Friday, February 7, 2025

5 เรื่องราวรำลึกความเป็นตำนานของ ‘Leslie Cheung’ ซูเปอร์สตาร์แห่งเกาะฮ่องกง

เป็นเวลากว่า 21 ปีแล้วที่ดาวค้างฟ้าแห่งเกาะฮ่องกงอย่าง ‘เลสลี่จาง’ จากโลกใบนี้ไป ซึ่งทุกๆ วันที่ 1 เมษายนของทุกปี แฟนๆ ของเลสลี่ต่างก็รำลึกถึงการจากไปของเขาเสมอมา และแม้ว่าโลกใบนี้จะสูญเสียเขาไปแล้วกว่าสองทศวรรษ แต่ผลงานอันเลื่องชื่อของเขายังคงอยู่ แอลจึงอยากจะชวนคุณมาย้อนวันวานถึงเขากันอีกสักครั้งผ่าน 5 เรื่องราวรำลึกความเป็นตำนานของ Leslie Cheung

The Man Ahead of His Time

เลสลี่คือศิลปินหัวก้าวหน้าผู้มาก่อนกาลอย่างแท้จริง เพราะท่ามกลางความอนุรักษ์นิยมในอดีต เขาเป็นศิลปินเพียงคนเดียวที่กล้าจะคัมเอาต์ออกมาว่าเขาเป็นไบเซ็กชวล และหลังจากที่เขาหายหน้าหายตาจากวงการไปอยู่แคนาดาพักใหญ่ๆ แล้วกลับมาจัดคอนเสิร์ตในฮ่องกงอีกครั้ง ในปี 1997 เขาก็กลับมาพร้อมกับเสื้อผ้าและการแสดงบนเวทีที่เรียกได้ว่า ‘เปรี้ยวมาก’ ในยุคนั้น เพราะไม่มีศิลปินชายคนไหนกล้าทำโชว์ด้วยการเต้นแทงโก้กับผู้ชายหรือแต่งตัวแบบนี้ โดยลุคที่เป็นตำนานก็คือชุดสไตล์แอนโดรจีเนียสที่เป็นสูทระยิบระยับสวมทับคอร์เซ็ตรัดเอวและรองเท้าส้นสูงสีแดงในโชว์นี้นั่นเอง เรียกได้ว่าเขาคือคนแรกๆ ที่แสดงมันออกมาเลยก็ว่าได้ ซึ่งมันเป็นการทลายกรอบทางเพศครั้งใหญ่ และมันก็กลายเป็นโชว์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลังมานับครั้งไม่ถ้วน

Farewell My Concubine

เขาเคยรับบทเป็นคนรักเพศเดียวกันในเรื่อง Farewell My Concubine เมื่อปี 1993 โดยเรื่องนี้เขารับบทเป็นน้องชายที่รับบทเป็นงิ้วตัวนาง แอบหลงรักพี่ชายคนสนิทผู้รับบทตัวพระที่เติบโตมาในโรงงิ้วด้วยกัน และบทบาทนี้เป็นบทบาทเกย์ครั้งแรกที่เขารับเล่นในช่วงที่ยังไม่ได้ประกาศตัวออกมาว่าเขาเป็นเควียร์ แต่เมื่อเขารับบทที่ต้องแสดงทุกอารมณ์ทั้งความสุข ความรัก ความเศร้าโศกเสียใจ รวมทั้งทักษะการเล่นงิ้วที่ต้องฝึกอย่างหนัก ก็ทำให้หนังเรื่องนี้คว้ารางวัล ณ งานปาล์มทองคำได้ในที่สุด ส่วนตัวเขาเองก็ได้แจ้งเกิดในระดับนานาชาติ และผู้คนทั่วโลกก็จดจำชื่อของ Leslie Cheung นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

เขายังเคยเล่าด้วยว่าอันที่จริงแล้วเขามีไอดอลคนโปรดเป็นนักแสดงฝั่งตะวันตกก็เยอะ ทั้งนักแสดง Jane Fonda, Robert Redford หรือ Barbra Streisand แต่ถ้าหากเป็นนักแสดงเอเชียแล้วล่ะก็เขาชอบนักแสดงงิ้วกวางตุ้งเป็นที่สุด ยิ่งโดยเฉพาะนักแสดง Yam Kim-fai และ Pak Suet-sin ก็เป็นไอดอลตัวจริงของเขาเลย เพราะคุณยายของเขาชอบพาไปดูบ่อยๆ ในช่วงที่เขายังเป็นเด็ก ดังนั้นนี่ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่าทำไมเขาถึงถ่ายทอดรายละเอียดการแสดงของงิ้วออกมาได้อย่างงดงามจับใจนั่นเอง

