสรรค์ขึ้นเฉพาะของคอลเล็กชั่น Haute Horlogerie และ Horlogerie Capsule ที่มีชื่อว่า ‘Couture O’Clock’ ที่เป็นผลลัพธ์จากการหล่อหลอมระหว่างงานหัตถศิลป์แห่งโอต กูตูร์เข้ากับศิลปะแห่งเครื่องประดับอัญมณี และผสมผสานด้วยศาสตร์แห่งความเชี่ยวชาญในการประดิษฐ์นาฬิกาของแบรนด์ โดยมีเอกลักษณ์ของการเล่นกับภาพกราฟิก เส้นสาย สุนทรียะความสวยงาม และลูกเล่นที่ได้มาจากบรรดาเครื่องมือตัดเย็บซึ่งกลายเป็นองค์ประกอบเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาบนผลงานนาฬิกาแต่ละเรือน
“สำหรับคอลเล็กชั่น Couture O’Clock ผมจินตนาการถึงนาฬิกาและกล่องดนตรีที่พัฒนากลไกการทำงานนี้ขึ้นโดย Reuge ผู้ผลิตระบบอัตโนมัติและกล่องดนตรีที่มีชื่อเสียงของสวิตเซอร์แลนด์ ผลงานชิ้นนี้จึงเป็นโลกขนาดย่อส่วนในตัวเอง ด้วยฉากที่สะท้อนถึงการแข่งกับเวลาที่เกิดขึ้นจนเป็นนิรันดร์ ซึ่งแน่นอนว่าโลกแห่งการสร้างสรรค์เสื้อผ้าชั้นสูงเองก็ไม่ได้รับการยกเว้นจากความจริงนี้” Arnaud Chastaingt ผู้อำนวยการสตูดิโอสร้างสรรค์นาฬิกาของ CHANEL กล่าวถึงแรงบันดาลใจและการตีความที่อยู่เบื้องหลังคอลเล็กชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผลงานชิ้นเอกอย่าง Musical Clock Couture Workshop นาฬิกากล่องดนตรีที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก ซึ่งรังสรรค์ขึ้นด้วยรูปลักษณ์ของผลงานศิลปะภายใต้กระจกโดมและฐานออนิกซ์ต่อลายที่ได้แรงบันดาลใจมาจากโซฟาบุนวม พร้อมทั้งตกแต่งด้วยเยลโลว์โกลด์และประดับเพชร ซึ่งภายในกระจกโดมนี้ไว้ด้วยโคมไฟระย้า เชิงเทียน และหยดน้ำประดับเพชรเจียระไนทรงลูกแพร์ ส่องประกายแสงวิบวาบราวกับสปอตไลต์ให้กับหุ่นตัดเย็บจำลองครึ่งตัว 5 ตัวด้านล่างที่ทำจากอะลูมิเนียมเซรามิกตกแต่งด้วยริบบิ้นหนังสีดำสะท้อนถึงบรรยากาศภายในอาเตอลิเยร์ โดยหุ่นแต่ละตัวยังตกแต่งด้วยเข็มกลัดเยลโลว์โกลด์ประดับเพชร และเคลื่อนไหวได้ไปตามท่วงทำนองดนตรี ‘My Woman’ โดย Al Bowlly ที่มาดมัวแซลชอบฮัมเพลงนี้ในระหว่างทำงาน ซึ่งดนตรีจะบรรเลงขึ้นโดยการใช้กุญแจไขลานประดับเพชรที่มาพร้อมกับสร้อยคอยาวประดับเพชร
ไอเดียสร้างสรรค์ของดีไซเนอร์ยังถูกนำมาต่อยอดสู่ความพิถีพิถันเหนือจินตนาการของนาฬิกาข้อมือรุ่น J12 Couture Workshop Automaton ที่เป็นอีกหนึ่งในผลงานเรือนเด่นของคอลเล็กชั่น ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก Mademoiselle’s Workshop โดยผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 100 เรือน กับการถ่ายทอดบนหน้าปัดไว้ด้วยหุ่นจำลองมาดมัวแซลชาเนล กรรไกรในมือของเธอ และหุ่นตัดเย็บที่เคลื่อนไหวได้ราวกับมีชีวิตไปตามจังหวะการทำงานและฉากหลังซึ่งจำลองบรรยากาศภายในห้องทำงานของเธอเอง ผลงานในรูปแบบ Automaton นี้ยังขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 6 ซึ่งเป็นกลไกจักรกลอันซับซ้อนชุดใหม่ที่ออกแบบและประกอบโดยโรงงานนาฬิกา CHANEL Manufacture ในสวิตเซอร์แลนด์ จึงนับเป็นการผสานระหว่างโลกแห่งโอต กูตูร์ ความเชี่ยวชาญในการออกแบบ และทักษะความชำนาญในการผลิตนาฬิกาไว้ได้อย่างกลมกลืนไร้ที่ติ
ใน Couture O’Clock ยังประกอบด้วยผลงานที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Mademoiselle’s Sewing Tools อีกหลายชิ้น ที่ได้นำเอาอุปกรณ์ตัดเย็บอย่างหมุด ปลอกนิ้ว กระดุม มารังสรรค์สู่ชิ้นงานจิวเวลรี่บอกเวลาและนาฬิกา อย่างแหวนที่มีหน้าปัดนาฬิกาตกแต่งด้วยลวดลายควิลต์ หมุดเย็บผ้าประดับไข่มุกและเพชร หรือสร้อยคอพร้อมจี้รูปทรงเข็มกลัดหรือทรงปลอกนิ้วประดับเพชรที่ซ่อนไว้ด้วยหน้าปัดบอกเวลา และนาฬิกาข้อมือ J12 Couture กับหน้าปัดซึ่งบรรจุด้วยเข็มชี้รูปทรงกรรไกร ไปจนถึงนาฬิกาข้อมือรุ่น Première Charms Couture พร้อมชาร์มมาดมัวแซลชาเนล และอุปกรณ์ตัดเย็บต่างๆ ของเธอ
อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของโอต กูตูร์และความวิจิตรประณีตแห่งเครื่องบอกเวลาชั้นสูงที่ CHANEL นำเสนอไว้ภายใน Couture O’Clock ได้อย่างกลมกล่อม และชวนให้เราปรารถนาที่จะออกท่องสู่ 2 โลกที่ผสานกันอย่างกลมกลืนระหว่างโอต กูตูร์และเรือนเวลานี้อย่างไม่รู้จบ
