Monday, January 20, 2025

‘ความมุ่งมั่นที่ไม่เคยหมดหวัง’ ของ นัตตี้ กว่าจะเจอเวลาที่ใช่ให้เธอได้เดบิวต์เป็น ‘นัตตี้ KISS OF LIFE’

คอลัมน์ ELLE Crush เดือนพฤษภาคมนี้ แอลพาไปคุยกับ ‘KISS OF LIFE’ วงสุดยูนีกที่สุดวงหนึ่งในวงการเคป๊อป ด้วยเมมเบอร์อยู่ในวัย 20 ต้นๆ แต่เป็นเทรนนีมา 10 ปี เป็นนักแต่งเพลงที่มีผลงานกว่า 1,000 เพลง แม้เดบิวต์ได้ไม่ถึงปี แต่มงลงไปเลยว่า ‘Monster Rookie’ 

NATTY: The Ultimate Determination

‘อาณัชญา สุพุทธิพงศ์’ ชื่อที่สมควรได้นิยามใหม่ว่า ‘ความมุ่งมั่นที่ไม่เคยหมดหวัง’ ของเด็กไทยที่ไปเป็นเทรนนีที่เกาหลีตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ใช้เวลา 10 ปีกว่าที่ความสามารถจะมาเจอเวลาที่ใช่ให้เธอได้เดบิวต์เป็น ‘นัตตี้ KISS OF LIFE’

ELLE: ตอนที่นัตตี้ผ่านการออดิชั่นของ SM และ JYP จนตัดสินใจไปเกาหลีใต้คนเดียวเพื่อเป็นศิลปินฝึกหัด คุณแม่ไม่อยากให้นัตตี้ไป แต่คุณพ่อชอบความท้าทายและบอกกับนัตตี้ว่าให้ลองไปตามฝันของตัวเองดู

NATTY: ตอนนั้นหนูเด็กมากจริงๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องว่าเทรนนีต้องทำอะไรบ้าง ทางค่ายบอกว่าให้เราไปเวิร์กช็อป เรียนเต้น เรียนร้องเพลง นัตตี้คิดว่า ‘โอ๊ะ ดูน่าสนุกดีนะ’ ปะป๊าคอยพาหนูไปออดิชั่นตามที่ต่างๆ อยู่แล้วก็เลยสนับสนุน แต่คุณแม่เป็นห่วงมากเลยค่ะ ไม่อยากให้ไปเกาหลี หนูต้องไปคนเดียวด้วย จะเจออะไรบ้างก็ไม่รู้ แต่หนูอยากไปอยู่ดี พอมาคิดตอนนี้ก็ต้องขอบคุณปะป๊ามาม้ามากๆ ถ้าไม่ได้ส่งหนูมาที่เกาหลีป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอยู่ค่ะ เพราะตั้งแต่เด็กๆ นัตตี้อยากเป็นดารา เคยถ่ายโฆษณาตั้งแต่เด็ก ไปกองถ่ายต่างๆ ร้องเพลง เต้น รู้สึกว่าชอบทางนี้ค่ะ  

ELLE: ช่วงเวลาที่รอคอยก่อนจะได้เดบิวต์นัตตี้ฝึกฝนตัวเองอย่างไรบ้าง ที่เมื่อค่าย S2 ชวนมาร่วมโปรเจ็กต์ KISS OF LIFE แล้วนัตตี้สามารถพร้อมทำงานได้ทันที

NATTY: ต้องพยายามพัฒนาตัวเองในหลายๆ ทางทั้งทางที่เราถนัดและไม่ถนัด ถ้าเราทำแต่แนวที่เราเก่งอย่างเดียว เราก็จะไม่กว้าง แต่ช่วงที่ฝึกฝนก็มีท้อหลายครั้งมาก สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับศิลปินฝึกหัดคือ ‘การรอคอย’ เราไม่รู้ว่าเราต้องรอนานแค่ไหนกว่าจะได้เดบิวต์ หลายๆ คนรอไม่ได้และล้มเลิกไปก่อน เพราะการรอคอยนานๆ มันเหนื่อยมากเลยนะคะ

