กลิ่นอายแห่งฤดูใบไม้ร่วงได้กลับมาเยือนเราอีกครั้ง เช่นเดียวกับ Gaggan at Louis Vuitton ที่กลับมาพร้อมกับบทใหม่แห่งการรับประทานอาหาร ด้วยการนำเสนอเมนูอาหารกว่า 11 คอร์สประจำฤดูใบไม้ร่วง ที่ไม่เพียงมีรสเลิศล้ำ หากแต่ยังสอดแทรกความคิดสร้างสรรค์ลงไปอย่างอัดแน่นทุกอณู ร้อยเรียงกันเป็นเรื่องราวการเดินทางบนเส้นทางสายอาหารทั่วโลกของเชฟ Gaggan



What’s New
สำหรับฤดูกาลใบไม้ร่วงนี้ Gaggan at Louis Vuitton ได้นำเมนูให้เราได้ลิ้มลองกันกว่า 11 คอร์ส โดยมีเมนูใหม่น่าสนใจอย่าง Shores of Kerala ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแกงปลาสีอำพัน อาหารพื้นเมืองชายฝั่งทางตอนใต้ของอินเดีย, Fruits of Land and Sea คอร์สอาหารบางเบาที่เปี่ยมด้วยสีสันสวยสด, Hokkaido Expedition ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเกาะทางตอนเหนือของญี่ปุ่น และปิดคอร์สด้วยของหวานอย่าง Saison โดยเชฟเดช คิ้วคชา ที่มีหัวใจคือ ‘ไอศกรีมน้ำตาลโตนดเนื้อครีม’

Why We Should Try
คงไม่มีอะไรเหมาะแก่การเฉลิมฉลองการเข้ามาสู่ฤดูกาลใหม่มากไปกว่าลิ้มลองวัตถุดิบที่ดีที่สุดประจำซีซั่น ซึ่งฤดูใบไม้ร่วงนี้ Gaggan at Louis Vuitton ก็ได้เสิร์ฟทั้งวัตดุดิบจากประเทศไทยและทั่วทั้งภูมิภาค โดยเราจะเริ่มต้นกันอย่างสดชื่นกับ Ice & Plants จากซอร์เบต์แบล็กเคอร์แรนต์และกะหล่ำปลีม่วง ซ้อนชั้นด้วยกรานิต้าชิโสะแดงเนื้อละเอียด ปิดท้ายด้วยสมุนไพรสีแดงและสีม่วงกรอบ ๆ ร้อยเรียงเข้าด้วยน้ำสลัดดาชิ เรียกว่าเริ่มต้นอย่างน่าติดตา เพราะเมนูนี้เสิร์ฟมาในน้ำแข็ง!

สานต่อรสชาติด้วย Shores of Kerala ที่นำเนื้อปลาค็อด ราดด้วยซอส Moilee กับแกงกะทิที่รังสรรค์จากมะพร้าว มะเขือเทศ มะขาม และใบแกง หรือไฮไลต์อย่างคอร์ส Fruits of Land and Sea ที่ประกอบด้วยทาร์ทาร์หอยเชลล์ฮอกไกโด แผ่นเจลลี่ส้มบางเบาและซุปใสรสซิตรัสที่ผสมผสานกับน้ำมันดิลล์หอมกรุ่น


เช่นเดียวกับ Hokkaido Expedition เนื้อสันใน A3 ย่างบาร์บีคิว เสิร์ฟพร้อมกับหอมใหญ่ Cévennes เคลือบด้วยน้ำส้มสายชูเบียร์รสคมและราดด้วยซอสเนื้อเข้มข้น จับคู่กันอย่างลงตัวกับขนมปังนมฮอกไกโดและดึงกลิ่นสุดกลมกล่อมด้วยการทาไขมันเนื้อและปิดท้ายด้วยน้ำมันหัวหอม และปิดท้ายด้วยของหวาน Saison ที่ผสมผสานรสหวานและเค็มได้อย่างลงตัว ผ่านน้ำตาลโตนดเนื้อครีมที่ตัดรสด้วยอาร์ติโชกทอดกรอบและช็อกโกแลตชิปส์ พราลีนถั่วลายเสือ และเติมมิติด้วยกล้วยหนึบ แยมเลมอนเผารสเปรี้ยว และส้มรมควัน


