เรียกได้ว่าเป็นเวอร์ชั่นที่สดใสกว่าครั้งใดๆ จากผลงานความร่วมมือระหว่างแบรนด์นาฬิกา Hublot และศิลปินร่วมสมัยชาวญี่ปุ่น Takashi Murakami ที่ทั้งคู่ได้จับมือกันสร้างสรรค์ผลงานศิลปะเรือนเวลามานับตั้งแต่ปี 2021 โดยการเปิดตัวนาฬิกาข้อมือรุ่นแรก อย่าง Classic Fusion Takashi Murakami All Black ที่เป็นเหมือนงานศิลปะซึ่งสวมใส่บนข้อมือได้ และยังรวมไว้ด้วยเอกลักษณ์ของศิลปิน อย่าง ดอกไม้ยิ้ม หรือ Smiling flower แต่เป็นเวอร์ชั่นแบบ All Black ก่อนจะตามมาด้วยรุ่นที่ 2 ซึ่งเปิดตัวในปีเดียวกันอย่างเวอร์ชั่น Sapphire Rainbow ที่นับเป็นการทลายพรมแดนสู่มิติใหม่ของการใช้เฉดสีสันอันสดใสและยังผสมผสานไว้ด้วยตัวเรือนแซปไฟร์ นวัตกรรมวัสดุที่ Hublot เองมีชื่อเสียงด้านการสร้างสรรค์แซปไฟร์คุณภาพสูง
นับจากก้าวแรกๆ ของความร่วมมือนั้นเอง ที่ทั้งคู่ยังคงเดินหน้ารังสรรค์การตีความนาฬิกาข้อมือให้กลายเป็นศิลปะชิ้นเอกมาอย่างต่อเนื่อง เหมือนเช่นในล่าสุดกับผลงานใหม่ของ MP-15 Takashi Murakami Tourbillon Sapphire Rainbow นาฬิกาข้อมือตัวเรือนรูปทรงดอกไม้ยิ้มที่สลักจากแซปไฟร์ พร้อมทั้งเติมความสดใสด้วยการประดับด้วยอัญมณีสีไล่เฉดสีรุ้ง นอกจากนี้ ยังเป็นการผสมผสานไว้ด้วยความสลับซับซ้อนของกลไกจักรกล โดยรุ่นนี้ติดตั้งด้วยจักรกลทูร์บิญองกลางชุดแรกของ Hublot
ความโดดเด่นของรุ่นยังรวมไปถึงการที่ศิลปินเองได้ถ่ายทอดจาก ‘Superflat’ Art Movement ซึ่งเป็นงานศิลปะแบนเรียบไร้มิติที่ตนเองบุกเบิกไว้ มาต่อยอดสู่ประติมากรรมเรือนเวลาอันมีมิติ และสามารถผสมผสานเข้ากับคาแรกเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของทั้งแบรนด์นาฬิกา Hublot และลายเซนต์การสร้างสรรค์งานศิลปะของตนเองไว้ได้อย่างกลมกลืน โดยเฉพาะการยังคงใช้ทั้งสัญลักษณ์ดอกไม้ยิ้มมารวมไว้เป็นส่วนหนึ่งของนาฬิกาข้อมือกลไกจักรกลซับซ้อน อย่าง MP-15 ซึ่งขับเคลื่อนโดยกลไก Calibre HUB9015 พร้อมทั้งฟลายอิ้งทูร์บิญองกลางที่สามารถชื่นชมได้ผ่านกระจกแซปไฟร์นูน และแกะสลักด้วยดวงตากระพริบและปากยิ้ม ขณะเดียวกันก็เติมความเบ่งบานให้กับชิ้นงานศิลปะบอกเวลาได้นี้ ด้วยการไล่เฉดสีรุ้งของการประดับด้วยอัญมณีสีต่างๆ ไว้บนกลีบดอกไม้ทั้ง 12 กลีบ รวมแล้วทั้งหมดถึง 444 เม็ด ซึ่งประกอบไปด้วยทับทิม แซปไฟร์สีชมพู
อะเมทิสต์ แซปไฟร์สีน้ำเงิน โทปาซ ซาวอไรต์ รวมถึงแซปไฟร์สีเหลืองและสีส้ม ตลอดจนเก็บทุกรายละเอียดที่สะท้อนถึงความโปร่งใสและกลมกลืน เช่นการจับคู่มากับสายนาฬิกาแบบกึ่งโปร่งใสและตกแต่งด้วยลวดลายดอกมุราคามิอันเป็นสัญลักษณ์ของศิลปิน และสำหรับชิ้นงานศิลปะะที่สามารถสวมใส่ ทั้งยังบอกเวลาได้นี้จะมีเพียงจำนวนจำกัด 20 เรือนเท่านั้น
