Tuesday, September 10, 2024

เปิดชีวิตบทใหม่ของ ‘แพรี่พาย’ ในวันที่เยียวยาร่างกายและจิตใจผ่านธรรมชาติ

‘แพรี่พาย’ ชื่อนี้เคยเป็นที่รู้จักในฐานะเมกอัพอาร์ทิสต์ไทยรุ่นใหม่ไฟแรง ผู้ถ่ายถอนตัวเองจากชื่อเสียงและแสงสีเพื่อไปเริ่มต้น ‘บทที่ 2’ ของแพร-อมตา จิตตะเสนีย์ ในฐานะที่เป็นผู้หญิง มนุษย์ และลูกสาวของธรรมชาติ 

ELLE: ในที่สุดแพรี่พายก็กลับมาทำเรื่องเมกอัพอีกครั้ง แต่เป็นการ ‘ปลูกสี’ ปลูกพืชต่างๆ ที่ให้สีสันมาย้อมผ้า ทำอาหาร หรือแต่งหน้าได้ แพรี่พายมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

“ต้องเล่าก่อนว่า 2 ปีที่ผ่านมาเราขยับจากเรื่องสิ่งแวดล้อมและผ้าไทยไปทำเรื่องกรีนสเปซ เป็นการปลูกผักฉบับคนเมือง ในไอจีเราเน้นโพสต์เรื่องผลผลิตต่างๆ ที่ปลูกเองบนดาดฟ้าคอนโดฯ เช่น เพาะเห็ด ปลูกข้าว ปลูกผักผลไม้ต่างๆ แต่ไม่ได้ปลูกได้เยอะ เราเกี่ยวข้าวก็ได้แค่ 2-3 กิโลกรัม ด้วยมีนกมากิน มีแมลงศัตรูพืชมารบกวน ได้ทดลองเรื่อง ‘ปลูกสี’ เช่น ปลูกต้นครามทำสีคราม ปลูกต้นดาวกระจายทำสีแสด เป็นต้น ได้จัดเวิร์กช็อปอาหารจากดาดฟ้าให้คนที่สนใจเข้ามาเก็บเกี่ยวผลผลิตที่เราปลูกเองนำไปปรุงอาหาร มีตั้งแต่หมูกระทะไปจนถึงพิซซ่า”

ELLE: คุณได้คลุกคลีกับแม่ป้าย่ายายในชุมชนต่างๆ มากมาย ต่างจากปริญญาในหลักสูตรสากล พวกเธอล่วงรู้ความลับของธรรมชาติ และสามารถดำรงชีพอยู่ในพื้นที่อันยากลำบากได้ คุณได้เรียนรู้ภูมิปัญญาอะไรจากผู้หญิงเหล่านั้นบ้าง 

“เราคิดว่าเขาใช้ชีวิตไปตามสามัญสำนึก คนในเมืองไม่ค่อยมีเซนส์ตรงนี้ เราถูกตัดขาดจากสามัญสำนึกตามธรรมชาติของเราด้วยเทคโนโลยีและความสะดวกสบาย อย่างครั้งแรกที่เราเดินป่า เราเดินข้ามน้ำไม่ได้ กลัวมาก น้ำไม่ได้ลึกเลยนะ แต่เรามองไม่เห็นท้องน้ำก็เลยกลัว และไม่มีเซนส์การทรงตัวใดๆ ทั้งสิ้น ไปเดินเก้งก้างในป่า แต่แม่ๆ เดินฉิวเลย เขามีเซนส์และทักษะการเอาชีวิตรอดสูงกว่าเราเยอะมาก 

“เวลาอยู่กับพวกเขาแล้วรู้สึกว่าเราเป็นคนจริงๆ ได้ใช้ประสาทสัมผัสทุกด้านเต็มที่ ได้กลับมาเชื่อมโยงกับตัวเอง ผู้คนและธรรมชาติมากขึ้น ทำให้เรานับถือคนอื่นและสิ่งอื่นๆ มากขึ้น ได้เข้าใจว่าไม่ได้มีแค่ตัวเรา แต่ก่อนจะคิดว่าฉันต้องเป็นนัมเบอร์วัน ต้องปัง ต้องฟาด พอย้อนกลับไปมองก็ทำให้เราคิดได้ว่าการเติบโตจากภายในเป็นเรื่องสำคัญมากๆ แต่ก็เป็นเรื่องยากกับการเดินออกมาจากคอมฟอร์ตโซนตัวเอง อย่างคุณแม่เราเป็นนักธุรกิจ เขาต่อต้านมากที่เรามาทำเรื่องสิ่งแวดล้อม ทำไมลูกไม่แต่งหน้า ไม่แต่งตัว แต่พอเราเริ่มปลูกผักบนดาดฟ้า แม่ก็ตามขึ้นมาดู พอได้ลองผสมเกสรข้าวโพดก็ตื่นเต้นมาก จนยอมไปพบชุมชนกับเราที่เชียงดาวหลังจากที่เราไปมาแล้ว 5 ปี ได้เห็นแม่ในมุมที่วิ่งเล่นหัวเราะเหมือนเด็ก สนุกสนานกับดอกไม้ เราปลื้มมาก ธรรมชาติทรงพลังมากจริงๆ” 

