หลากหลายเมซงผู้ผลิตนาฬิกาได้นำความสามารถและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของตนเองมาสร้างสรรค์ผลงานเรือนเวลาที่มีความสวยงามเชิงศิลป์ควบคู่ไปกับความซับซ้อนของจักรกล ที่มอบให้ผลงานของพวกเขาล้วนเป็นดั่งหัวใจของเสน่ห์และคุณค่าของเรือนเวลาเหล่านี้
Crafting Hands
Van Cleef & Arpels เป็นหนึ่งตัวอย่างของแบรนด์ที่บรรจงผสมผสานแรงบันดาลใจเชิงบทกวีเข้ากับความคิดสร้างสรรค์และความเชี่ยวชาญด้านศิลปะการตกแต่งและจักรกลไว้ด้วยกัน โดยสืบทอดไว้ด้วยงานหัตถศิลป์และงานฝีมือแขนงต่างๆ ไว้อย่างกลมกลืน เช่นในนาฬิกาข้อมือ Lady Arpels Bal des Amoureux Automate ที่นับเป็นตัวแทนของการผสมผสานทักษะงานฝีมือเข้ากับความซับซ้อนทางจักรกล ผ่านการรังสรรค์งานออกแบบนาฬิกาข้อมือหุ่นกลท่ามกลางบรรยากาศชวนฝันของลานเต้นรำในคาเฟ่ชานเมืองปารีส สถานที่ยอดนิยมของหนุ่มสาวในช่วงระหว่างศตวรรษที่ 19 โดยมาพร้อมกลไกแบบ Double Retrograde System ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของคอลเล็กชั่นนี้ ซึ่งควบคุมการเคลื่อนที่ของหุ่นกลไกคู่รักให้มาพบและทักทายกัน ณ ยามเที่ยงวัน และเที่ยงคืนได้ตามความต้องการผ่านปุ่มกด ในผลงานรุ่นนี้ยังคงผสมผสานทั้งงานฝีมือหลากหลายเทคนิค เช่น การจำลองและย่อส่วน งานลงยาจุดสี รวมถึงงานสลักหุ่นกลทอง ซึ่งต่างก็ต้องอาศัยความประณีตละเอียดอ่อนในทุกรายละเอียด และทุกขั้นตอนของการสร้างสรรค์งานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของสุนทรียะแห่งภาพและจักรกลที่สมบูรณ์แบบ

นอกจากนี้เรือนเวลารุ่นใหม่ Perlée Extraordinaire Fruits Enchantés ที่เผยโฉมล่าสุดยังนับเป็นครั้งแรกที่เมซงได้นำหัตถศิลป์ชั้นสูงแบบฉบับฝรั่งเศส หรือ Métiers d’Art มารังสรรค์บนนาฬิกาข้อมือคอลเล็กชั่น Perlée อันมีเอกลักษณ์ของไข่มุกทองรายล้อมตัวเรือน ทั้งในรุ่น Myrtille ด้วยสีสันสดใสของบลูเบอร์รี่ และ Framboise กับเฉดสีสดใสมีชีวิตชีวาของราสป์เบอร์รี่ ทั้ง 2 รุ่นอันงดงามวิจิตรนี้รังสรรค์ขึ้นด้วยงานฝีมือของเทคนิคอีนาเมลขึ้นรูปแบบ 3 มิติที่พัฒนาขึ้นเฉพาะ พร้อมทั้งรูปสลักนางฟ้าโรสโกลด์และไวต์โกลด์เจ้าของปีกเรียวบางที่ประดับด้วยเพชรอย่างพิถีพิถัน สัญลักษณ์ประจำเมซงนี้โบยบินหยอกล้อกับเข็มชี้เวลาบนหน้าปัด ส่วนบนฝาหลังของแต่ละรุ่นยังคงแต่งแต้มด้วยจินตภาพเดียวกัน พร้อมทั้งเปิดโชว์ให้เห็นกลไกบางส่วน เพื่อร่วมสะท้อนถึงความเชี่ยวชาญไม่เพียงเฉพาะด้านทักษะฝีมือ แต่ยังรวมถึงไหวพริบในการออกแบบและพัฒนาด้านจักรกลอันปราดเปรื่องที่จับคู่เข้ากับความงดงามของผลงานนี้ได้ลงตัว

