“ที่ Longines นาฬิกาทุกคอลเล็กชั่นล้วนสร้างสรรค์ขึ้นบนพื้นฐานแห่งนวัตกรรม มรดก และความสง่างามอันเข้มแข็ง เหมือนกับในคอลเล็กชั่นประจำปี 2025 ที่เราพร้อมนำเสนอนาฬิกาซึ่งต่างก็เป็นตัวแทนของหลักการอันหนักแน่นของแบรนด์ นั่นคือ ความต่อเนื่อง…เพราะเวลาเป็นทั้งการรังสรรค์ด้วยงานฝีมือและตำนานของเรา” Matthias Breschan ซีอีโอของ Longines กล่าวต้อนรับสื่อมวลชนจากทั่วภูมิภาคเอเชีย ในงาน Longines Press Meeting 2025 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยแอลได้ร่วมออกเดินทางไปสัมผัสกับนาฬิกาเรือนจริงของแต่ละคอลเล็กชั่นที่เตรียมจะทยอยเปิดตัวในระหว่างปีนี้มาแล้วด้วย
ในงานครั้งนี้ มีไฮไลต์สำคัญคือบรรดานาฬิกาข้อมือรุ่นใหม่จากแทบทุกคอลเล็กชั่นของแบรนด์ ที่บ้างก็พร้อมเปิดตัวและมีจำหน่ายให้คนรักนาฬิกาได้เลือกครอบครองเป็นเจ้าของกันแล้ว เช่น ผลงานใหม่จากคอลเล็กชั่น Mini DolceVita และ Conquest และบ้างก็ยังคงอุบไว้ก่อน พร้อมเตรียมทยอยเปิดตัวตามมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เช่นกันกับยังมีหลายคอลเล็กชั่นที่รอเผยโฉมให้ได้ชื่นชมกันตลอดทั้งปีนี้ โดยส่วนหนึ่งของไฮไลต์ของงาน สำหรับเราแล้วขอยกให้กับทั้งการเปิดตัวของนาฬิการุ่นใหม่จากคอลเล็กชั่น Mini DolceVita ในเวอร์ชั่นสวยหรูยิ่งขึ้น กับการสร้างสรรค์ตัวเรือนและสายนาฬิกาทองทั้งเรือน
ซึ่งมีให้เลือกทั้งในรุ่นตัวเรือนและสายเยลโลว์โกลด์ และรุ่นตัวเรือนและสายโรสโกลด์ ทั้งคู่มาในแบบประดับเพชรบนขอบตัวเรือน ส่วนจุดเด่นยกให้กับความเรียบเนียนและแนบชิดเข้ากับข้อมือได้อย่างสบายที่ได้มาจากการประกอบสายอย่างประณีตในแนวสับหว่าง ซึ่งช่วยให้สายมีความลื่นไหลและยืดหยุ่น รวมถึงโอบรับกับทุกขนาดข้อมือและสวมใส่ได้สบาย นอกจากนี้ ยังมีเวอร์ชั่นแบบทูโทนระหว่างทองและสเตนเลสสตีล ซึ่งมีทั้งรุ่นประดับเพชรและรุ่นไม่ประดับเพชรที่เน้นความกระฉับกระเฉงและสไตล์แคชชวลหรูทันสมัย นาฬิกาข้อมือเวอร์ชั่นทองและแบบทูโทนเหล่านี้ยังถือเป็นการต่อยอดมาจากความสำเร็จหลังการเปิดตัว Mini DolceVita ครั้งแรกเมื่อปี 2023 กับนาฬิกาตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าทำจากสเตนเลสสตีล ทั้งในแบบประดับเพชรและไม่ประดับเพชร ซึ่งแสดงออกถึงสไตล์อันทันสมัยใหม่ที่สามารถผสมผสานเข้ากับความสง่างามและหรูหรานี้ได้อย่างดี