ELLE: นัตตี้เคยบอกว่า ‘โชค’ มีส่วนสำคัญมากในการเป็นศิลปินไม่น้อยไปกว่าการร้องเพลงและเต้นได้ดี

NATTY: เพราะแรกๆ นัตตี้คิดว่าถ้าเราเก่งก็จบแล้วไหม…หนูเคยคิดแบบนั้น แต่พอเจอเหตุการณ์หลายๆ อย่างมากขึ้น ถ้าเราเก่งจริงๆ ทำไมเราไม่ได้เดบิวต์ แต่จริงๆ แล้วทุกคนมีไทมิ่งของตัวเองค่ะ พอ 10 ปีผ่านไป นี่ละคือไทมิ่งของนัตตี้ มันมาแล้ว เราจะคว้าไว้ไม่ปล่อยให้หลุดมือไป

ELLE: นัตตี้เป็นศิลปินฝึกหัด 10 ปี พลาดการได้ฉลองปีใหม่กับครอบครัว 10 ครั้ง ร่วมแข่งขันในรายการ Survivor 2 ครั้ง เคยเดบิวต์เป็นศิลปินเดี่ยว มีคนบอกไหมว่าเรื่องราวของนัตตี้เป็นแรงบันดาลใจให้เขา

NATTY: เยอะเลยค่ะ บางคนก็บอกว่าเขาภูมิใจมาก ยูทำได้อย่างไรตั้ง 10 ปี ตอนเขาอายุ 10 กว่าขวบยังเล่นอยู่เลย แต่นัตตี้มาฝึกแล้ว รวมทั้งคนที่เคยฝึกมาด้วยกันและได้เดบิวต์ไปแล้วอย่างพี่ๆ TWICE ก็ทักมาหาและบอกว่า ทำไมโตขึ้นแล้วเก่งขนาดนี้ ยูคูลมาก เขาชอบมาก มีคนให้กำลังใจเยอะมากๆ เลยค่ะ

ELLE: ถ้าชีวิตของนัตตี้กลายเป็นหนังสือ จะตั้งชื่อหนังสือเล่มนี้ว่าอะไร

NATTY: ‘10 ปีชีวิตของนัตตี้’ (หัวเราะ) เรื่องราวในหนังสือคงจะบอกเล่าว่า 10 ปีที่ผ่านมาเราทำอะไรมาบ้าง

ELLE: ปีนี้นัตตี้อายุ 22 เท่านั้น จะให้คำจำกัดความช่วงชีวิต 10 ปีที่ผ่านมาจนได้เดบิวต์ว่าอย่างไร

NATTY: ‘ประสบการณ์’ ค่ะ มันคือสิ่งที่ทำให้นัตตี้อัพเกรดมาจนถึงขนาดนี้ มีคอมเมนต์แบบนี้เยอะมาก ทั้งจาก KISSY และคนอื่นๆ ที่บอกว่านัตตี้เพิ่งเป็นรุกกี้ แต่เหมือนคนที่เดบิวต์มานานแล้ว เป็นเพราะเรามีประสบการณ์มาเยอะก่อนหน้านี้ทำให้ทุกคนคิดว่าเราเก่งค่ะ

ELLE: ทำไมถึงตัดสินใจร่วมงานกับค่าย S2

NATTY: นัตตี้รู้จักกับครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ของค่าย เขาเคยเป็นศิลปินฝึกหัดที่ร่วมแข่งในรายการ Survivor ด้วยกันมาแล้ว พี่เขารู้ว่านัตตี้เก่งอะไร ชอบอะไร เราถนัดแนวไหน เขาบอกว่าสิ่งที่นัตตี้ต้องการ เขาอยากจะทำมันไปด้วยกัน และเขาไม่ได้พยายามจะมาเปลี่ยนแปลงเรา ตอนแรกมีนัตตี้กับจูลี่ที่เป็นเมมเบอร์สองคนแรกของ KISS OF LIFE และเราก็คอยมองหาเพื่อนที่จะเข้ากับเราและอยากทำกลุ่มนี้ไปด้วยกัน

