Saturday, March 15, 2025

รวม 8 แบรนด์ Cruelty-Free สกินแคร์ที่ไม่ทดลองกับสัตว์ ดีต่อสุขภาพผิวกว่าที่คิด

ในโลกของความงามที่มีสกินแคร์หลากหลายแบรนด์ให้เราได้เลือกใช้ หลายๆ คนก็คงจะมีเหตุผลในการตัดสินใจที่แตกต่างกันออกไป แต่สำหรับคนรักสัตว์แล้ว สกินแคร์ที่ไม่ทดลองกับสัตว์ หรือ Cruelty-Free ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่า เพราะถึงแม้จะไม่ได้ทดลองกับสัตว์ ไม่ได้ทารุณกรรมสัตว์ในห้องแล็ป ก็ยังมีอีกหลายวิธีที่จะผลิตสกินแคร์ให้มีประสิทธิภาพได้ แถมยังอาจจะดีกว่าเสียด้วยซ้ำไป ซึ่งวันนี้แอลจะขอพาไปแนะนำกับสกินแคร์ Cruelty-Free ที่ดีต่อสุขภาพผิวของเรามากว่าที่คิด ใช้แล้วผิวสวย ไม่ทำร้ายผิวแล้วก็ไม่ทำร้ายสัตว์!

1. Drunk Elephant

เริ่มด้วย Drunk Elephant ชื่อสุดน่ารักแบรนด์นี้ เป็นแบรนด์ที่ไม่ทดลองกับสัตว์และมีจุดเด่นในเรื่องของการใช้ส่วนผสมที่เป็นมิตรกับผิว รวมถึงต้องมีการวิจัยรับรอง เพราะแบรนด์เชื่อว่าการยึดมั่นในสิ่งเหล่านี้จะทำให้สกินแคร์ของแบรนด์เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพผิวมากกว่า ทั้งยังให้ความสำคัญกับเนื้อสกินแคร์ที่ต้องซึมสู่ผิวได้ง่าย มีค่า pH ที่อยู่ในระดับเหมาะสมกับผิว และต้องไม่ทำร้ายผิวด้วย สกินแคร์ของแบรนด์จึงไม่มีส่วนผสมอย่าง Essential Oils, Drying Alcohols, Silicones, Chemical Sunscreens, Fragrances/Dyes, SLS หรือที่แบรนด์เรียกรวมกันว่า Suspicious 6™ ดังนั้น Drunk Elephant จึงถือเป็นแบรนด์ที่เฟรนด์ลี่กับผิวแพ้ง่ายเป็นที่สุด

2. Aesop

Aesop แบรนด์นี้นอกจากจะเป็นแบรนด์ที่ไม่ทดลองกับสัตว์แล้ว ยังบอกว่าตัวเองเป็นแบรนด์ Vegan 100% อีกด้วย สำหรับใครที่มีผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้แบรนด์นี้ได้อย่างสบายใจเลย อีกทั้งแบรนด์ยังมุ่งมั่นไปสู่ความยั่งยืน หรือ Sustainability ด้วยการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ไม่ทำร้ายโลก ดังนั้นแล้ว Aesop จึงเหมาะอย่างยิ่งในการเป็นแบรนด์ตัวเลือกของคนรุ่นใหม่หลายๆ คนที่กำลังให้ความสำคัญกับ Cruelty-Free ไปพร้อมๆ กับ Vegan และ Sustainability

3. Dr. Barbara Sturm

ความโดดเด่นของสกินแคร์จากแบรนด์ Dr. Barbara Sturm ที่นอกไปจากการไม่ทดลองกับสัตว์แล้ว ต้องบอกเลยว่าแบรนด์นี้เป็นแบรนด์ที่คิดค้นโดยแพทย์ชาวเยอรมันที่ได้นำเอาการวิจัยด้านกระดูกและข้อของตัวเองมาประยุกต์ใช้ในด้านความงามได้อย่างน่าทึ่งด้วยการเน้นไปที่การต้านอักเสบของร่างกาย หรือ Anti-inflammatory สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ที่ ‘การต้านอักเสบ’ เป็นเสมือนดั่งหลักการใช้ชีวิตของเธอเองเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน ซึ่งรวมไปถึงการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ต้องมีส่วนผสมต้านการอักเสบด้วยเช่นกัน ดังนั้นแล้วใครที่เป็นกังวลใจกับปัญหาผิวแก่ก่อนวัย มองหา Anti-aging อยู่ สกินแคร์จาก Dr. Barbara Sturm จึงตอบโจทย์เป็นอย่างมาก เพราะหากเรา Anti-inflammatory ได้ เราก็สามารถ Anti-aging ได้นั่นเอง

