ตลอดประวัติศาสตร์ 115 ปี Chanel เคยทำแคปซูลคอลเล็กชั่นกับ ‘มนุษย์’ ครั้งเดียวคือ Pharrell Williams ในปี 2019 และกับ ‘แบรนด์อื่น’ หนึ่งครั้งกับ Formula1 ในปี 2023
และ Chanel ไม่เคยสร้างมิวเซียม
Chanel เคยแต่จับมือกับ M+ Museum พลิกฟื้นหนังนิวเวฟของฮ่องกง ช่วย Paris Opera ปั้นนักบัลเลต์รุ่นเยาว์ ร่วมกับ Rijksmuseum ในอัมสเตอร์ดัมทำให้ผลงานของศิลปินหญิงมีที่ทาง หรือพา Tilda Swinton มาร่วมทอล์ก/ท่องบทกวีในนิทรรศการของอภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุลในเทศกาลหนังทดลองที่เมืองไทย

เป็น Coco Chanel ผู้ก่อตั้งเมซงเสียเองที่ทำตนเป็นลมใต้ปีกแก่ศิลปินเป็นครั้งแรก เมื่อเธอมอบทุนรอนให้คณะบัลเลต์ Ballet Russes ของ Serge Diaghilev ในยุค 1920s “ฉันอยากเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อไป” ความปรารถนาจะเห็นศิลปินโผบิน งานศิลป์พุ่งทะยานของมัดมัวแซลล์ชาเนลยังคงสานต่อจนถึงวันนี้
ความปรารถนาจะเห็นศิลปินโผบิน งานศิลป์พุ่งทะยานของมัดมัวแซลล์ชาเนลยังคงสานต่อจนถึงวันนี้ และนี่คือ 5 งานศิลป์ที่โผบินได้ด้วยลมใต้ปีกจาก Chanel
1. Last Year at Marienbad in 4K
Last Year at Marienbad คือภาพยนตร์มาสเตอร์พีซในปี 1961 ของผู้กำกับ Alain Renais ที่กลายเป็นหมุดหมายสำคัญของ ‘French New Wave’ แนวทางหนังที่นอกขนบทั้งทุนสร้าง(ต่ำ) เนื้อเรื่อง(แปลก) งานภาพ(เหวอ) ซึ่งไม่เคยมีใครทำมาก่อน จึงได้รับการยกย่องว่าหนึ่งในเป็นมรดกล้ำค่าที่สุดของศิลปะใหม่ที่เรียกว่า ‘ภาพยนตร์’

