ในทุกวันนี้ นาฬิกาเป็นมากกว่าเครื่องบอกเวลา หากแต่เป็นแอ็กเซสเซอรี่ส์หรือเครื่องประดับที่เข้ามาเติมเต็มลุคของทุกคนให้สมบูรณ์แบบและหรูหรายิ่งขึ้น สำหรับใครที่กำลังมองหานาฬิกาที่คุ้มค่าน่าลงทุน ไม่ว่าจะเพื่อซื้อเป็นนาฬิกาเรือนแรก หรือมอบเป็นของขวัญชิ้นพิเศษ วันนี้แอลได้คัดสรรผลงานเรือนเวลาทั้ง 5 ที่เปี่ยมด้วยคุณค่าเหนือกาลเวลาพร้อมความงดงามอันวิจิตรที่สาวๆ ปรารถนาจะมีไว้ในครอบครอง
Audemars Piguet
แบรนด์นาฬิกาสัญชาติสวิส หนึ่งใน ‘Holy Trinity’ อีกหนึ่งตำนานแห่งนวัตกรรมความหรูหราอย่าง Audemars Piguet หรือที่รู้จักในอักษรย่อ AP เป็นแบรนด์ที่จำต้องอดทนรอกว่าจะได้มาครอบครองด้วยจำนวนเรือนที่ผลิตต่อปีอย่างจำกัด ความแรร์นี้จึงเป็นที่ต้องการของเหล่านักสะสมนาฬิกา แอลขอแนะนำตระกูล Royal Oak นาฬิกาสาย Sport Luxury ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1972 จากจุดพลิกผันของเมซงที่ได้เชิญนักออกแบบนาฬิกา Gérald Genta มาร่วมรังสรรค์ผลงานที่ได้กลายมาเป็นรุ่นไอคอนิกตลอดกาล โดดเด่นด้วยดีไซน์หน้าปัดทรงแปดเหลี่ยม พร้อมตัวน็อตทรงหกเหลี่ยมประดับอยู่ทุกมุมกรอบหน้าปัด โดยเฉพาะรุ่น Royal Oak Quartz ตัวเรือนไวต์โกลด์หรือพิงก์โกลด์ประดับเพชร หน้าปัดดีไซน์ Grande Tapisserie สีแดงเบอร์กันดีที่ดูหรูหรา มีสไตล์ ขับเคลื่อนด้วยระบบควอตซ์พร้อมตัวเลขอารบิกบอกเวลาแบบพิเศษ มาในขนาด 33 มม. เข้ากับข้อมือสาวๆ ได้อย่างพอดี สามารถเลือกหยิบมาใส่เสริมลุคให้สวยสง่าปนเท่ แค่แมตช์กับเสื้อยืดขาวและกางเกงยีนส์ก็ออกมาดูดีมีสไตล์น่าค้นหาแล้ว หรือจะใส่ในลุคทำงานตลอดจนลุคหรูหรางานกลางคืนก็เข้าทุกโอกาส
Vacheron Constantin
มาต่อกับเมซงผลิตเรือนเวลาจากกรุงเจนีวาที่สืบทอดมรดกทางประวัติศาสตร์จากรุ่นสู่รุ่นตั้งแต่ปี 1755 กับคอลเล็กชั่น Overseas ไลน์นาฬิกาสปอร์ตหรูที่โดดเด่นด้วยคุณสมบัติต้านทานอิทธิพลสนามแม่เหล็กและสามารถกันน้ำได้ถึง 120 เมตร โดยแนะนำเป็นนาฬิกาข้อมือ Overseas Self-Winding ตัวเรือนสเตนเลสสตีลประดับเพชร ซึ่งเป็นตัวแทนของความแข็งแกร่งอันเป็นนิรันดร์ หน้าปัดแลกเกอร์สีชมพูเบจที่เผยความหรูหราอันอ่อนหวาน มาพร้อมสายนาฬิกาสำรองที่สามารถเปลี่ยนได้ตามชอบเพื่อแมตช์ลุคไม่ซ้ำในแต่ละวัน ทั้งสายโลหะเข้ากับตัวเรือน สายหนังที่เย็บด้วยด้ายสีเดียวแบบโทนออนโทน และสายยางลุคสปอร์ตที่เหมาะกับวันลุยๆ ตอบโจทย์ผู้หญิงที่ไม่ว่าจะต้องการหามาเก็บสะสมหรือไว้สวมใส่ในหลายโอกาส
OMEGA
