Friday, February 7, 2025

จากรันเวย์กูตูร์ยุค 50s และ Balenciaga สู่แรงบันดาลใจเบื้องหลังคอสตูมในเรื่อง Dune 2

แม้ว่าภาพยนตร์เรื่อง Dune: Part Two จะไม่ได้เป็นหนังเกี่ยวกับแฟชั่นหรือเสื้อผ้า เพราะมันคือหนังไซไฟฟอร์มยักษ์จากนิยายชื่อดัง แต่กลายเป็นว่าภาพจำของหนังกลับมีแฟชั่นพรมแดงของเหล่านักแสดงหรือเรื่องเสื้อผ้าสุดอลังการในหนังติดตามมาด้วยเสมอ ซึ่งเสื้อผ้าในเรื่องนี้น่าสนใจมากกว่าที่เคย เมื่อคอสตูมดีไซเนอร์ชื่อดังอย่าง Jacqueline West ออกมาเปิดเผยเบื้องหลังการออกแบบเสื้อผ้าที่น่าสนใจว่าเธอทำการบ้านมาจากแฟชั่นโอตกูตูร์ในยุค 50s ส่วนจิวเวลรี่ต่างๆ มาจาก Tiffany & Co. นอกจากนี้ก็ยังมีแรงบันดาลใจจากแบรนด์แฟชั่นอย่าง Balenciaga ด้วยเช่นกัน แอลจึงอยากจะชวนคุณมาไขรหัสเบื้องหลังเสื้อผ้าของตัวละครหญิงจากเรื่องนี้กัน

Princess Irulan

เธอทำงานออกแบบเสื้อผ้าของตัวละครโดยนำเรื่องราวพื้นหลังของตัวละครมาผนวกรวมกันกับแรงบันดาลใจของแฟชั่นในยุคต่างๆ เพื่อให้เสื้อผ้าสอดคล้องกับตัวละครนั้นให้ดีที่สุด อย่างเช่นตัวละคร Princess Irulan ที่นำแสดงโดย Florence Pugh ที่เธอเป็นเจ้าหญิง เสื้อผ้าก็ต้องมีความเรียบร้อยดูสุภาพตามแบบฉบับราชวงศ์ แต่เธอก็จะมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องศาสนาด้วย ดังนั้นแจ็กเคอลีนก็จะหยิบยกเสื้อผ้าสไตล์ยุคกลาง (Medieval) มาเป็นแรงบันดาลใจหลัก มีการใช้ผ้าโพกศีรษะและลูกปัดต่างๆ และในเมื่อเธอเป็นนักรบด้วย เสื้อผ้าก็ต้องมีชุดเดรสประดับโซ่หรือเครื่องประดับศีรษะที่เป็นโลหะด้วย

Lady Jessica

สำหรับตัวละคร Lady Jessica ที่นำแสดงโดย Rebacca Ferguson เธอสร้างสรรค์เสื้อผ้าจากวัฒนธรรมทูอาเร็กในโมร็อกโก พวกเขาเป็นชนเผ่าที่เดินทางในทะเลทรายด้วยผ้าลินินหลายชั้นและผ้าสีอ่อนเพื่อบังแดด ส่วนเครื่องประดับนั้นรวมจากแรงบันดาลใจหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นจากตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ และสไตล์ของเครื่องประดับ Tiffany & Co. ในยุค 1920s เพื่อให้เกิดความรู้สึกที่ฟิวเจอริสติกแต่ก็ยังดูลึกลับด้วยเช่นกัน

Chani

ตัวละครเจ้าหญิงนักรบอย่าง Chani คอสตูมดีไซเนอร์ต้องตีความตัวละครนี้เป็น 2 แบบ เพราะเธอมีทั้งด้านที่แข็งแกร่งและด้านที่อ่อนโยนจากเรื่องความรักหรือความโรแมนติกด้วยเช่นกัน เสื้อผ้าจึงตัดเย็บจากผ้าไหมและผ้าลินินที่เรียบง่าย ที่ให้หลายความรู้สึกทั้งความเรียบง่าย และความสง่างามอย่างมีชั้นเชิง ทั้งต้องนำเสนอความเฟมินีนในตัวของเธอออกมาให้ได้มากที่สุดด้วย แต่เธอก็จะยึดกับสีเข้มมืดมนเป็นหลัก ยกเว้นแค่ตอนที่เธอปรากฏตัวในนิมิตรของ Paul Atreides (นำแสดงโดย Timothée Chalamet) ในชุดสีขาวเท่านั้น ที่จะต้องเป็นสีสว่าง มีความเรียบหรู และดูเหมือนกับเทพธิดานั่นเอง

Margot Fenring

ท่ามกลางตัวละครมากมายที่เน้นสไตล์ความเป็นยุคกลางหรือใช้ผ้าลินินเป็นหลัก แต่ตัวละคร Margot Fenring คือสไตล์โอตกูตูร์ที่โดดเด่นที่สุดในเรื่องนี้ เพราะแจ็กเคอลีนมองว่าตัวละครนี้เปรียบเสมือน ‘ชนชั้นสูง’ เธอจึงนำแรงบันดาลใจจากโอตกูตูร์ที่เรียบหรูมาเป็นหลัก รวมทั้งสไตล์ความฟิวเจอริสติกจากแบรนด์ Balenciaga รวมทั้งแฟชั่นบนรันเวย์ที่ปารีสเมื่อปี 1950s ที่มีการตัดเย็บผ้าหลายชั้นมาใช้ด้วย ลุคที่ออกมาจึงเป็นสไตล์ที่เรียบหรูตามแบบฉบับโอตกูตูร์ในอดีตนั่นเอง

การดีไซน์เสื้อผ้าด้วยแรงบันดาลใจต่างจากหลายวัฒนธรรมและแฟชั่นในยุคสมัยต่างๆ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจดจำและสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากนี้ก็เป็นที่น่าตั้งตารอคอยต่อไปว่าแฟชั่นของหนังเรื่องนี้จะกลายเป็นตำนานในยุคต่อไปหรือสามารถทำให้เธอคว้ารางวัลคอสตูมยอดเยี่ยมได้หรือไม่ในอนาคต

Latest Posts

Don't Miss