หนังขึ้นหิ้งเรื่องนี้ได้โกโก ชาเนลออกแบบเครื่องแต่งกาย (โดยไม่มีชื่อในเครดิตหนัง)ให้ Delphine Seyrig ตามวิสัยทัศน์ของผู้กำกับที่อยากให้นางเอกของเขาพร่าเลือนราวกับภาพฝัน เป็นส่วนเสี้ยวของความทรงจำอันลางเลือน และเดรสโอตกูตูร์ผ้าทูลล์ซ้อนเลเยอร์ ประดับดีเทลลูกไม้ ขนนกและเคปสีดำที่ชาเนลเลือกให้นางเอกใส่เดินในห้องโถงสไตล์ร็อกโกโกและสวนพุ่มไม้สามเหลี่ยม ได้กลายเป็นงานวิชวลที่สร้างแรงบันดาลใจแก่คนรักหนัง ตลอดจนศิลปินแขนงต่างๆ รุ่นแล้วรุ่นเล่า
Chanel ได้ยื่นมือช่วยแปรมาสเตอร์พีซชิ้นนี้จากฟิล์มให้กลายเป็นดิจิทัลภาพคมชัดระดับ 4K ก่อนจะนำไปฉายเปิดเทศกาลภาพยนตร์เวนิสปี 2018 ซึ่งLast Year at Marienbad เคยคว้ารางวัลสุดสูงสิงโตทองคำจากเทศกาลเดียวกันนี้เมื่อปี 1961
2. Chanel & Ecological Art
Cecilia Bengolea ศิลปินชาวอาร์เจนติน่ากับการแสดงกลายรูปฟอร์มของมนุษย์ไปเป็นสิ่งมีชีวิตไฮบริด เพื่อสำรวจความเป็นไปได้ของการเป็น ‘สิ่งอื่น’
Chanel Culture Fund กองทุนสนับสนุนทางวัฒนธรรมของเมซง ร่วมมือกับ Leeum Museum of Art ในกรุงโซล เกาหลีใต้จัดโปรแกรมระยะยาว ‘IDEA Museum’ (Inclusivity, Diversity, Equality และ Access) ที่ทุกๆ ปีจะจัดงานสัมมนา งานฉายภาพยนตร์ เวิร์กชอป และการแสดงศิลปะของศิลปิน นักวิชาการ และดีไซเนอร์ในธีมวิกฤตโลกร้อน ความยั่งยืน ระบบนิเวศกับมนุษยชาติ
ในปีที่สองของความร่วมมือกับเมซง IDEA Museum ได้เชื้อเชิญกวี Kim Hyesoon, Mel Y. Chen นักวิชาการด้านเพศสภาพศึกษาจาก UC Berkeley, Kim Hong-hee นักประวัติศาสตร์ ไปจนถึง Greta Gaard นักวิชาการด้าน สตรีนิเวศนิยม (Ecofeminism แนวคิดผู้หญิงกับการปกป้องสิ่งแวดล้อม) จาก University of Wisconsin-River Falls มาร่วมทอล์กในหัวข้อ Somewhere in Between ว่าด้วยพื้นที่นอกเหนือไปจากสองขั้วตรงข้ามของธรรมชาติกับวัฒนธรรม มนุษย์กับอมนุษย์ ชายกับหญิง หรือความเป็นกับความตาย ชมการแสดงจากศิลปิน Cecilia Bengolea และอิ่มตาไปกับหนัง Moby Dick; or the Whale (2022)
3. China’s First Public Contemporary Art Library
Power Station of Art (PSA) มีลักษณะพิเศษที่น่าสนใจหลายประการ ทั้งตัวอาคารที่เคยเป็นโรงไฟฟ้าเก่า ซึ่งรีโนเวตใหม่เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยแห่งแรกบนจีนแผ่นดินใหญ่ที่บริหารงานโดยรัฐ (สำนักงานวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแห่งนครเซี่ยงไฮ้) และเป็นพื้นที่แรกในจีนที่จะมีห้องสมุดศิลปะในชื่อของ Gabrielle Chanel
Chanel สนับสนุนงานคราฟต์และสถาปัตยกรรมของจีนผ่าน PSA มาตั้งแต่ปี 2021 อาทิ นิทรรศการ The Shape of Shadow ในปี 2023 รวบรวมสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจทั่วมณฑลทางใต้ของจีน 10 แห่งมาจัดแสดงแบบจำลองไม้อันน่าดูชม ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุอีเยวียนในเมืองกวางโจวที่มีฟาซาดเป็นงานก่ออิฐสวยงาม สะพานยาว 25 เมตรประกอบจากท่อนไม้ต่อเรียงกันด้วยเทคนิคโบราณที่ Gulou Waterfront Resort ในเมืองเจียงเหมิน ไปจนถึง Lianzhou Museum of Photography ที่รีโนเวตโรงงานน้ำตาลเก่าในเหลียนโจว เมืองชนบทอันห่างไกลทางตอนเหนือของมณฑลกวางตุ้งให้กลายเป็นพื้นที่สุดฮิป
และเร็วๆ นี้พื้นที่กว่า 10,000 ตารางฟุตบนชั้นสามของ PSA จะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Espace Gabrielle Chanel ห้องสมุดงานศิลปะร่วมสมัยที่เปิดให้คนทั่วไปเข้ามาใช้บริการได้เป็นแห่งแรกในจีน โดยภายในมีคลังรวบรวมผลงานศิลปะร่วมสมัยของจีน พื้นที่จัดนิทรรศการ และโรงภาพยนตร์ฉายหนังอาร์ตขนาดเล็ก
4. Return to Venice Art Biennale
Julien Creuzet เป็นคนเชื้อสายคาริบเบียนรายแรก และเป็นศิลปินจากอาณานิคมฝรั่งเศสคนแรกที่ได้เป็นตัวแทนของฝรั่งเศสที่ได้แสดงผลงาน ณ มหกรรมศิลปะนานาชาติเวนิสเบียนนาเล่ หรือ La Biennale di Venezia เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024
จูเลียนผู้เป็นทั้งศิลปิน กวี ประติมากร และนักวิชาการซึ่งใช้ชีวิตในปารีส หากเติบโตมาบนเกาะมาร์ตินีกทางตะวันออกของทะเลคาริบเบียน เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ครั้งนี้ได้ด้วยการเกื้อกูลจาก Chanel ซึ่งหวนคืนสู่เวนิสเบียนนาเล่เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปีนับจาก Zaha Hadid สถาปนิกหญิงเชื้อสายอิรักผู้ล่วงลับได้ออกแบบพาวิลเลียนให้กับเมซงเมื่อปี 2008

