เป็นเวลาสามโมงเย็นของวันศุกร์ที่ปารีส นักแสดงสาว Whitney Peak ยิ้มกว้างไม่หุบ ถึงแม้ว่าจะเป็นการพูดคุยผ่าน Microsoft Teams อยู่ก็ตาม แต่ก็ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นของเธอที่เปี่ยมล้น ไม่ใช่เพราะว่าวันนี้คือวันศุกร์ แต่เพราะว่าเธอกำลังจะมีการประกาศข่าวสำคัญมากๆ ข่าวหนึ่งชนิดที่นักแสดงหลายคนอาจต้องการมีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งนี้ ซึ่งไม่ใช้การประกาศข่าวถึงแฟรนไชส์ซูเปอร์ฮีโร่ แต่ดีกว่า ใหญ่กว่า และมีเสน่ห์มากกว่านั้น มันยิ่งใหญ่จนตัวเธอเองในฐานะชาวยูกันดา-แคนาดาไม่กล้าที่คิดจะฝันถึงด้วยซ้ำ
แม้ว่าเราจะรู้กันว่านักแสดงสาวจากซีรี่ย์เรื่องดัง Gossip Girl และภาพยนตร์เรื่อง Hocus Pocus จะเคยมิวส์ให้กับ Chanel (กระเป๋ารุ่น 22) อยู่แล้ว แต่ในตอนนี้เธอมาพร้อมกับบทบาทใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมในฐานะเฟซของน้ำหอม COCO Mademoiselle ซึ่งการประกาศครั้งนี้ทำให้เธอเป็นเฟซผิวดำคนแรก และเป็นนักแสดงผิวดำไม่กี่คนที่ได้ปรากฏตัวในโฆษณาน้ำหอม ELLE พูดคุยกับ Peak เกี่ยวกับกิจวัติการใช้น้ำหอมของเธอ พร้อมด้วยเรื่องราวความทรงจําเกี่ยวกับกลิ่นไปจนถึงไปถึงการเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์น้ำหอมชาเนล
ELLE: ช่วยเล่าถึงความรู้สึกตอนที่คุณได้รู้ว่ากำลังจะได้เป็นเฟซของน้ำหอม COCO Mademoiselle ให้ฟังหน่อยได้ไหม?
WP: ผู้จัดการของฉันแหย่ฉันเล่นเล็กน้อย ซึ่งเขาและทีมงานพูดว่า ในอนาคตของคุณอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นเกี่ยวกับแคมเปญน้ำหอม แล้ววันหนึ่งฉันก็ได้รับโทรศัพท์จากพวกเขาทั้งสาม ซึ่งทำให้ฉันคิดว่าถ้าไม่ใช่เรื่องที่แย่มากๆ ก็ต้องเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ฉันรีบถามพวกเขากลับไปว่าเกิดอะไรขึ้น และเขาก็ตอบกลับมาว่า ชาเนลต้องการให้ฉันเข้าร่วมในแคมเปญ COCO Mademoiselle ในเวลานั้นฉันตื่นเต้นมากถึงขั้นกรี๊ดกับตัวเองในใจ แต่ก็ต้องพยายามทำตัวให้เป็นปกติ ฉันไม่อยากตื่นเต้นมากเกินไป เพราะกลัวว่าถึงเวลาจริงอาจทำได้ไม่ดีพอ แต่พวกเราก็ทำได้ ในที่สุดก็เป็นจริง! และต้องยอมรับเลยว่าฉันตื่นเต้นมาก! ฉันยังจําภาพโฆษณาได้ดีที่ให้ความรู้สึกเหมือนภาพยนตร์สั้นที่มีตัวละครและความซับซ้อนของฉาก
ELLE: คุณสวมบทบาทเป็นตัวละคร?