สักพักทางค่ายบอกว่ามีคนหนึ่งที่คิดว่านัตตี้กับพี่จูลี่ต้องชอบแน่เลย พอเราสองคนได้ดูคลิปร้องเพลงของเขา ก็พูดตรงกันว่า ‘คนนี้โอเคมากเลยนะ’ คนคนนั้นก็คือ ‘เบลล์’ ที่กลายมาเป็นเมมเบอร์คนที่ 3 ตามมาด้วย ‘ฮานึล’ ที่เป็นศิลปินฝึกหัดของค่ายอยู่แล้ว พอเราได้เจอฮานึลก็คิดว่า ‘โอ๊ะ คนนี้น่าจะเข้ามาอยู่ในกลุ่มเราได้แน่เลย’ เราไม่ได้วางไว้ว่าวงเราต้องมีกี่คน รู้สึกว่าถ้า 4 คนนี้ใช่ก็คือใช่ เราไม่ได้อยากมีเมมเบอร์เยอะ อยากให้ทุกคนได้ฉายแสงในสิ่งที่ตัวเองเก่งค่ะ

ELLE: นัตตี้ได้ฉายาว่า ‘storming dragon’ บอกอะไรกับตัวเองก่อนจะขึ้นบนเวทีที่ทำให้เปลี่ยนเป็นแม่มังกรได้ขนาดนั้น 

NATTY: ก่อนขึ้นเวทีนัตตี้จะบอกตัวเองว่า ‘ฉันไม่ใช่นัตตี้ ฉันคือศิลปินนัตตี้’ พอขึ้นไปเหมือนเราเป็นอีกคนหนึ่ง นัตตี้โหมดปกติจะเป็นคนเงียบๆ ค่ะ เหมือนเก็บแรงไว้ปลดปล่อยทุกอย่างบนเวที พอลงมาทุกทีจะรู้สึกว่าโล่งละ (หัวเราะ) ในโชว์ทุกครั้งเรา 4 คนจะช่วยแสดงความคิดเห็นว่าอยากให้การแสดงออกมาเป็นแบบไหน และมี Performance Director คอยแนะนำ เขาเป็นครูสอนเต้นของนัตตี้ตั้งแต่มาเกาหลีครั้งแรกและเป็นคนที่นัตตี้นับถือมากที่สุด แม้จะอยู่ในวงการนี้มานานมาก ครูเรียนรู้เทรนด์ใหม่อยู่ตลอด

ELLE: คิดถึงอะไรที่เมืองไทยบ้าง

NATTY: นัตตี้คิดถึงเมืองไทยตลอดนะ อากาศร้อนๆ แบบนี้ที่เกาหลีไม่มี (หัวเราะ) ที่นั่นอากาศหนาว นัตตี้คิดถึงอาหารไทยที่สุด ที่เกาหลีก็มีร้านอาหารไทย แต่ว่ารสชาติที่แท้จริงต้องมากินที่นี่ค่ะ

Photographer : Wasu Sukatocharoenkul
Fashion Editor : Preuksapak Chorsakul #moopreuksapak
Co-Stylist : Yoon Suhyun, Jeong Yunjoo (Lemon Squeezy)
Makeup : Woosun
Hair : Kitts
Assistant Photographer : Santipong Jodnok, Tanaporn pikool, Thanawat Mueangkhot
Assistant Stylist : Tidawan Suttichai, Junjira wangaug, Thanawat Nitithanaiyaphong, Kutchanon prempool
Producer : Patharapapa Komvorn
Clothes : Miu Miu, Pony Stone
Shoes : Christian Louboutin
Jewelry : Chato Studio, Vinn Patararin

Latest Posts

Don't Miss