Chanel Mobile Art Pavilion พาวิลเลียนศิลปะของ Chanel ที่ Karl Lagerfeld มอบหมายให้ Zaha Hadid สถาปนิกอังกฤษเชื้อสายอิรักออกแบบในโอกาสครบรอบ 50 ปีของกระเป๋า CHANEL 2.55 ที่เวนิสเบียนนาเล่ปี 2008 ภายหลังยกไปจัดแสดงที่เซ็นทรัลพาร์ก นิวยอร์ก
5. Chanel, Film, Apichatpong & Tilda
ในการฉายหนังเรื่อง สุดเสน่หา (2002) ของอภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุลในชั้นเรียนฟิล์ม ทำให้ห้องมืดๆ เงียบงันราวกับไร้มนุษย์ นักเรียนทั้งเอกและโทฟิล์มหลายสิบชีวิตฟุบหน้าอย่างสงบบนโต๊ะ ฉันตั้งท่าจะไหลตามไปในไม่ช้า หากไม่บังเอิญสบตาอาจารย์ – ที่ออกจะน้อยใจ – เข้าเสียก่อน จึงประคองศีรษะและดูหนังของอภิชาติพงศ์ต่อไปจนจบ
และมันคือประสบการณ์การดูหนังที่แปลกประหลาดที่สุดครั้งหนึ่ง
เหมือนเห็นภาพต่างที่มาที่ไปฉายบนจอหนังเท่านั้น
ในปี 2024 อภิชาติพงศ์พา A Conversation with the Sun (VR) นิทรรศการมัลติมีเดียที่เคยจัดแสดงที่งานไทยแลนด์เบียนนาเล่ เชียงราย 2023 มาแล้วมาเปิดม่าน (แบบตรงตามตัวอักษรจริงๆ) ที่ในเทศกาลหนังทดลองครั้งที่ 7 (BEFF7) ณ วัน แบงค็อก ฟอรัม
อภิชาติพงศ์มีบทสนทนากับดวงอาทิตย์สมชื่อนิทรรศการ เขาฉายงานศิลปะที่ใช้ AI สร้างขึ้นมา (ด้วยความร่วมมือจาก พัทน์ ภัทรนุธาพร นักวิจัยชาวไทยแห่ง MIT Media Lab และหนึ่งในทีมเขียนบทซีรีส์ไซไฟ ‘อนาคต: Tomorrow and I’) ก่อนที่เขาลงฝีมือสำทับไปอีกชั้นบนผ้าม่านสีขาวที่ตั้งใจขึงไม่ตึง จึงร่นตัวและเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้า ทว่า เกิดเป็นภาพบิดเบี้ยวอย่างไม่ตั้งใจบนผ้าม่านร่นลู่นั้น