WP: ในตอนถ่ายทำให้ความรู้สึกเหมือนหนังสั้นทุกคนในกองถ่ายจะเรียกตัวละครของฉันว่าโคโค่ ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่เธอได้ออกไปเอ็นจอยการใช้ชีวิตกับเพื่อนๆ ในขณะเดียวกันฉันก็สวมบทบาทของโคโค่ในเวอร์ชั่นสุดเซ็กซี่ของเธอที่อยู่บนเตียงกับคนรัก ฉันเหมือนได้เข้าไปในส่วนที่ฉันไม่เคยเห็นหรือได้เคยเป็นมาก่อนเพราะในทุกครั้งฉันมักได้รับบทบาทของเด็กสาว การต้องเล่นเป็นผู้ใหญ่โดยเฉพาะกับการได้สวมบทบาทของบุคลอันน่าประทับใจนี้ ช่างเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก ฉันเริ่มเห็นภาพลางๆในอนาคตของตัวเองแล้วว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งฉันเชื่อว่าจะต้องสนุกแน่ๆ
ในขณะที่ถ่ายทำฉันพยายามถ่ายทอดความสนุก ความเย้ายวน ความเป็นธรรมชาติ ความมั่นใจ และความเป็นอิสระ ฉันพยายามจะเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีสุด ซึ่งหลังจากนี้ฉันบอกกับตัวเองว่าจะพยายามที่จะดึงเอาสิ่งเหล่านี้เข้ามาชีวิตของตัวเองด้วย ฉันเชื่อว่าเราทุกคนต้องการสิ่งเหล่านี้ไม่มากก็น้อยเพื่อเติมเต็มชีวิต เหมือนเวลาที่ฉีดน้ำหอม ฉันรู้สึกว่าเหมือนเป็นการเติมสัมผัสสุดท้ายด้วยกลิ่นแห่งความมั่นใจ ที่ช่วยเสริมบุคลิกให้มีเสน่ห์ชวนมอง
ELLE: อยากให้เล่าถึงความทรงจำกลิ่นน้ำหอมกลิ่นแรกของคุณให้เราฟังหน่อย?
WP: ถ้าให้อธิบายมันเป็นกลิ่มหอมเบาๆของแป้งเด็ก ทั้งหมดที่ฉันจำได้คือผลิตภัณฑ์สําหรับเด็กอย่าง Johnson & Johnson ที่แม่มักใช้ให้ตอนเด็กๆ หรืออาจจะเป็นกลิ่นของแม่ที่มีความเฉพาะตัว นอกจากนี้อาจจะเป็นกลิ่นที่ฉันมักได้กลิ่นรอบตัวอยู่บ่อยครั้ง เป็นเหมือนกลิ่นที่มีการผสมผสานของโกโก้บัตเตอร์ และน้ำมันอัลมอนด์ นอกจากนี้อาจจะเป็นกลิ่นของผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่ฉันจะได้กลิ่นทุกครั้งที่กอดแม่ หรือไม่ก็อาจเป็นกลิ่นของอาหารยังที่เป็นส่วนสําคัญของชีวิต ดังนั้นถ้าให้พูดถึงกลิ่นในความทรงจำ เห็นทีจะเป็นกลิ่นของอาหารที่ฉันชอบอย่างอาหารแอฟริกัน ที่มักมาในกลิ่นของพืชตระกูลกล้วยอย่าง Plantains กลิ่นของ Pilau หรือกลิ่นของเมนูข้าวสมุนไพรที่มีเนื้อสัตว์ ผักและเครื่องเทศจำนวนมากเป็นความหอมในแนวเดียวกับเมนู Jerk Chicken ไก่ย่างจาไมก้าคลุกซอสและสตูว์
ELLE: คุณเชื่อมโยงน้ำหอมกับการดูแลตัวเองอย่างไร?
WP: ฉันไม่ชอบเวลาที่ตัวไม่หอม ถ้าฉันรู้ว่าวันนั้นฉันไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายหรือน้ำหอม ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ควรออกไปไหน ฉันจำเป็นต้องกลับไปบ้านอาบน้ำและฉีดน้ำหอมก่อนมันเป็นเหมือนการดูแลตัวเองในแบบฉบับของฉันที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองด้วย ยิ่งในเวลาที่ต้องใกล้ชิดกับผู้คน อย่างฉันเป็นคนที่ชอบทักทายเพื่อนด้วยการกอด การฉีดน้ำหอมทำให้ฉันรู้สึกดีกับตัวเองและฉันชอบทุกครั้งที่มีคนชมว่าฉันตัวหอม ฉันรู้สึกว่าเป็นคำชมที่จริงแท้ที่สุดอันหนึ่ง
ELLE: คุณจะเชื่อมโยงน้ำหอมขวดนี้กับช่วงชีวิตไหนของคุณ?
WP: ตอนนี้ฉันกําลังจะอายุครบ 20 ปีเต็ม ซึ่งตอนอายุ 17 ฉันได้ย้ายไปอยู่นิวยอร์ก จากนั้นฉันก็เริ่มทํางานกับชาเนลตอนอายุ 18 ปี ซึ่งในปีนั้นเป็นปีที่ฉันต้องเริ่มอยู่ตัวคนเดียว มีอะไรหลายๆต้องรับผิดชอบมากขึ้นและฉันก็ต้องทําสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง แต่โชคดีที่แม่ของฉันได้คอยสอนฉันให้ใช้ชีวิตด้วยตัวเองตั้งแต่ยังเด็ก การเติบโตและการปล่อยให้ตัวเองให้เป็นอิสระในเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของฉัน ดังนั้นในวันที่ฉันโตขึ้นอาจจะในวัยหกสิบฉันจะใช้น้ำหอมกลิ่นนี้ในการนำพาฉันกลับไปในช่วงเวลานี้อีกครั้ง
ELLE: วิธีการฉีดน้ำหอมของคุณเป็นแบบไหน?