The Queer Icon

แน่นอนว่าด้วยสไตล์การแต่งตัวเปรี้ยวกว่าใครและเขายังมีความกล้าหาญที่จะเป็นตัวของตัวเองในยุคของการเป็นคนรักเพศเดียวกันเป็นเรื่องที่ยังไม่เป็นที่ยอมรับ ทำให้เขาถูกยกให้เป็นเควียร์ไอคอนแห่งเอเชียที่กลุ่มคนหลากหลายทางเพศในยุคนั้นและคนรุ่นหลังชื่นชม

ยิ่งโดยเฉพาะกับผลงานมาสเตอร์พีซจากฝีมือของผู้กำกับหว่องกาไว ที่เขาแสดงเป็นคู่รักกับเหลียงเฉาเหว่ยในเรื่อง Happy Together เมื่อปี 1997 ก็เป็นหนึ่งในหนังเควียร์สุดไอคอนิกซึ่งยากจะโค่นล้ม เพราะทั้งเนื้อเรื่องหรือการแสดงของทั้งสองคนนั้นเรียกได้ว่าหาตัวจับได้ยาก ยิ่งนักแสดงชายหลายคนในยุคนั้นก็ไม่อยากจะรับบทเกย์ แต่เขากลับเลือกที่จะรับบทนี้และถ่ายทอดเรื่องราวของเหล่า LGBTQ+ ก็นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของเส้นทางชีวิตเขาเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลานั้นเขาจึงเผชิญหน้ากับคำถามของสังคมอยู่เนืองๆ ว่าเขาเป็นเกย์หรือเปล่า เพราะเขาแสดงบทบาทเกย์มาแล้วถึงสองครั้ง รวมทั้งบทบาทในเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเควียร์อย่างเรื่อง All’s Well, End’s Well หรือ He’s a Woman, She’s a Man ซึ่งมีประโยคไอคอนิกที่ว่า ‘ฉันรักคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นชายหรือหญิง’ แต่เขาก็ยังไม่ได้คัมเอาต์อย่างเป็นทางการ และในตอนนั้นเองก็ยังบอกว่าเขาเดตกับนักแสดงผู้หญิงอยู่ จนถึงช่วงเวลาหนึ่ง ณ ปี 1992 เขาถึงให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าเขาเป็นไบเซ็กชวล และในปี 1997 ที่เขากลับมาจากแคนาดา เขาถึงได้ประกาศว่าเขาคบหากับเพื่อนชายที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กอย่าง Daffy Tong บนคอนเสิร์ตในตำนานครั้งนั้นนั่นเอง

“จิตใจของผมเป็นไบเซ็กชวลนะ มันง่ายมากเลยที่ผมจะชอบผู้หญิง แต่มันก็ง่ายเหมือนกันที่ผมจะหลงรักผู้ชายด้วย”

Leslie Cheung

The Epic Love Story

ในคอนเสิร์ต Passion เมื่อปี 1997 ในปีนั้น เขาประกาศว่าเขาอยากจะมอบเพลง ‘The Moon Represent My Heart (พระจันทร์แทนใจ)’ ให้กับบุคคลผู้เป็นที่รักในชีวิตของเขาทั้งสองคน ซึ่งนั่นก็หมายถึงคุณแม่และแดฟฟี่ ถ่ง เพื่อนในวัยเด็กที่กลายเป็นคนรัก เพราะทั้งสองคนคือคนที่อยู่เคียงข้างเขามาตลอดในวันที่เขายากลำบากนั่นเอง

ซึ่งนับตั้งแต่วันที่เขาเสียชีวิตไป แดฟฟี่ก็จะมาโพสต์รูปคู่กับเขาทุกๆ ปีบนอินสตาแกรม จนถึงปี 2024 Daffy Tong ก็ยังคงโพสต์ถึงเลสลี่บนอินสตาแกรมของเขาอยู่เสมอ โดยในวันครบรอบเสียชีวิตของเลสลี่ปีนี้ เขาก็โพสต์วิดีโอของคนรัก พร้อมกับคำถามที่ว่า “วันนี้เป็นวันอีสเตอร์นี่นา ใช่ไหม?”

The Real Superstar

จากการทลายกรอบในเรื่องเพศ แฟชั่นที่เป็นอิสระ แนวคิดในการทำงาน ตลอดจนผลงานการร้องเพลงและการแสดง ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ตอกย้ำว่าเขาคือซูเปอร์สตาร์ตัวจริงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถ มากไปกว่านั้นแล้วการกระทำของเขาที่แหวกขนบในยุคนั้นก็กลายเป็นตำนานที่สร้างแรงบันดาลใจและกรุยทางให้กับเหล่ากลุ่มคนหลากหลายทางเพศมาจนถึงปัจจุบัน และสิ่งเหล่านี้ก็ยังบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเท่าไร ชื่อนักแสดง ‘เลสลี่จาง’ ก็จะถูกจารึกในฐานะดาวค้างฟ้าที่ไม่มีวันร่วงหล่นไปตลอดกาล

Latest Posts

Don't Miss