Saturday, November 1, 2025

เปลี่ยนกาแฟเป็นมัทฉะในตอนเช้า สุขภาพดีขึ้นจริงหรือแค่เทรนด์?

ทุกวันนี้แค่เลื่อน TikTok หรือเปิด Instagram ก็เจอมัทฉะลาเต้สีเขียวเต็มไปหมด ตั้งแต่มุมโต๊ะบนคาเฟ่ไปจนถึงมือของสาวๆ สายแฟ ทุกคนล้วนกลายเป็น #matchagirlies ไปหมด แล้วมัทฉะที่กำลังอินอยู่ตอนนี้ มันเป็นแค่เครื่องดื่มหน้าตาดีสำหรับคอนเทนต์ หรือสามารถแทนที่กาแฟแก้วโปรดของชาวออฟฟิศได้จริงหรือ? Amelia Bell, Multiplatform Beauty Director จาก ELLE UK ได้ทดลองเปลี่ยนกาแฟยามเช้าที่ดื่มเป็นกิจวัตร มาเป็นมัทฉะทุกวันเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อดูว่าพลังงาน อารมณ์ และความเครียดในชีวิตจะเปลี่ยนไปแค่ไหนกันแน่

มัทฉะคืออะไร และต่างจากชาเขียวทั่วไปยังไง?

มัทฉะคือชาเขียวชนิดบดละเอียดที่สามารถดื่มทั้งใบแทนที่จะแช่และทิ้งใบเหมือนชาเขียวทั่วไป นั่นหมายความว่า ร่างกายจะได้รับสารอาหารเข้มข้นกว่ามาก โดยเฉพาะ แคทีชิน (Catechins) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระทรงพลัง และต้านการอักเสบ ซึ่งให้ประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก แถมยังมี คลอโรฟิลล์ ที่ช่วยล้างพิษ เพิ่มเม็ดเลือดแดง และบำรุงตับในระยะยาว ที่สำคัญคือเราดื่มทั้งใบชาเลย ทำให้ร่างกายได้รับใยอาหารที่ช่วยเรื่องการย่อยด้วย นอกจากนี้มัทฉะยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามิน A, B, C เหล็ก แมกนีเซียม และสังกะสี

ความแตกต่างเมื่อเปลี่ยนจากคาเฟอีนในกาแฟมาเป็นมัทฉะ

มัทฉะมีคาเฟอีนเช่นเดียวกับกาแฟ แต่สิ่งที่ต่างคือมัทฉะไม่ทำให้รู้สึกกระวนกระวายหรือเหนื่อยล้าหลังจากคาเฟอีนในกาแฟหมดฤทธิ์ มัทฉะมีกรดอะมิโนที่ชื่อว่า L-theanine ซึ่งช่วยให้คาเฟอีนดูดซึมช้าลง ให้พลังงานอย่างช้าๆ แต่ยาวนาน ปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน 6-8 ชั่วโมง คุณจะได้รับพลังงานแบบเนิบๆ แต่สม่ำเสมอ ทำให้ไม่มีอาการวูบหรือหมดแรงในระหว่างวัน Amelia Bell ยังเล่าว่าหลังจากดื่มมัทฉะเป็นประจำ เธอรู้สึกว่าสามารถโฟกัสสิ่งรอบตัวดีขึ้น ไม่ง่วงหลังกินข้าวเที่ยงเหมือนเดิม และที่สำคัญคือระดับความเครียดลดลงอย่างเห็นได้ชัด

มัทฉะดีต่ออารมณ์อย่างไร?

L-theanine ในมัทฉะไม่เพียงแค่ชะลอการดูดซึมคาเฟอีน แต่ยังช่วยกระตุ้นการผลิตสารเคมีในสมองอย่าง GABA, เซโรโทนิน และโดพามีน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียด และสร้างสมดุลของอารมณ์ จึงไม่น่าแปลกใจที่คนที่ดื่มมัทฉะมักจะรู้สึกทั้งกระปรี้กระเปร่าและสงบไปพร้อมกัน

ดื่มมัทฉะยังไงให้ดีต่อสุขภาพ?

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรดื่มมัทฉะในปริมาณพอดี เช่น วันละ 1 แก้ว และควรเลือกเป็นมัทฉะเกรดพิธีการ (Ceremonial Grade) ที่คุณภาพสูงสุด สีเขียวสด รสละมุน และปลอดสารตกค้าง

หลังจากทดลองดื่มมัทฉะเป็นประจำทุกวันนานถึง 3 เดือน Amelia Bell ได้แชร์ผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ทั้งระดับความเครียดที่ลดลง ระบบย่อยอาหารที่ดีขึ้น และพลังงานที่มั่นคงตลอดวันแบบไม่ต้องพึ่งกาแฟถ้วยที่สองอีกต่อไป อย่างไรก็ตามเธอก็ฝากข้อควรรู้สำหรับสายมัทฉะไว้ว่า แม้มัทฉะจะเป็นชาเขียวแต่มีคาเฟอีนมากกว่าชาเขียวทั่วไป และถึงแม้คาเฟอีนจะไม่เป็นอันตรายหากดื่มในปริมาณที่เหมาะสม แต่หากมากเกินไปก็อาจส่งผลกระทบต่อหัวใจ อารมณ์ และสมาธิได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นดื่มอย่างมีสติ สุขภาพจะได้ดีแบบยั่งยืนจริงๆ

Source: ELLE UK

Latest Posts

Don't Miss