WP: ฉันชอบฉีดน้ำหอมตอนแต่งตัว หลังจากแต่งหน้า และฉันจะมีน้ำหอมขวดหนึ่งวางไว้หน้าประตูบ้านเสมอเพื่อเอาไว้ฉีดอีกครั้งก่อนออกจากบ้าน ฉันชอบที่จะฉีดน้ำหอมให้กับตัวเองและคนอื่นๆรอบตัว ฉันมักบอกทุกคนเสมอให้ทุกคนทัชอัพลุคด้วยความหอม ดังนั้นแน่นอนว่าฉันมักพกน้ำหอมใส่กระเป๋าติดตัวตลอด และฉันชอบฉีดน้ำหอมแทบทุกที่ที่ได้ไป เช่นเวลาเข้าร้านอาหารหรือออกจากห้องน้ำ เพื่อให้ทุกคนรู้สึกว่ามีฉันอยู่ด้วยตลอดเวลา นอกจากฉีดน้ำหอมทุกที่ที่ไปแล้วฉันยังชอบฉีดน้ำหอมทั่วตัว ทั้งบนผิว บนข้อมือ บริเวณลำคอ และเส้นผม
ELLE: ฉันคิดว่าคุณได้เรียนรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับ Coco Chanel ในฐานะบุคคลในประวัติศาสตร์ มีอะไรสําคัญที่คุณสนใจเป็นพิเศษไหม?
WP: ต้องยอมรับว่าในตอนแรกฉันไม่ได้รู้จักตัวตนของเธอเท่าไหร่นัก แต่ฉันได้เรียนรู้ว่าการใช้ชีวิตในสมัยนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายกับการที่จะเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง การมองในมุมที่ไม่เหมือนกับในขนบของสังคมในยุคนั้น ฉันมีโอกาสได้ไปที่อพาร์ตเมนต์และมีโอกาสได้ชมประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับเธอ ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงความเชื่อมโยงกับตัวตนของเธออยู่ไม่น้อย
ELLE: ในฐานะที่คุณเป็นเฟซผิวดําคนแรกสําหรับน้ำหอมชาเนล สิ่งนี้มีความหมายกับคุณอย่างไร?
WP: พูดตามตรงต้องบอกว่ามันบ้าไปแล้ว ไม่ใช่แค่บ้าธรรมดา แต่เป็นความบ้าที่มหัศจรรย์มากๆ เอาเข้าจริงตัวฉันเองยังไม่สามารถบรรยายความรู้สึกนี้ออกมาเป็นคำพูดได้แบบตรงๆ แต่ฉันโชคดีมาก และฉันก็มีความสุขมากๆที่ได้ทำสิ่งนี้ เป็นอะไรที่เกินกว่าที่ฉันจะฝันถึง แต่ในความจริงที่ว่าฉันได้ทำงานกับชาเนลในตอนนี้ในวัยนี้ เป็นอะไรที่ฉันภูมิใจในตัวเองมาก และมันเจ๋งมากๆเลย
ELLE: คุณคาดหวังให้หนุ่มสาวคนอื่น ๆ จะรู้สึกอย่างไรเมื่อพวกเขาเห็นคุณเป็นเฟซของน้ำหอม?
WP: ฉันแค่หวังว่าสิ่งนี้จะเป็นการทำให้คนได้เห็นถึงมุมมองในเรื่องของโอกาส หลายครั้งในการทำสิ่งต่างๆ ทุกคนคิดว่ามันเป็นบรรทัดฐานมากกว่าคุณค่า ฉันหวังว่ามันเป็นอีกก้าวหนึ่งที่จะแสดงให้ผู้คนได้เห็นว่าไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งทำเพราะต้องทำหรือทำเพราะรักก็ไม่สำคัญ (ฉันกำลังจะเริ่มดึงดราม่าแล้ว) ขอให้เชื่อว่าคุณจะทำมันได้ เพราะถ้าฉันทำได้ ทุกคนก็ทำได้เหมือนกัน เพียงแค่คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเองและลองเสี่ยงดู!
Credit: Elle USA
Author: KATHLEEN HOU