เฉลิมฉลองเริ่มต้นปีไปพร้อมกับคาร์เทียร์ (Cartier) แบรนด์เครื่องประดับและนาฬิกาสัญชาติฝรั่งเศส ต้อนรับปี 2567 ด้วยการเปิดตัวเรือนเวลาคลาสสิกอันเป็นหนึ่งในไอคอนิกของแบรนด์มาอย่างยาวนานอย่างรุ่น Tank Louis ที่งดงามไปด้วยแสงสง่าสีทองที่ได้แรงบันดาลใจจากสมญานามของประเทศไทย ‘The Golden Kingdom’ สู่เรือนเวลารุ่น Tank Louis Cartier Bangkok Edition ที่รังสรรค์ขึ้นสำหรับประเทศไทยที่มีเพียง 67 เรือนเท่านั้น


เมื่อกล่าวถึงเรือนเวลาตระกูลTank สำหรับใครผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาและแบรนด์ Cartier จะรู้กันดีว่าเรือนเวลาแทงก์ ถือเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นไอคอนิกของคาร์เทียร์มาตั้งแต่ปีค.ศ. 1917 ซึ่งเป็นปีที่หลุยส์ คาร์เทียร์ (Louis Cartier) ได้รังสรรค์เรือนเวลาทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขึ้นจากความประทับใจในรูปทรงของรถถังฝรั่งเศสด้วยรูปทรงเรขาคณิตของหน้าปัดและกรอบคู่แนวตั้งขนาบตัวเรือน ที่ดูคล้ายภาพจำลองของรถถังเมื่อมองจากมุมสูง ทำให้ดีไซน์ของแทงก์มีความโดดเด่นล้ำสมัยซึ่งแตกต่างกับนาฬิกาส่วนใหญ่ในยุคนั้นที่มีหน้าปัดทรงกลมจึงทำให้แทงก์เป็นที่ตื่นตาและค่อนใหม่ในยุคสมัยนั้น


ต่อมาในปี 1922 คาร์เทียร์ได้รังสรรค์เรือนเวลา แทงก์ หลุยส์ คาร์เทียร์ (Tank Louis Cartier) ที่ยังคงเอกลักษณ์ดีไซน์เรขาคณิตของแทงก์ แต่แตกต่างที่กรอบข้างตัวเรือนมีความโค้งมนมากขึ้น สร้างความสมดุลจนพิชิตใจคนรักนาฬิกาทั่วโลก ไล่เรียงตั้งแต่สมาชิกราชวงศ์ ไปจนถึงบุคคลชั้นนำ และหลุยส์ คาร์เทียร์ ผู้สวมใส่นาฬิการุ่นนี้เป็นประจำจนเป็นที่มาของชื่อรุ่น


จากความสำเร็จของแทงก์ หลุยส์ คาร์เทียร์ รุ่นแรกเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการปรับเปลี่ยนและตีความใหม่อีกหลายครั้งและมีหลากไซซ์ สำหรับ Tank Louis Cartier Bangkok Edition คือผลลัพธ์จากการตีความครั้งล่าสุดที่โดดเด่นสะดุดตาแต่แรกเห็น ด้วยตัวเรือนขนาด 33.7 x 25.5 มม. เพรียวบางเพียง 6.6 มม. ซึ่งเป็นขนาดเดียวกับแทงก์ หลุยส์ คาร์เทียร์ ขนาดใหญ่หรือลาร์จโมเดล แต่มีเอกลักษณ์เฉพาะด้วยตัวเรือนและหน้าปัดโทนสีทอง สำหรับวัสดุที่ใช้บริเวณหน้าปัด คาร์เทียร์เลือกใช้ทองคำ นอกจากนี้การเล่นกับพื้นผิวอย่างมีชั้นเชิงบริเวณหน้าปัด ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเรือนเวลารุ่นแทงก์ มัสท์ เวอร์มิล (Tank Must Vermeil) จากปี 1980 ยิ่งทำให้เรือนเวลารุ่นนี้โดดเด่น ซึ่งมาพร้อมคุณสมบัติที่แข็งแรงทนทานและเต็มไปด้วยความหรูหรา โดยนำไปผนวกเข้ากับเทคโนโลยีของการเลเซอร์ที่มีความแม่นยำสูงแกะสลักหน้าปัดเป็นลวดลาย Sunray ที่แผ่กระจายความงดงามจากจุดศูนย์กลางดั่งการกระจายแสงของพระอาทิตย์ สร้างมิติสุดละลานตาให้กับนาฬิกาเรือนนี้
พร้อมเม็ดมะยมประดับเพชร ทั้งหมดล้วนรังสรรค์โดยช่างฝีมือชั้นครูของเมซงก่อน และอีกหนึ่งรายละเอียดสุดพิเศษของเรือนเวลารุ่นนี้ คือฝาตัวเรือนด้านหลังที่สลักคำว่า BANGKOK และ LIMITED EDITION OF 67 PIECES (ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 67 เรือน) โดยรหัส 67 สื่อถึง ปี พ.ศ.2567 ของประเทศไทย นับเป็นชิ้นงานทรงคุณค่าที่น่าสะสมเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากความสุนทรีย์ที่มองเห็นได้จากภายนอก เรือนเวลาสุดพิเศษเรือนนี้ยังโดดเด่นด้วยกลไกการทำงานระบบจักรกลไขลานด้วยมือ คาลิเบอร์ 1917 MC พร้อมพลังสำรองลาน 38 ชั่วโมง ทนแรงดันน้ำได้ถึง 3 บาร์ (30 เมตร) สายสามารถถอดเปลี่ยนได้ถึง 2 แบบ ทั้งสายหนังจระเข้สีดำ และสายหนังจระเข้สีน้ำตาลให้คุณเลือกเปลี่ยนได้ตามเหมาะสมและโอกาสในสไตล์ที่คุณต้องการ