อีกหนึ่งคอลเล็กชั่นเด่นแห่งปีที่มาพร้อมกับการเปิดตัวแคมเปญใหม่ในปี 2025 นี้ ก็คือ Conquest โดยพลิกโฉมด้วยเวอร์ชั่นใหม่ของขนาดตัวเรือน อย่าง 30 มม. และ 34 มม. ซึ่งมาพร้อมกับสายนาฬิกาสเตนเลสสตีล และขนาด 38 มม. และ 41 มม. ที่จับคู่มากับสายยางสีใหม่ หรือในรุ่นแบบทูโทน รวมถึงรุ่นหน้าปัดสีสันใหม่ต่างๆ และทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลอัตโนมัติของ Longines โดยยังคงสะท้อนถึงความทันสมัยและสไตล์แคชชวลสง่างามสำหรับผู้หญิงผู้มีไลฟ์สไตล์หลากหลายได้มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังได้ Bae Suzy ในฐานะ Ambassador of Elegance ของ Longines มาร่วมถ่ายทอดถึงความสง่างามคู่กับเรือนเวลาใหม่ในแคมเปญนี้อีกด้วย ในงานครั้งนี้จึงได้ต้อนรับ แบ ซูจี ที่มาร่วมงานดินเนอร์ พร้อมทั้งกล่าวถึงความตื่นเต้นและความประทับใจในการร่วมงานสำหรับแคมเปญใหม่ โดยมีเรือนเวลาที่เธอเลือกสวมใส่ในค่ำคืนสำคัญครั้งนี้เป็นรุ่น Mini DolceVita Gold ประดับเพชร ซึ่งสะท้อนทั้งความงดงามของผู้หญิงและความสง่างามอันยั่งยืนในแบบฉบับของ Longines ได้อย่างลงตัว
Suzy Said:
คุณมีนาฬิกา Longines เรือนโปรดเป็นพิเศษไหม
ซูจี: เรือนโปรดของฉันน่าจะเป็นนาฬิการุ่น Conquest ที่ฉันได้สวมใส่ในการถ่ายทำแคมเปญใหม่ของปีนี้ ทั้งเรือนหน้าปัดสีเขียวและเรือนหน้าปัดสีฟ้า เพราะฉันชอบนาฬิกาที่มีสีสันสวยงามค่ะ
ในมุมมองของคุณ ความสง่างามเป็นสิ่งที่พัฒนาขึ้นเองโดยธรรมชาติ หรือจริงๆ แล้วต้องใช้ความพยายามในการสร้างมันขึ้นมา
ซูจี: ฉันเชื่อว่าความสง่างามเป็นสิ่งที่สามารถถ่ายทอดออกมาได้เองโดยธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถเลียนแบบขึ้นมาได้ เพราะมันจะแสดงออกผ่านคุณค่า ทัศนคติ และความคิดของคุณเอง แต่ฉันก็เชื่อว่าการรักษาไว้ซึ่งความสง่างามที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเองนั้น เป็นสิ่งที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากด้วยเช่นกัน
นับตั้งแต่ได้ร่วมงานกับ Longines คุณมีช่วงเวลาหรือโปรเจ็กต์ไหนที่ประทับใจมากที่สุด
ซูจี: ฉันคิดว่าน่าจะเป็นงาน Longines Queen Elizabeth Stakes Day ที่จัดขึ้นในออสเตรเลีย เพราะเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ร่วมงานการแข่งขันม้า บวกกับพลังต่างๆ ที่เกิดขึ้นตรงนั้นที่ล้วนน่าทึ่งมาก ทั้งสนุกและเป็นประสบการณ์หนึ่งเดียว ขณะที่อากาศก็ดี และฉันได้มีช่วงเวลาที่น่าอัศจรรย์กับเหล่าทีมงานที่ฉันได้เดินทางไปด้วย ทั้งหมดจึงเป็นประสบการณ์อันน่าจดจำ
ถ้าหากคุณมีเวลาเพิ่มมาพิเศษ เช่น ชั่วโมงที่ 25 หรือมีอีกสัก 2-3 ชั่วโมงเพิ่มขึ้นในหนึ่งวัน คุณอยากจะใช้ทำอะไร
ซูจี: จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ฉันยุ่งมากกับการถ่ายทำงาน ฉะนั้นถ้าเกิดฉันมีเวลาเพิ่ม ฉันก็อยากจะออกไปเดินทาง สำรวจสถานที่ใหม่ๆ พบเจอผู้คนใหม่ๆ และสัมผัสกับประสบการณ์ทางวัฒนธรรมใหม่ๆ ที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งนั่นเป็นวิธีที่ฉันชอบในการรีชาร์จตัวเอง หรืออีกอย่างหนึ่งที่อยากทำคือใช้เวลาให้มากขึ้นกับการอ่านหนังสือที่ขอบและได้อยู่กับสุนัขของฉัน
