อีกหนึ่งความหลงใหลที่จะพาทุกคนมาร่วมค้นพบความมั่นใจในแบบตัวเองไปกับ Guerlain ผ่านการพูดคุยสุดเอ็กซ์คลูซีฟกับ นักปรุงน้ำหอมระดับกูรูประจำแบรนด์อย่าง Thierry Wasser เพื่อให้ทุกคนได้รู้จักตัวตนในการก้าวมาเป็นนักปรุงน้ำหอมและสัมผัสถึงความพิเศษของกลิ่นหอมล่าสุด L’Art & La Matière Tobacco Honey

ELLE: อะไรคือแรงบันดาลใจในการเป็นนักปรุงน้ำหอมของคุณ และน้ำหอมกลิ่นแรกที่คุณตกหลุมรัก?
THIERRY WASSER: จุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจที่ทำให้เป็นนักปรุงความหอม ต้องย้อนไปตั้งแต่ช่วงอายุ 10-12 ขวบ ผมเติบโตที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในเมืองเล็กๆ ใกล้กับป่า และมีภูเขารายล้อมอย่างที่เราเคยเห็นในภาพโปสเตอร์ ที่บริเวณรอบๆ จะมีทั้งสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ พืชพันธุ์สมุนไพร ซึ่งผมได้เก็บสมุนไพรเหล่านั้นมาใส่ในขวดโหล นี่จึงกลายเป็นจุดที่ทำให้เริ่มหลงใหลและเรียนรู้จากธรรมชาติ โดยการสัมผัสกลิ่นที่เริ่มต้นจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว จนกระทั่งเมื่ออายุ 13 ปี ผมขโมยน้ำหอมของเพื่อนแม่ ซึ่งความหอมนั้นได้สร้างทัศนคติอีกหนึ่งรูปแบบความหอมที่ทำให้ผมรู้สึกเป็นหนุ่มขึ้นในช่วงวัยนั้น”

ELLE: อะไรคือจุดเริ่มต้นในการปรุงน้ำหอมครั้งแรก และนานแค่ไหนที่คุณปรุงน้ำหอมตั้งแต่ต้นจนจบ
T.W.: “หากย้อนกลับไปในยุค ’70s ที่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ต คุณยังไม่รู้ว่าน้ำหอมนั้นมันมาจากไหน หรือแม้แต่ที่มาของกลิ่นทำมาจากอะไร จนกระทั่งได้อ่านบทความในนิตยสารเกี่ยวกับโรงเรียนที่ออกแบบน้ำหอมให้กับผู้คนมากมายที่ตั้งอยู่ในกรุงเจนีวา และภายหลังผมมีโอกาสได้เข้าร่วมในโรงเรียนนี้ และค้นพบว่าธุรกิจเกี่ยวกับความหอมเป็นสิ่งที่น่าสนใจ นับจากวันนั้นก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างน้ำหอม จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาแล้ว 41 ปี”

ELLE: อะไรคือความท้าทายในการเป็นนักปรุงน้ำหอมที่คุณเคยเจอมา?
T.W.: “แน่นอนว่าต้องเข้าใจตัวแบรนด์ก่อน เนื่องจากน้ำหอมของ Guerlain มีความพิเศษ เพราะฉะนั้นความท้าทายคือต้องแน่ใจว่าจะต้องค้นหาแหล่งวัตถุดิบที่มีความเหมะสม อีกทั้งเมื่อต้องผลิตน้ำหอมตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19-20 การให้ชื่อน้ำหอมก็เป็นอีกเรื่องเช่นกัน แต่ถ้าเป็นความท้าทายในการเป็นนักปรุงน้ำหอมนั้นสำหรับผมแล้ว…ไม่มี”
ELLE: อยากให้เล่าถึงน้ำหอมกลิ่นล่าสุด Tobacco Honey ในคอลเล็กชั่น L’Art & La Matière
T.W.: “ในคอลเล็กชั่นนี้มี 22 กลิ่นที่แตกต่างกัน และเราพยายามมองหามุมอื่นๆ และพบว่าใบยาสูบ (tobacco) เคยเป็นหนึ่งในส่วนผสมน้ำหอมรุ่นก่อนอย่าง Vetiver de Guerlain เมื่อปี 1959 ทำให้ Delphine Jelk นักปรุงน้ำหอมกลิ่นนี้อยากดึงเอาน้ำผึ้งและใบยาสูบมาผสมกัน ซึ่งน้ำผึ้งต้องถูกสกัดเพื่อใช้สำหรับปรุงน้ำหอมเท่านั้น และแหล่งน้ำผึ้งที่ใช้นั้นมาจากสวนของ Guerlain ที่อยู่ทางตอนใต้ของอิตาลี เพราะฉะนั้นน้ำผึ้งจึงเป็นโฮมเมด”

และเธียร์รี่ยังเสริมอีกว่า ทั้งสองวัตถุดิบนี้มีความแตกต่างจากกลิ่นอื่นๆ ในคอล็กดียวกันผ่านคาแร็กเตอร์ที่ชัดเจน นำเสนอกลิ่นที่ดูมั่นใจในตัวเอง ซึ่งความมั่นใจที่ว่านี้ในแต่ละคนอาจมีลักษณะส่วนบุคคลที่แตกต่างกันออกไปตามการรับรู้ของกลิ่นหอมที่แตกต่างกัน แต่โดยรวมแล้วเธียร์รี่จะเน้นถึงการใช้น้ำหอมที่มีบทบาทสำคัญในการพรีเซนต์ความเป็นตัวเองและความมั่นใจ อีกทั้งยังไม่มีกฎตายตัวในการใส่น้ำหอม ซึ่งหัวใจสำคัญคือการเลือกกลิ่นที่ทำให้คุณรู้สึกดีและมั่นใจ รวมถึงดูแลผิวที่มีส่วนช่วยให้น้ำหอมมีกลิ่นหอมติดยาว
ELLE Says
“จากการพูดคุยในครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำความคิดของเราได้เป็นอย่างดีที่ว่าเรื่องของกลิ่นหอมเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล เพราะแต่ละคนตีความความรู้สึกของกลิ่นหอมแต่ละกลิ่นที่สะท้อนเรื่องราวและความทรงจำล้วนแตกต่าง ดังนั้น ในช่วงเวลา โอกาส หรือจังหวะของชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้ความสนุกของการฉีดน้ำหอมเปลี่ยนไปได้ทุกครั้ง”
Interview: CHATLINA CHEYJUNYA
Text: TITTAYA LEKPETCH