4. Fenty Skin

Fenty Skin แบรนด์สกินแคร์ของนักร้องตัวแม่ Rihanna บอกเลยว่าแม่ก็ให้ความสำคัญกับ Cruelty-Free ไม่น้อยหน้าแบรนด์อื่นๆ ด้วยเช่นกัน จากจุดเริ่มต้นของแบรนด์เครื่องสำอาง Fenty Beauty ที่โด่งดังสู่ Fenty Skin แบรนด์สกินแคร์ที่เชื่อว่าผิวที่ดีจะทำให้การแต่งหน้าออกมาดี ดังนั้นจึงต้องการให้ทุกคนเริ่มขั้นตอนผิวด้วยการบำรุงจาก Fenty Skin ก่อนลงเมกอัพ Fenty Beauty ก็จะเป็นอะไรที่ลงตัวสุดๆ สำหรับใครที่อยากเตรียมผิวให้สวยก่อนแต่งหน้า แนะนำให้ลองบำรุงด้วยสกินแคร์ของแม่เลย

5. Beauty of Joseon

ทางฟากฝั่งของ K-Beauty อย่างแบรนด์ Beauty of Joseon ก็เป็นแบรนด์ที่ไม่ทดลองกับสัตว์เช่นเดียวกัน โดยสกินแคร์ของแบรนด์เป็นสกินแคร์ที่ชูส่วนผสมเด่นอย่าง Hanbang หรือยาสมุนไพรโบราณของเกาหลี ด้วยคอนเสปต์ที่ต้องการนำเอาภูมิปัญญาดั้งเดิมของยาสมุนไพร Hanbang นี้มาแปลงโฉมใหม่ให้กลายเป็นสกินแคร์ที่คนอยากจะพกติดตัวไปด้วยทุกที่ ทั้งยังผสานกับส่วนผสมสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว โดยสกินแคร์ของ Beauty of Joseon บอกเลยว่าเหมาะสำหรับใครที่มองหาความอ่อนโยนต่อผิว ปลอบประโลมผิว รวมถึงลดการระคายเคือง ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีเลย

6. Glossier

อีกหนึ่งแบรนด์สกินแคร์ที่ไม่ทดลองกับสัตว์อย่าง Glossier แบรนด์นี้ต้องบอกเลยว่าแพ็กเกจจิ้งสวย เล่นเฉดสีที่ดูสนุกสนาน ทำให้น่าพกพา แต่สกินแคร์ของเขาดูไม่เล่นนะ เพราะค่อนข้างจริงจังในเรื่องของการช่วยบำรุงผิวเลยทีเดียว ด้วยความคิดที่อยากให้ความงามเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้และไม่ซับซ้อน พร้อมกับความเชื่อที่เป็นดั่งปรัชญาประจำแบรนด์ Skin First. Makeup Second™ ที่ให้ความสำคัญการกับดูแลผิวมาก่อน เพราะผิวที่ดีคือรากฐานที่ดีที่สุด การแต่งหน้าของเราก็จะดีขึ้นตามมา โดยไม่ต้องเน้นหนักจนปกปิดความงามตามธรรมชาติของเราไป ใครชอบผิวสวยสุขภาพดีดูเป็นธรรมชาติก็ต้องแบรนด์นี้เลย

7. The Ordinary

The Ordinary แบรนด์ที่จริงใจในเรื่องส่วนผสมและไม่ทดลองกับสัตว์ แบรนด์นี้เพิ่งจะเข้าไทยมาได้ไม่นาน เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่สายบิวตี้ไม่ควรพลาดเลย ด้วยแนวคิดที่ว่าวิทยาศาสตร์เป็นหัวใจสำคัญของทุกสิ่ง แบรนด์เชื่อว่าความเป็นเลิศในการดูแลผิวเกิดขึ้นจากความเข้าใจหลักการทางวิทยาศาสตร์ The Ordinary จึงได้คัดเลือกส่วนผสม พัฒนาสูตร หรือแม้แต่ออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ดีที่สุด โดยให้ส่วนผสมเป็นองค์ประกอบหลักในการตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ ไม่ปกปิดส่วนผสมที่ใช้ ดังนั้นแล้วหากใครมีปัญหาผิวแบบไหนก็สามารถเลือกสกินแคร์จากส่วนผสมที่ช่วยแก้ไขปัญหานั้นๆ ได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว

8. Sol de Janeiro

ปิดท้ายด้วยแบรนด์จากประเทศบราซิลที่มีเรื่องราวน่าสนใจไม่แพ้กันอย่าง Sol de Janeiro หรือที่แปลว่า ‘Sun of January’ ช่วงเวลาที่แดดจ้าที่สุดในฤดูร้อนของบราซิล หลายๆ คนอาจจะเคยเห็นผลิตภัณฑ์ตัวดังอย่าง Brazilian Bum Bum Cream สำหรับทาผิวบริเวณแก้มก้นหรือต้นขาให้เนียนสวย ใส่บิกินี่อวดผิวสวยแบบมั่นใจ Sol de Janeiro จึงเป็นแบรนด์ที่เหมาะกับช่วงซัมเมอร์สุดๆ และแบรนด์เองก็ต้องการที่จะเป็นแบรนด์คู่ใจบนชายหาดในช่วงซัมเมอร์ของเราด้วย และแน่นอนว่า Sol de Janeiro ไม่ทดลองกับสัตว์ แถมยังเป็นคลีนบิวตี้ที่คัดสรรส่วนผสมที่ดีต่อทั้งมนุษย์และสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

Latest Posts

Don't Miss