คอลัมน์ ELLE Crush เดือนพฤษภาคมนี้ แอลพาไปคุยกับ ‘KISS OF LIFE’ วงสุดยูนีกที่สุดวงหนึ่งในวงการเคป๊อป ด้วยเมมเบอร์อยู่ในวัย 20 ต้นๆ แต่เป็นเทรนนีมา 10 ปี เป็นนักแต่งเพลงที่มีผลงานกว่า 1,000 เพลง แม้เดบิวต์ได้ไม่ถึงปี แต่มงลงไปเลยว่า ‘Monster Rookie’
NATTY: The Ultimate Determination
‘อาณัชญา สุพุทธิพงศ์’ ชื่อที่สมควรได้นิยามใหม่ว่า ‘ความมุ่งมั่นที่ไม่เคยหมดหวัง’ ของเด็กไทยที่ไปเป็นเทรนนีที่เกาหลีตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ใช้เวลา 10 ปีกว่าที่ความสามารถจะมาเจอเวลาที่ใช่ให้เธอได้เดบิวต์เป็น ‘นัตตี้ KISS OF LIFE’
ELLE: ตอนที่นัตตี้ผ่านการออดิชั่นของ SM และ JYP จนตัดสินใจไปเกาหลีใต้คนเดียวเพื่อเป็นศิลปินฝึกหัด คุณแม่ไม่อยากให้นัตตี้ไป แต่คุณพ่อชอบความท้าทายและบอกกับนัตตี้ว่าให้ลองไปตามฝันของตัวเองดู
NATTY: ตอนนั้นหนูเด็กมากจริงๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องว่าเทรนนีต้องทำอะไรบ้าง ทางค่ายบอกว่าให้เราไปเวิร์กช็อป เรียนเต้น เรียนร้องเพลง นัตตี้คิดว่า ‘โอ๊ะ ดูน่าสนุกดีนะ’ ปะป๊าคอยพาหนูไปออดิชั่นตามที่ต่างๆ อยู่แล้วก็เลยสนับสนุน แต่คุณแม่เป็นห่วงมากเลยค่ะ ไม่อยากให้ไปเกาหลี หนูต้องไปคนเดียวด้วย จะเจออะไรบ้างก็ไม่รู้ แต่หนูอยากไปอยู่ดี พอมาคิดตอนนี้ก็ต้องขอบคุณปะป๊ามาม้ามากๆ ถ้าไม่ได้ส่งหนูมาที่เกาหลีป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอยู่ค่ะ เพราะตั้งแต่เด็กๆ นัตตี้อยากเป็นดารา เคยถ่ายโฆษณาตั้งแต่เด็ก ไปกองถ่ายต่างๆ ร้องเพลง เต้น รู้สึกว่าชอบทางนี้ค่ะ
ELLE: ช่วงเวลาที่รอคอยก่อนจะได้เดบิวต์นัตตี้ฝึกฝนตัวเองอย่างไรบ้าง ที่เมื่อค่าย S2 ชวนมาร่วมโปรเจ็กต์ KISS OF LIFE แล้วนัตตี้สามารถพร้อมทำงานได้ทันที
NATTY: ต้องพยายามพัฒนาตัวเองในหลายๆ ทางทั้งทางที่เราถนัดและไม่ถนัด ถ้าเราทำแต่แนวที่เราเก่งอย่างเดียว เราก็จะไม่กว้าง แต่ช่วงที่ฝึกฝนก็มีท้อหลายครั้งมาก สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับศิลปินฝึกหัดคือ ‘การรอคอย’ เราไม่รู้ว่าเราต้องรอนานแค่ไหนกว่าจะได้เดบิวต์ หลายๆ คนรอไม่ได้และล้มเลิกไปก่อน เพราะการรอคอยนานๆ มันเหนื่อยมากเลยนะคะ
ELLE: นัตตี้เคยบอกว่า ‘โชค’ มีส่วนสำคัญมากในการเป็นศิลปินไม่น้อยไปกว่าการร้องเพลงและเต้นได้ดี
NATTY: เพราะแรกๆ นัตตี้คิดว่าถ้าเราเก่งก็จบแล้วไหม…หนูเคยคิดแบบนั้น แต่พอเจอเหตุการณ์หลายๆ อย่างมากขึ้น ถ้าเราเก่งจริงๆ ทำไมเราไม่ได้เดบิวต์ แต่จริงๆ แล้วทุกคนมีไทมิ่งของตัวเองค่ะ พอ 10 ปีผ่านไป นี่ละคือไทมิ่งของนัตตี้ มันมาแล้ว เราจะคว้าไว้ไม่ปล่อยให้หลุดมือไป
ELLE: นัตตี้เป็นศิลปินฝึกหัด 10 ปี พลาดการได้ฉลองปีใหม่กับครอบครัว 10 ครั้ง ร่วมแข่งขันในรายการ Survivor 2 ครั้ง เคยเดบิวต์เป็นศิลปินเดี่ยว มีคนบอกไหมว่าเรื่องราวของนัตตี้เป็นแรงบันดาลใจให้เขา
NATTY: เยอะเลยค่ะ บางคนก็บอกว่าเขาภูมิใจมาก ยูทำได้อย่างไรตั้ง 10 ปี ตอนเขาอายุ 10 กว่าขวบยังเล่นอยู่เลย แต่นัตตี้มาฝึกแล้ว รวมทั้งคนที่เคยฝึกมาด้วยกันและได้เดบิวต์ไปแล้วอย่างพี่ๆ TWICE ก็ทักมาหาและบอกว่า ทำไมโตขึ้นแล้วเก่งขนาดนี้ ยูคูลมาก เขาชอบมาก มีคนให้กำลังใจเยอะมากๆ เลยค่ะ