เมื่อเป็นภาพที่ไม่เล่าเรื่อง จึงดูไม่รู้เรื่อง หมือนกับการมองเห็นวัตถุ ซึ่งเกิดจากแสง(อาทิตย์)ตกกระทบสิ่งต่างๆ แล้วสะท้อนมาสู่เลนส์ตา หากเราไม่ให้ความหมาย มันก็เป็นเพียงภาพที่เรามองเห็นเท่านั้น ประกอบกับเสียงดนตรีโดย Ryuichi Sakamoto หนึ่งในศิลปินที่ทำดนตรีได้เข้ากับหนังของอภิชาติพงศ์มากที่สุด (ดนตรีที่เหมือนไม่ได้แต่งขึ้น) ซึ่งประพันธ์ดนตรีให้อภิชาติพงศ์ก่อนจะลาลับไปไม่นาน


ตามด้วย บทสนทนา : ภาพสุดท้ายคล้ายหนัง (An Encounter: The Last Thing You Saw That Felt Like a Movie) การแสดงสดบนเวทีโดยนักแสดงคู่บุญ Tilda Swinton ที่อภิชาตพงศ์ ‘กำกับ’ ให้เธอนอนบนเตียง โดยมีกล้องจับใบหน้ายามนิทราไปฉายขึ้นจอใหญ่ ข้างจอที่ฉายฟุตเตจหนังขาวดำ และอีกจอที่ภาพประกายแดด

เช่นเคยที่มันดูไม่รู้เรื่อง เหมือนกับภาพความฝันหรือความทรงจำที่เราจำภาพต่างๆ ได้เป็นห้วงๆ และ ‘ศิลปะ’ ของอภิชาติพงศ์โคจรล้อมรอบไอเดียเช่นนี้มาหลายทศวรรษ

ทิลด้าถูกปลุกให้ตื่นและลงนั่งสนทนาเคล้าอ่านบทกวีกับอภิชาติพงศ์“Make friends with chaos… Forgive human frailty… Trust in change… Keep breathing.”
ประสบการณ์ทางศิลปะเหล่านี้มี Chanel เป็นลมใต้ปีก ดังเช่นที่ทำเสมอกับโปรเจกต์ต่างๆ ของทิลด้า รวมถึง Memoria หนังที่เธอทำกับอภิชาติพงศ์ ซึ่ง Chanel จัดงานดินเนอร์ที่ภูเก็ตฉลองให้กับหนังที่ไปคว้ารางวัล Jury Prize จากคานส์ในปี 2021
Chanel เลือกช่วยกระพือศิลปะในทางนี้มากกว่า โดยศิลปินไม่ต้องออกแบบกระเป๋า ทำฉากในแฟชั่นโชว์หรือ หรือนั่งฟรอนต์โรว์แต่อย่างใด ตามที่ Yala Peels, Global Head of Arts and Culture ตำแหน่งที่ Chanel ตั้งขึ้นครั้งแรกในปี 2020 ได้กล่าวไว้

อาจเป็นเพราะ Chanel เข้าใจถึงบทบาทอันมีคุณค่าของศิลปิน พวกเขาช่วยเปิดสายตาให้เรามองเห็นในสิ่งที่เราหลงลืม ได้แต่หมกมุ่นใช้ชีวิตอย่างยากไร้ในโลกที่รุ่มรวย ฝึกฝนตนให้มองเห็นเฉพาะสิ่งที่มีประโยชน์ แล้วกำจัดสิ่งที่ไม่เข้าใจหรือไม่อาจอธิบายได้ทิ้งไป

Chanel อาจเข้าใจดีว่า โลกมี 3 ส่วน ได้แก่ โลกที่เรารู้จัก โลกที่เราไม่รู้จัก และโลกที่เราไม่อาจจินตนาการถึงได้ และก็เป็นศิลปินมองเห็นทั้งสามส่วนนี้ พวกเขาฉวยใช้บทเพลง เพนติ้ง รูปปั้น บทกวี หรือกระทั่งภาพยนตร์ เป็นดั่งพาหนะพาเราผู้มืดบอดให้ได้มองเห็นสิ่งที่เราหลงลืมไปแล้วอีกครา ไปพร้อมกับผลักดันพรมแดนโลกของเราให้กว้างขวางออกไป
เหตุนี้โลกจึงมีศิลปะ เหตุนี้จึงมี Chanel & Arts.
Text: Suphakdipa Poolsap