แบรนด์นาฬิกาที่โดดเด่นด้วยมาตรฐานเวลาอันเป็นที่ยอมรับทั่วโลกและเป็นผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ทั้งยังเป็นที่นิยมในหมู่นักสะสม หลายคนอาจจดจำ Omega ได้จากไลน์ไอคอนิกอย่าง Speedmaster ที่ผสมผสานความคลาสสิกหรูหราและความเที่ยงตรงได้อย่างลงตัว แต่วันนี้แอลอยากจะพาไปทำความรู้จักกับเรือนเวลาที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อสุภาพสตรีโดยเฉพาะอย่างรุ่น De Ville Ladymatic ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 1955 ก่อนจะหยุดผลิตแล้วนำมาปรับโฉมใหม่อีกครั้ง โดดเด่นด้วยหน้าปัดเปลือกหอยมุกล้อมเพชรที่มอบสัมผัสอันอ่อนหวาน เสริมความหรูหราด้วยเพชรเจียระไนทรงเหลี่ยมกุหลาบมาแทนที่หลักชั่วโมง ตัวเรือนและสายนาฬิกาทำจากทอง Sedna™ 18K ฝังเปลือกหอยมุกขาวทอแสงประกายรุ้ง มาพร้อมกลไก Omega Co-Axial นวัตกรรมที่สามารถทนทานต่อแรงกระแทกระดับสูง นอกจากจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนในระยะยาวแล้ว ยังเหมาะแก่การเลือกหยิบมาแมตช์ลุคให้ดูสวยหวานอย่างเจิดจรัสอีกด้วย
Cartier
ข้ามมายังฝั่งฝรั่งเศสกันบ้างที่มีเมซงผลิตนาฬิกาและจิวเวลรี่ะดับตำนานอันเป็นที่หมายปองของผู้หญิงหลายคนอย่าง Cartier ซึ่งมีไอคอนแห่งเรือนเวลาอย่างตระกูล Tank นาฬิกาข้อมือตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมที่ Louis Cartier ได้หยิบยกแรงบันดาลใจจากรถถังในยุคสงครามโลก นำมารังสรรค์เป็นงานศิลป์อันประณีตที่ซ่อนกลิ่นอายความทะมัดทะแมงได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะนาฬิกาข้อมือ Tank Louis Cartier ขนาด 33.7 มม. ตัวเรือนโรสโกลด์ประดับเพชร หน้าปัดลายเกรนสีเงินพร้อมเลขโรมันขนาดใหญ่ดูมีกิมมิก โดดเด่นด้วยเม็ดมะยมฝังเพชรอันเลอค่า มาพร้อมสายหนังสีแดงคลาเร็ตราวสีไวน์แดงที่หากอยู่บนข้อมือจะยิ่งขับผิวอย่างมาก ทั้งยังให้ความรู้สึกโก้เก๋พร้อมเผยเสน่ห์ความเป็นสาวคาร์เทียร์ได้อย่างสง่างาม
Jaeger-LeCoultre
มาสู่อีกหนึ่งเมซงแห่ง ‘Holy Trinity’ นั่นคือ Jaeger-LeCoultre ที่ผลิตงานฝีมืออย่างพิถีพิถัน โดยมีเรือนเวลารุ่น Reverso เป็นไอคอนชูโรง ซึ่งมีจุดเด่นคือตัวเรือนที่ออกแบบมาให้พลิกได้ 180 องศา แม้หลายครั้งจะถูกมองเป็น Dress watch ด้วยดีไซน์ที่เรียบโก้ แต่ความจริง JLC Reverso เดิมทีถือเป็น Sport watch โดยถือกำเนิดมาจากกีฬาขี่ม้าโปโลเพื่อแก้ปัญหาหน้าปัดนาฬิกาแตกระหว่างการแข่งขันนั่นเอง โดยรุ่นที่แอลอยากจะนำมาให้สาวๆ ได้ชมคือ Reverso One Duetto Jewellery ที่มีเอกลักษณ์เป็นหน้าปัดนาฬิกาสองด้าน โดยหน้าปัดด้าน Recto สีเงินประดับลวดลายกิโยเช่และเทคนิกปัดลาย Sunray-brushed ส่วนด้าน Verso หน้าปัดสีดำกลิตเตอร์ราวฟ้ายามราตรีที่พร่างพราวด้วยดาวนับพัน ให้กลิ่นอายสุนทรียะแบบ Art Déco ตัวเรือนพิงก์โกลด์ประดับเพชร 335 เม็ด เผยเอฟเฟ็กต์ระยิบระยับ พร้อมสายหนังสีดำหรูหราคลาสสิก กลายเป็นนาฬิกาประดับอัญมณีที่แฝงความมัสคิวลีนด้วยกลไก Duetto complication โดยเข็มนาฬิกาทั้ง 2 ด้านจะหมุนไปในทิศทางตรงกันข้าม จึงเป็นอีกเรือนเวลาที่มอบบุคลิกอันสง่างามและความโดดเด่นไม่ซ้ำใคร ทั้งยังเหมาะแก่การลงทุนหรือสะสมเป็นงานประณีตศิลป์เพื่อเพิ่มมูลค่าในอนาคตได้อีกเช่นกัน
TEXT: WASAWAT NATPATCHARAKUL