แอลยังได้มีโอกาสพูดคุยกับ ทากาชิ มูรากามิ ถึงแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์ผลงานนี้ร่วมกับ Hublot อีกครั้ง และอะไรคือความแตกต่างไปจากผลงานชิ้นก่อนๆ
ELLE: อะไรคือแนวคิดหลักที่อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์นาฬิกาข้อมือรุ่นนี้ และแตกต่างไปจากรุ่นก่อนหน้าอย่างไร
Takashi Murakami: ผลงานนี้ถือเป็น ‘Ultimate Timepiece’ ที่เป็นการผสมผสานไอเดียของความสลับซับซ้อนด้านจักรกลเข้ากับศิลปะแห่งความโปร่งใสจากวัสดุคริสตัลแซปไฟร์ ทั้งยังมีสีสัน ซึ่งนับเป็นการรวมระหว่างเทคนิคของการประดิษฐ์นาฬิกา จักรกล และศิลปะเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งผมเองเชื่อว่ามันคือการสะท้อนถึงการผสมผสานกันจากทุกๆ องค์ประกอบ และทุกๆ ชิ้นส่วนได้อย่างกลมกลืนและสวยงาม ผมจึงขอเรียกผลงานนี้เป็นว่า ‘Ultimate Timepiece’
ส่วนความแตกต่างออกไปจากผลงานก่อนหน้านั้น ต้องยอมรับนับตั้งแต่นาฬิกาข้อมือรุ่นแรกๆ ที่ได้ร่วมงานกับ Hublot ผมได้ใส่ทั้งไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ที่มีไว้แล้วทั้งหมด ซึ่งนั่นทำให้ผลงานแต่ละรุ่นมีเอกลักษณ์ที่ต่างกันและมีกิมมิกไม่เหมือนกัน เช่นเดียวกับครั้งนี้ ที่ Hublot ได้ร่วมนำเสนอแนวคิดของการผสมผสานอัญมณีสีเข้ามาด้วย ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งผลงานที่สวยงามที่สุดอย่างที่คุณเห็น
ELLE: ในแง่ของแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ศิลปะแห่งนาฬิกาข้อมือนี้ มีการเปลี่ยนแปลงหรือยกระดับไปสู่มุมมองใหม่ๆ หรือไม่
Takashi Muraka: ผมคิดว่ามี และที่เห็นได้ชัดเจนคือการเปลี่ยนแปลงนับจากจุดเริ่มต้นแรกๆ ที่ผมได้ร่วมงานกับ Hublot ซึ่งครั้งนั้นเป็นการทำงานร่วมกันโดยที่ผมได้มีโอกาสผสมผสานทั้งสัญลักษณ์หรือแนวคิดการสร้างสรรค์ของผมลงไปในนาฬิกาของ Hublot ซึ่งแตกต่างจากในวันนี้ ที่เราได้ร่วมมือกันออกแบบนาฬิกา อย่าง ตัวเรือน มานับตั้งแต่ภาพร่าง ทำให้ผมได้ใส่ไอเดียหรือแรงบันดาลใจของตนเองไว้ในผลงานเหล่านี้นับตั้งแต่ก้าวแรกๆ ของการสร้างสรรค์งานเลยทีเดียว
ELLE: ถ้ามีโอกาส คุณอยากใส่สัญลักษณ์อะไรที่เป็นตัวคุณเองไว้ในนาฬิกาอีกหรือไม่
Takashi Muraka: จริงๆ ผมมีอยู่หนึ่งไอเดียแล้วครับ แต่จะเป็นนาฬิกาข้อมือที่ใหญ่กว่านี้มาก และอาจจะเป็นนาฬิกาหนึ่งหรือ 2 เรือน ที่ผสมผสานไว้ด้วยลวดลายมังกรและเสือที่เหมือนกับกำลังสู้กันอยู่