ELLE: ถ้าชีวิตของนัตตี้กลายเป็นหนังสือ จะตั้งชื่อหนังสือเล่มนี้ว่าอะไร
NATTY: ‘10 ปีชีวิตของนัตตี้’ (หัวเราะ) เรื่องราวในหนังสือคงจะบอกเล่าว่า 10 ปีที่ผ่านมาเราทำอะไรมาบ้าง
ELLE: ปีนี้นัตตี้อายุ 22 เท่านั้น จะให้คำจำกัดความช่วงชีวิต 10 ปีที่ผ่านมาจนได้เดบิวต์ว่าอย่างไร
NATTY: ‘ประสบการณ์’ ค่ะ มันคือสิ่งที่ทำให้นัตตี้อัพเกรดมาจนถึงขนาดนี้ มีคอมเมนต์แบบนี้เยอะมาก ทั้งจาก KISSY และคนอื่นๆ ที่บอกว่านัตตี้เพิ่งเป็นรุกกี้ แต่เหมือนคนที่เดบิวต์มานานแล้ว เป็นเพราะเรามีประสบการณ์มาเยอะก่อนหน้านี้ทำให้ทุกคนคิดว่าเราเก่งค่ะ
ELLE: ทำไมถึงตัดสินใจร่วมงานกับค่าย S2
NATTY: นัตตี้รู้จักกับครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ของค่าย เขาเคยเป็นศิลปินฝึกหัดที่ร่วมแข่งในรายการ Survivor ด้วยกันมาแล้ว พี่เขารู้ว่านัตตี้เก่งอะไร ชอบอะไร เราถนัดแนวไหน เขาบอกว่าสิ่งที่นัตตี้ต้องการ เขาอยากจะทำมันไปด้วยกัน และเขาไม่ได้พยายามจะมาเปลี่ยนแปลงเรา ตอนแรกมีนัตตี้กับจูลี่ที่เป็นเมมเบอร์สองคนแรกของ KISS OF LIFE และเราก็คอยมองหาเพื่อนที่จะเข้ากับเราและอยากทำกลุ่มนี้ไปด้วยกัน
สักพักทางค่ายบอกว่ามีคนหนึ่งที่คิดว่านัตตี้กับพี่จูลี่ต้องชอบแน่เลย พอเราสองคนได้ดูคลิปร้องเพลงของเขา ก็พูดตรงกันว่า ‘คนนี้โอเคมากเลยนะ’ คนคนนั้นก็คือ ‘เบลล์’ ที่กลายมาเป็นเมมเบอร์คนที่ 3 ตามมาด้วย ‘ฮานึล’ ที่เป็นศิลปินฝึกหัดของค่ายอยู่แล้ว พอเราได้เจอฮานึลก็คิดว่า ‘โอ๊ะ คนนี้น่าจะเข้ามาอยู่ในกลุ่มเราได้แน่เลย’ เราไม่ได้วางไว้ว่าวงเราต้องมีกี่คน รู้สึกว่าถ้า 4 คนนี้ใช่ก็คือใช่ เราไม่ได้อยากมีเมมเบอร์เยอะ อยากให้ทุกคนได้ฉายแสงในสิ่งที่ตัวเองเก่งค่ะ
ELLE: นัตตี้ได้ฉายาว่า ‘storming dragon’ บอกอะไรกับตัวเองก่อนจะขึ้นบนเวทีที่ทำให้เปลี่ยนเป็นแม่มังกรได้ขนาดนั้น
NATTY: ก่อนขึ้นเวทีนัตตี้จะบอกตัวเองว่า ‘ฉันไม่ใช่นัตตี้ ฉันคือศิลปินนัตตี้’ พอขึ้นไปเหมือนเราเป็นอีกคนหนึ่ง นัตตี้โหมดปกติจะเป็นคนเงียบๆ ค่ะ เหมือนเก็บแรงไว้ปลดปล่อยทุกอย่างบนเวที พอลงมาทุกทีจะรู้สึกว่าโล่งละ (หัวเราะ) ในโชว์ทุกครั้งเรา 4 คนจะช่วยแสดงความคิดเห็นว่าอยากให้การแสดงออกมาเป็นแบบไหน และมี Performance Director คอยแนะนำ เขาเป็นครูสอนเต้นของนัตตี้ตั้งแต่มาเกาหลีครั้งแรกและเป็นคนที่นัตตี้นับถือมากที่สุด แม้จะอยู่ในวงการนี้มานานมาก ครูเรียนรู้เทรนด์ใหม่อยู่ตลอด
ELLE: คิดถึงอะไรที่เมืองไทยบ้าง
NATTY: นัตตี้คิดถึงเมืองไทยตลอดนะ อากาศร้อนๆ แบบนี้ที่เกาหลีไม่มี (หัวเราะ) ที่นั่นอากาศหนาว นัตตี้คิดถึงอาหารไทยที่สุด ที่เกาหลีก็มีร้านอาหารไทย แต่ว่ารสชาติที่แท้จริงต้องมากินที่นี่ค่ะ
Photographer : Wasu Sukatocharoenkul
Fashion Editor : Preuksapak Chorsakul #moopreuksapak
Co-Stylist : Yoon Suhyun, Jeong Yunjoo (Lemon Squeezy)
Makeup : Woosun
Hair : Kitts
Assistant Photographer : Santipong Jodnok, Tanaporn pikool, Thanawat Mueangkhot
Assistant Stylist : Tidawan Suttichai, Junjira wangaug, Thanawat Nitithanaiyaphong, Kutchanon prempool
Producer : Patharapapa Komvorn
Clothes : Miu Miu, Pony Stone
Shoes : Christian Louboutin
Jewelry : Chato Studio, Vinn Patararin