นาฬิกาข้อมือขนาดมินิมีจุดเริ่มต้นการสร้างสรรค์มานับตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่กระแสของกลไกควอตซ์ได้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งเรือนเวลา ด้วยเพราะกลไกควอตซ์เหล่านี้สามารถย่อสัดส่วนให้มีขนาดเล็กลงได้มากและง่ายกว่ากลไกจักรกลแบบดั้งเดิม ทั้งยังสามารถสร้างสรรค์รูปทรงได้อย่างหลากหลาย จึงเป็นที่มาของกระแสความนิยมของทั้งนาฬิกาหลากรูปทรงหลายขนาด ไปจนถึงนาฬิกาข้อมือสุดบางเฉียบ และนาฬิกาขนาดเล็กดีไซน์สุดเก๋ราวกับเครื่องประดับสำหรับสุภาพสตรีโดยเฉพาะ
การเปิดตัวนาฬิกาข้อมือขนาดเล็กที่ติดตั้งด้วยกลไกควอตซ์แบบย่อสัดส่วนนั้นได้เปิดฉากขึ้นในยุค ‘80s อันเนื่องมาจากหากใช้เป็นกลไกจักรกลที่มีขนาดเล็กมากเกินไปจะลดประสิทธิภาพการทำงานของจักรกลลงค่อนข้างมาก ด้วยเหตุนี้ Audemars Piguet ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เริ่มต้นบุกเบิกการสร้างสรรค์นาฬิกาจักรกลขนาดเล็กสำหรับข้อมือสุภาพสตรีมาบ้างแล้วนั้น ก็ได้หันมาให้ความสนใจในการพัฒนากลไกควอตซ์ขนาดย่อส่วนเพื่อใช้ในการสร้างสรรค์นาฬิกาผู้หญิงด้วยรูปลักษณ์ขนาดเล็ก แต่คงประสิทธิภาพสูงและสวยงาม โดยการเปิดตัวนาฬิกา Royal Oak กลไกควอตซ์ขึ้นครั้งแรกในปี 1980 ด้วยขนาด 26 มม. ก่อนจะตามมาด้วยเวอร์ชัน 24.5 มม. ของปี 1986 ซึ่งขับเคลื่อนด้วยกลไกควอตซ์ที่ทั้งบางกว่าและมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่าเช่นกัน ต่อมาในปี 1997 ในโอกาสของการเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีของคอลเล็กชั่น Royal Oak แบรนด์ยังได้พัฒนาและเปิดตัวนาฬิกา Mini Royal Oak [Model 67075] ออกมาเป็นครั้งแรกด้วยขนาดตัวเรือนที่เล็กลงเหลือเพียง 20 มม. เท่านั้น พร้อมทั้งบรรจุด้วยกลไกควอตซ์ Calibre 2601 ซึ่งนับได้ว่าเป็นนาฬิกาอีกหนึ่งรุ่นบุกเบิกทั้งทางด้านความบางและมีขนาดที่เล็กที่สุดสำหรับ Royal Oak เท่าที่เคยผลิตมาเลยทีเดียว
สืบทอดจากตำนานความเล็กจิ๋วของ Mini Royal Oak ที่วันนี้ Audemars Piguet ได้นำมาเป็นแรงบันดาลใจและตีความใหม่สู่การหวนคืนกลับมาของ Oak Mini เวอร์ชันใหม่ล่าสุดของ Royal Oak Mini Frosted Gold Quartz ซึ่งไม่เพียงแสดงออกถึงวิถีแห่งการสร้างสรรค์นาฬิกาขนาดเล็กแต่หรูหราสำหรับผู้หญิง แต่ยังถ่ายทอดถึงสัมผัสอันท้าทายและทันสมัยด้วยการผสมผสานการออกแบบอันเป็นต้นตำรับของ Royal Oak เข้ากับเทคนิค Frosted Gold อันเลื่องชื่อของเมซง เพื่อมอบทั้งเสน่ห์และรายละเอียดของการเล่นกับแสงได้อย่างสะดุดตา
นาฬิกา Royal Oak Mini Frosted Gold Quartz ทั้ง 3 รุ่นใหม่ มาพร้อมตัวเรือนซึ่งมีขนาดใหม่เพียง 23 มม. และสายนาฬิกาทั้งเรือนทำจากเยลโลว์โกลด์ ไวต์โกลด์ หรือพิงก์โกลด์ ภายใต้โทนสีโมโนโครมโดดเด่นและเปี่ยมด้วยพลังตามแบบฉบับของ Royal Oak ขณะที่พื้นผิวของตัวเรือนและสายนาฬิกาทองเหล่านี้ยังตกแต่งแบบ Frosted Gold ช่วยเผยเอฟเฟกต์ความระยิบระยับราวกับอัญมณีเมื่อเล่นกับแสงสะท้อนจากทุกๆ มุมมองและทุกการเคลื่อนไหวเมื่อสวมใส่บนข้อมือ โดยยังคงเผยความสวยงามร่วมสมัยที่ได้ต้นแบบมาจากนาฬิกา Mini Royal Oak ขนาด 20 มม. ของปี 1997 ไว้ แต่ปรับแต่งในรายละเอียดอย่างพิถีพิถันยิ่งขึ้นทั้งเรื่องของสัดส่วน โครงสร้าง งานดีไซน์และประสิทธิภาพของกลไก เพื่อให้ตรงกับไลฟ์สไตล์อันหลากหลายของผู้หญิงยุคสมัยใหม่ ส่วนบนหน้าปัดที่เป็นเอกลักษณ์นั้นยังคงตกแต่งด้วยลวดลาย Petite Tapisserie ไล่โทนสีในเฉดเดียวกัน เพื่อเสริมการมองเห็นเวลาได้อย่างชัดเจนและสะท้อนถึงแสงอันเปล่งประกายแบบเดียวกันกับตัวเรือนและสายนาฬิกาแบบ Frosted Gold นั่นเอง
สำหรับนาฬิกา Mini Oak รุ่นใหม่ทั้ง 3 ตัวเลือกนี้ขับเคลื่อนภายในด้วยกลไกควอตซ์ Calibre 2730 ที่มีอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ยาวนานกว่า 7 ปี จึงแทบไร้กังวลกับการดูแลเปลี่ยนถ่านกันบ่อยๆ และมั่นใจได้ถึงความเที่ยงตรงจากการทำงานอย่างต่อเนื่องยาวนานของนาฬิกา จึงเรียกได้ว่าแม้จะมาพร้อมรูปทรงมินิ แต่ Mini Oak ใหม่ก็คงความยิ่งใหญ่ไว้ด้วยมรดกแห่งตำนานการสร้างสรรค์ซึ่งผสมผสานเข้ากับพลังอันดึงดูดใจจากเทคนิคการตกแต่งอย่างสวยงาม ทั้งยังบรรจบกับความสง่างามตามแบบฉบับของ Royal Oak ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ ก็ยังมีอีกหนึ่งตัวเลือกของนาฬิกาขนาดเล็กสำหรับข้อมือผู้หญิง อย่าง รุ่น Royal Oak Frosted Gold Selfwinding 34 mm ซึ่งขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลอัตโนมัติ พร้อมทั้งความโดดเด่นของทั้งตัวเรือนและสายนาฬิกาทองตกแต่งเทคนิค Frosted Gold ให้ลุคทันสมัยและมีเสน่ห์ดึงดูดสายตาไม่แพ้กัน
สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.audemarspiguet.com