ELLE: คุณได้ลงพื้นที่ในหลายจังหวัด และได้รู้จักผู้คนจากหลากหลายกลุ่ม มองว่าพลังของการรวมตัวกันของผู้หญิงเป็นกลุ่มก้อนหรือชุมชนสำคัญอย่างไร

“ล่าสุดเราไปชุมชนที่ขอนแก่นมา ได้เจอการรวมกลุ่มของแม่ๆ ที่ทรงพลังมาก มีผู้หญิงหลากหลายวัยรวมกลุ่มกัน โดยไม่มีข้อกำจัดเรื่องอายุและเต็มไปด้วยพลังของความสามัคคีแรงกล้ามาก เราอยากดำเนินชีวิตแบบนี้ที่ไม่มีเส้นใดๆ มากั้น ทั้งเรื่องอายุหรืออาชีพ ทุกคนมีเสียงของตัวเอง สามารถแสดงความคิดเห็นออกมาได้เต็มที่ เมื่อมีคนเปิดโอกาสให้พูดและรับฟัง การขับเคลื่อนหรือพัฒนาก็จะเดินหน้าอย่างทรงพลังมาก ทุกคนรวมกลุ่มกันทอผ้า ดูแลป่าชุมชน ผลิตอาหารตามฤดูกาล ทุกคนให้สิ่งที่ดีที่สุดของตัวเองกับคนอื่นเสมอ อย่างเขาแบ่งรังมดแดงให้เรากิน มันดูเล็กน้อยนะ แต่นั่นคืออาหารที่เขาหามาเอง ซึ่งเรารู้ว่าไม่ได้มาง่ายๆ และมันเป็นอาหารที่มีค่าสำหรับเขา” 

ELLE: คนมักใช้ทรัพย์สิน วัตถุ ตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นมาตรวัดความสำเร็จและความภูมิใจ ณ จุดนี้ของชีวิต อะไรคือสิ่งที่คุณคิดว่านั่นคือความสำเร็จที่คุณพอใจ หรือภูมิใจ

“คนชอบพูดว่าคนนี้เขาจบจากที่นี่มานะ แพรี่พายเขาเคยไปแต่งหน้าที่ลอนดอน เคยโคกับแบรนด์นั้นแบรนด์นี้มานะ (หัวเราะ) มันก็เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่เราเต็มที่ในสิ่งที่เราเชื่อ เราไม่เสียใจเลยที่เคยเลือกเดินเส้นทางนั้น มันคือประสบการณ์ที่ทำให้เราได้มาเจอเส้นทางที่เราอยู่ทุกวันนี้ เหมือนโดนเหวี่ยงกลับมาอีกด้าน ถามว่าอะไรคือความสำเร็จในวันนี้ของเรา เราคิดว่าเป็นเรื่องที่เราเติบโตขึ้น สุขภาพจิตดีขึ้น และคุณค่าที่เคยตามหาตอนช่วงที่หยุดแต่งหน้า ตอนนี้เราเจอมันแล้ว ซึ่งก็ต้องค่อยๆ หาอยู่หลายปี เราไปเร่งรัดธรรมชาติไม่ได้ ต้องผ่านกระบวนการ ผ่านประสบการณ์ ต้องค่อยๆ เยียวยาและประกอบร่าง ตบให้เข้าที่เข้าทาง ถ้าเราไม่ได้สัมผัสธรรมชาติเราจะคิดแบบนี้ไม่ได้ เราจะหงุดหงิดว่ามันคืออะไร ทำไมไม่เจอสักที แต่พอเราเข้าใจธรรมชาติ เราจะอดทนและรอคอยเป็น”   

ELLE: อะไรคือคุณสมบัติที่ทำให้คุณได้ดำเนินชีวิตในแบบที่ใช่กับค่านิยมของตัวเองมากขึ้น

“เราทำเกินร้อยในทุกสิ่งที่ทำ ให้ร้อยทำล้าน บางงานเป็นวิทยากรบรรยายได้ 900 เราก็เต็มที่ บางงานได้ 10,000 ก็เต็มที่เท่ากัน และเราเป็นคนลงรายละเอียดในทุกสิ่งที่ทำ เรามองเห็นความงามในสิ่งรอบตัวได้เสมอ แต่ไม่ใช่คนคิดบวกตลอดเวลา เราแค่มองเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แม้แต่วิดีโอปลูกผัก เราก็ทำให้มันครีเอทีฟน่าดูได้

“เราคิดว่าแก่นความเป็น ‘แพร’ ไม่ได้เปลี่ยนไปหรอก เราก็ยังเป็นแพรที่เต็มที่และละเอียดเหมือนเดิม ไม่ว่าจะแต่งหน้าหรือปลูกผัก แค่พื้นที่ที่เราไปทำงานและเส้นทางที่เดินไปเปลี่ยนไปเท่านั้น ตอนนี้เป็นเส้นทางที่เราอยากมุ่งไปสู่มากขึ้น แต่ก่อนคือบทที่ 1 ที่จบไปแล้ว และตอนนี้คือการเดินทางในบทที่ 2 ของเรา”

Words: Suphakdipa Poolsap

Latest Posts

Don't Miss

Stay in touch

To be updated with all the latest news, offers and special announcements.