นอกจากเมนูใหม่ประจำฤดูกาลแล้ว เมนูซิกเนเจอร์ที่ถูกปรับให้เข้ากับฤดูกาลเองก็น่าพูดถึงไม่แพ้กัน ทั้งความอร่อยระดับเลียจานอย่าง Lick It Up ซึ่งตีความ Espresso Martini ขึ้นมาใหม่ในรูปแบบของผลเกาลัด ผสมผสานเกาลัด เหล้า Kahlúa และกาแฟ ออกมาเป็นลวดลายโมโนแกรมสุดไอคอนิกของเมซง ซึ่งประดับอยู่ใต้ผลเกาลัดจาก crème fraîche รสเปรี้ยวอมหวาน

คอร์สอาหารอันขึ้นลื่อของ Gaggan at Louis Vuitton อย่าง World Map ที่สะท้อนปรัชญา ‘Spirit of Travel’ เองครั้งนี้ก็ได้นำเสนอคำเล็ก 3 รูปแบบที่เป็นตัวแทน 3 ประเทศสำคัญบนเส้นทางสายอาหารของเชฟ Gaggan ไม่ว่าจะเป็น ประเทศสหราชอาณาจักร กับสลัดชีสนมแพะและบีตรูตเสิร์ฟบนแครกเกอร์เนื้อที่เสริมรสด้วยพาร์เฟต์ไวต์ช็อกโกแลตและแยมเมเปิ้ล ประดับคาเวียร์ ต่อด้วยประเทศสิงคโปร์กับเมนู Pink Pepper Crab ที่ได้แรงบันดาลใจจากเมนูอาหารทะเลสุดยูนีกจากอิมัลชันมันปูเข้มข้นและเนื้อปูสดใหม่ เติมรสจัดจ้านด้วยน้ำสลัดฮันนี่มัสตาร์ดและพริกไทยสีชมพู ปิดท้ายด้วยปลายทางอย่างประเทศไทย ที่ชูเมนูเมี่ยงคำสุดล้ำด้วยใบชะพลูทอดกรอบที่ถูกเสิร์ฟในรูปแบบลูกกวาด สอดไส้กุ้งหวาน และปิดท้ายด้วยขิงสด พริก และใบมะกรูด


ELLE Says: “แต่ละจานไม่ใช่เพียงอาหาร หากคือการเดินทางผ่านรสชาติที่เชฟร้อยเรียงจากหลายวัฒนธรรม ทำให้ละเลียดรสชาติจากวัฒนธรรมต่างถิ่นซึ่งเชฟนำมาผสมผสานอย่างมีชั้นเชิง ความหลากหลายที่ดูเหมือนแยกขาดกลับถูกกล่อมเกลาให้คลอเคลียกันอย่างงดงาม ขณะเดียวกันเชฟยังขยับขยายประสบการณ์ไปไกลกว่าเพียงรสชาติ โดยเลือกผสมวัฒนธรรมดนตรีเข้ากับบรรยากาศของค่ำคืนนั้น ทำให้ทุกคำที่ลิ้มราวกับก้าวสู่บทกวีที่มีทั้งกลิ่น เสียง และรสชาติประสานกันในห้วงเวลาเดียวกัน” Sarunrat Panchiracharoen, Fashion Director
Where to find
LV The Place Bangkok ศูนย์การค้าเกษรอัมรินทร์ ชั้น 2 เลขที่ 502 ถนนเพลินจิต ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ โทร. +66 61 413 6295 โดยหากใครสนใจสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือต้องการจะสำรองที่นั่ง สามารถทำได้ที่ Gaggan at Louis Vuitton
When
เมนูฤดูใบไม้ร่วงใหม่จะให้บริการตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยเปิดทำการตั้งแต่เวลา 12.00 น. – 22.00 น. และปิดทุกวันอังคาร และ วันพุธ