Splendid Art
ผลงานรังสรรค์สุดพิเศษของ Vacheron Constantin ที่ร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 270 ปีในปีนี้ ได้ยกย่องเกียรติให้กับเจนีวา เมืองบ้านเกิดของแบรนด์นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 1755 โดยนำศิลปะการตกแต่งเดินทางมาบรรจบกับความสง่างามของนาฬิกาข้อมือสุดคลาสสิกภายในคอลเล็กชั่นพิเศษ Les Cabinotiers Tribute to Tour de l’Île ซึ่งประกอบด้วยนาฬิกาข้อมือ 3 รุ่นจากการผสมผสานทั้งเทคนิค แนวคิดสร้างสรรค์และงานฝีมือจากห้องปฏิบัติการ Métiers d’Art อันเป็นศูนย์กลางของเหล่าช่างฝีมือ โดยบนหน้าปัดของแต่ละรุ่นถ่ายทอดภาพของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองเจนีวา ทั้งยังแสดงออกถึงทักษะความชำนาญเฉพาะอันมีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็นภาพหอคอยที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเสาหินประวัติศาสตร์และได้รับการตีความใหม่โดยนักออกแบบของแบรนด์ ประกอบด้วยงานวาดภาพย่อส่วน แต่ยังคงรายละเอียดของภาพที่รังสรรค์ขึ้นด้วยศิลปะการลงยาหรืออีนาเมลแบบ Grand feu บนพื้นที่และสัดส่วนภาพที่มีขนาดเล็กจิ๋วกับโทนสีอ่อน ส่วนอีกรุ่นมาคู่กับตัวเรือนแพลทินัมผสมผสานด้วยเทคนิคการแกะสลักกิโยเช่และงานลงยาแบบ Grand feu ช่วยให้มีมิติและเล่นกับแสง และรุ่นท้ายสุดซึ่งชูความโดดเด่นของงานแกะสลักบนหน้าปัดพิงก์โกลด์มาพร้อมกับตัวเรือนพิงก์โกลด์ที่ถ่ายทอดถึงสัมผัสแห่งความประณีตพิถีพิถัน ส่วนบนฝาหลังนาฬิกาแต่ละรุ่นยังเปิดโชว์ให้เห็นกลไก Calibre 2460 กับการตกแต่งอย่างประณีตตามแบบฉบับดั้งเดิมของเรือนเวลาชั้นสูง

Excellence in Watchmaking
Louis Vuitton อุทิศให้กับความเชี่ยวชาญในการรังสรรค์นาฬิกาทั้งในรูปแบบคลาสสิกและเรือนเวลาชั้นสูงที่หล่อหลอมไว้ด้วยความเชี่ยวชาญหลากหลายรูปแบบในคอลเล็กชั่น High Watchmaking ประจำปี 2025 ทั้งในนาฬิกาพกรุ่น Escale en Amazonie จากคอลเล็กชั่นนาฬิกาพกรุ่นแรกของเมซงอย่าง Escale Autour du Monde ที่นำเสนอจุดสูงสุดของงานฝีมือ ณ โรงงานการผลิต La Fabrique du Temps Louis Vuitton มาผสมผสานไว้ด้วยกลไกจักรกลสลับซับซ้อนสูงสุด ได้แก่ ระบบตีเสียงบอกเวลาหรือมินิท รีพีทเตอร์ และทูร์บิญอง ผสมผสานเข้ากับระบบ Automaton ของหุ่นกลเคลื่อนไหวได้ถึง 7 ชิ้น และองค์ประกอบเคลื่อนไหวอื่นๆ โดยเลือกถ่ายทอดผ่านศิลปะงานฝีมือชั้นสูง หรือ Métiers d’Art ได้อย่างสวยงาม หรือในนาฬิกาข้อมืออีก 2 รุ่น อย่าง Tambour Bushido Automata สัญลักษณ์ของวัฒนธรรมญี่ปุ่นซึ่งอุทิศให้กับซามูไรผู้ทรงเกียรติ มีวินัย และเข้มแข็ง ที่แสดงออกผ่านระบบจักรกลเคลื่อนไหวหรือ Automaton กับหุ่นกลเปลี่ยนหน้ากากได้ด้วยจักรกลเอ็กซ์คลูซีฟอันซับซ้อน ส่วนอีกรุ่นใน Tambour Taiko Galactique อุทิศให้กับการสำรวจอวกาศ โดยผสมผสานระหว่างนวัตกรรมเข้ากับศิลปะการเล่าเรื่องผ่านการตกแต่ง ทั้งการแกะสลักและงานลงยาเทคนิคเฉพาะต่างๆ ตลอดจนการวาดภาพย่อส่วนที่สามารถถ่ายทอดทุกรายละเอียดของภาพได้อย่างวิจิตรและเต็มไปด้วยสีสัน ภายใต้ตัวเรือนใหม่ทำจากไทเทเนียมและไวต์โกลด์เสมือนตัวแทนของงานออกแบบแห่งโลกอนาคต

ความงดงามของเรือนเวลาชั้นสูงที่เป็นผลลัพธ์มาจากการหลอมรวมความโดดเด่นทั้งทางด้านหัตถศิลป์และทักษะการทำนาฬิกาเหล่านี้ไว้ในหนึ่งเดียวจึงนับเป็นเสน่ห์อันทรงคุณค่าและไร้กาลเวลาอย่างแท้จริง



