เทคโนโลยีจับเวลาของ OMEGA ในฐานะผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกส์นั้นมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและสมบทบาทของการทำหน้าที่นี้มาถึง 31 ครั้ง นับตั้งแต่ปี 1932 เป็นต้นมา จนถึงการแข่งขัน Olympic Games Paris 2024 ที่กำลังดุเดือดก่อนปิดฉากลง และตามมาด้วย Paralympic Games ในวันที่ 28 สิงหาคมนี้
แอลจึงหยิบเอา 5 เทคโนโลยีที่น่าจดจำของอุปกรณ์การจับเวลาจาก OMEGA ซึ่งทำหน้าที่ได้อย่างสมบทบาททั้งในหน้าประวัติศาสตร์และการแข่งขันยุคปัจจุบันของวันนี้
The Electronic Starting Pistol
ปืนสัญญาณออกตัวอิเล็กทรอนิกส์ที่ขจัดปัญหาปืนสัญญาณออกตัวแบบดั้งเดิม โดยการเชื่อมต่อเข้ากับลำโพงที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังผู้เข้าแข่งขันแต่ละราย เมื่อลั่นไก แสงไฟจะสว่างขึ้นพร้อมส่งพัลส์ออกตัวไปยังอุปกรณ์จับเวลา ทั้งยังให้เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังนักกีฬาทุกคน จึงเป็นการออกตัวที่เป็นไปอย่างยุติธรรม
Quantum Timer
นี่คือนาฬิกาจับเวลาสมัยใหม่ที่ OMEGA ได้เพิ่มความละเอียดให้สูงถึงหนึ่งในล้านของวินาที และทำงานด้วยชิ้นส่วนไมโครคริสตัลที่ติดตั้งในนาฬิกา เพื่อมอบความละเอียดได้มากกว่าเครื่องรุ่นก่อนถึง 100 เท่า ด้วยความคลาดเคลื่อนเพียงหนึ่งในสิบล้านวินาที ซึ่งเที่ยงตรงมากกว่าเดิมกว่า 5 เท่า
Photocell Technology
แทนที่จะใช้เส้นชัยแบบริบบิ้น ความแม่นยำยิ่งขึ้นของการบันทึกเวลาเข้าเส้นชัยในการแข่งขันได้ถูกใช้โดยเทคโนโลยีของเส้นลำแสงจาก Photocell ทั้งหมด 4 ตัวที่ติดตั้งอยู่ที่เส้นชัย ซึ่งเมื่อร่างกายของผู้เข้าแข่งขันข้ามเส้นลำแสงนี้เวลาที่เข้าเส้นชัยก็จะถูกบันทึกทันที ขณะที่เวลาอย่างเป็นทางการก็จะถูกบันทึกจากกล้อง Photocell เช่นกัน
Touchpads
บรรดา Touchpads อันโด่งดังนี้จะถูกติดตั้งไว้ทั้งสองด้านของสระว่ายน้ำที่จะทำให้นักว่ายน้ำสามารถหยุดเวลาได้ด้วยการใส่แรงกดระหว่าง 1.5 ถึง 2.5 กิโลกรัม หรือ 3.3 ถึง 5.5 ปอนด์ ซึ่งนับเป็นวิธีการที่แม่นยำที่สุดในการวัดเวลาและชี้ขาดชัยชนะในการแข่งขันกีฬาว่ายน้ำอันท้าทาย โดย OMEGA เปิดตัวเทคโนโลยีนี้เป็นครั้งแรกใน Olympics 1968 และยังถูกใช้เรื่อยมา รวมถึงได้นำใช้ในการแข่งขันกีฬาปีนผาจำลองประเภทความเร็วนับตั้งแต่ Olympic Games Tokyo 2020 เป็นต้นมาด้วย
Scan ‘O’ Vision Ultimate
การเข้าเส้นชัยที่สูสีนั้นชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยกล้อง Scan ‘O’ Vision Ultimate ที่มีความละเอียดจากกล้อง Photofinish คมชัดมากที่สุดในวงการ โดยสามารถจับภาพดิจิทัลได้มากถึง 40,000 ภาพต่อวินาที ณ เส้นชัย ซึ่งช่วยให้กรรมการสามารถตัดสินผลการแข่งขันได้รวดเร็วมากขึ้น รวมถึงแสดงลำดับการเข้าเส้นชัยที่สูสีกันได้อย่างชัดเจนที่สุด ตลอดจนเซนเซอร์สีที่ออกแบบมาโดยเฉพาะที่ช่วยให้ภาพมีความชัดเจนโดยปราศจากการรบกวนพิกเซล เทคโนโลยีล่าสุดนี้นำมาใช้แทนที่ Scan ‘O’ Vision Myria (จับภาพดิจิทัลได้ 10,000 ภาพต่อวินาที) รุ่นก่อน ใน Olympic Games Paris 2024
นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้านการจับเวลาอีกมากมายที่นำมาใช้ใน Olympic Games Paris 2024 ซึ่งพัฒนามาเพื่อจับเวลาประเภทของการแข่งขันต่างๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่ครอบคลุมได้หลากหลายประเภทกีฬา อย่าง Computer Vision Technology ที่สามารถติดตามนักกีฬาและวัตถุต่างๆ ตลอดการแข่งขันใน Paris 2024 เพื่อมอบชุดข้อมูลที่ทั้งน่าสนใจและเป็นประโยชน์ โดยเป็นการประยุกต์การทำงานของกล้องหนึ่งตัวหรือมากกว่า ที่แต่ละระบบจะคอยป้อนข้อมูลให้กับโมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่ผ่านการฝึกมาสำหรับแต่ละชนิดกีฬาโดยเฉพาะ เช่น ในการแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาดที่ข้อมูลทุกอย่างจะถูกบันทึกด้วยกล่องความละเอียดสูงของ OMEGA ที่ติดตั้งอยู่รอบสนามแข่งเพื่อติดตามการเคลื่อนไหวของนักกีฬา รวมถึงลูกบอลที่ลอยอยู่ในอากาศ รัศมีที่ผู้เล่นแต่ละคนครอบคลุม ความเร็วของผู้เล่นกับลูกบอล ความสูงของการกระโดด ประเภทการทำคะแนน และข้อมูลอีกมากมายที่เกี่ยวข้องนี้ได้อย่างแม่นยำ
หรือในกีฬาเทนิคที่เทคโนโลยีนี้จะติดตั้งทั้งตัวผู้เล่น ไม้แร็กเก็ต และลูกบอลได้อย่างเรียลไทม์ ช่วยวัดเวลาในการตอบสนองต่อการตีลูกแต่ละครั้ง ความเร็วในการตอบสนองต่อลูกเทนนิสของผู้เล่น รวมไปถึงตำแหน่งที่แน่นอนของไม้แร็กเก็ต และในกีฬากระโดดค้ำถ่อ ที่ด้วยเทคโนโลยีนี้ ทำให้ Paris 2024 นับเป็นครั้งแรกในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกส์ที่มีการวัดระยะห่างระหว่างนักกระโดดกับคานได้โดยอัตโนมัติ และเป็นวิธีที่แม่นยำที่สุดในการตรวจสอบว่ามีระยะห่างเท่าใดในระหว่างการกระโดดที่สำเร็จ
ยังไม่นับรวมถึงเทคโนโลยีด้านกราฟิก อย่าง Vionardo ที่แสดงกราฟิกความละเอียดสูงในระดับ 4K UHD (ความคมชัดมากที่สุด) และมอบกราฟิกที่ชัดเจนแบบเรียลไทม์ ขณะเดียวกันก็ยังสามารถนำเสนอเนื้อหากราฟิกสำหรับโทรทัศน์ในภาษาต่างๆ ตามความต้องการของผู้ถือลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดในแต่ละภูมิภาค ช่วยลดการใช้โครงสร้างพื้นฐานในสถานที่จัดการแข่งขันและส่งเสริมมาตรการด้านความยั่งยืนที่ในระหว่างมหกรรมกีฬา Paris 2024 กราฟิกจะถูกใช้งานโดย OMEGA สำหรับการแข่งขันกีฬาในสนามต่างๆ
นับเป็นบทบาทที่ท้าทายและสมเกียรติอีกครั้งสำหรับ OMEGA ในฐานะผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกส์อันยิ่งใหญ่แห่งมวลมนุษยชาติ