หลังจากที่เปิดตัวไปเมื่อ 2020 Paradise Lost รูฟท็อปบาร์สุดเก๋ แหล่งรวมตัวของหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่มาพร้อมธีมนีโอทรอปิคอล ที่อยู่บนชั้น 25 ของโรงแรมสยามแอทสยามดีไซน์กรุงเทพ ได้กลับมาพร้อมกับคอนเซปต์ความกล้าที่จะสร้างความรู้สึก จินตนาการและการผจญภัย ค้นพบสิ่งใหม่ในโลกใหม่ แบบ ‘everything that was lost is now found’
ไม่ว่าจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพ 360 องศาของเส้นขอบฟ้าของกรุงเทพ หรือจะชื่นชมการออกแบบแนวเขตร้อนที่ผสมผสานความเขียวขจีของต้นไม้ด้วยเฉดสีชมพูและสีเหลืองที่โดดเด่นด้วยแพทเทิร์นแบบออร์แกนิคและไฟนีออนที่สร้างความเป็นตัวของตัวเองอย่างเด่นชัด ชมสวนเขียวขจีบนผนังให้ชื่นใจ ทั้งหมดนี้พร้อมต้อนรับทั้งบริการเปิดขวดแบบบอทเทิ่ลเซอร์วิสและงานส่วนตัว วิวทุกมุมล้วนพร้อมสำหรับการถ่ายอินสตราแกรม
คอนเซปต์ทั้งอาหารและเครื่องดื่มที่ Paradise Lost แห่งนี้ได้เน้นช่วงยุคสมัยแห่งการดื่มเครื่องดื่มฤดูร้อนที่ผสมผสานอุดมคติรักษ์โลกเข้าไปด้วย โดยคิดค้นเครื่องดื่มใหม่ๆ ที่ทำจากวัตถุดิบจากธรรมชาติ เมนูที่ไม่ควรพลาดเลยนั้นได้แก่ Static Sunset ที่มีส่วนผสมของจิน (Wedges Gin) น้ำแตงโม แตงกวา มะนาวซีตรัส สปาร์คกลิ้งไวน์ , Can’t burn concrete ที่เลือกใช้สกอ๊ตช์ (Dewar’s 12 Year Scotch), เหล้าหวาน (Yellow Chartreuse) มะม่วง, น้ำผึ้งจากดอกเก็กฮวย, โซดา (Fizz) หรือจะเป็น Bright idea คอกเทลแบบมาร์ตินี่หอมกลิ่นฟลอรัลและฟรุตตี้ที่เอาไว้จิบช้าๆ ผสมจิน crème de violette และ orange mango bitters ที่ทำเองที่นี่
โดย Paradise Lost ยังตอกย้ำคอนเซ็ปต์รักษ์โลกด้วยการร่วมมือกับ Bootleggers Trading เพื่อมอบประสบการณ์ครั้งแรกของการ ecoSPIRITS ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการทำเครื่องดื่มแบบใช้คาร์บอนต่ำที่ได้รับการยอมรับระดับโลก ช่วยลดปริมาณขยะที่เกิดขึ้นจากบรรจุภัณฑ์ของการผลิตของบริษัทเครื่องดื่มระดับพรีเมียมอีกด้วย
สำหรับเมนูอาหารที่ Paradise Lost นั้นได้คัดสรรวัตถุดิบตามฤดูกาลและการหาส่วนผสมมาจากฟาร์มท้องถิ่นรังสรรค์ออกมาเป็นเมนูอาหารแบบทานเล่น อย่าง Crab cake ตลอดจนเมนูอาหารจานหลักอย่าง Short ribs braised in a draft beer and Buttermilk sauce และเมนูของหวานที่ห้ามพลาดคือ Waffles croissant with Vanilla ice cream and Chocolate sauce
ใครที่เคยไปเยือนรูฟท็อปบาร์แห่งนี้ ก็คงจะตกหลุมรักบรรยากาศการตกแต่งสไตล์ทรอปิคอลที่มีเอกลักษณ์ด้วยเฉดสีชมพูและสีเหลือง ซึ่งการตกแต่งภายในบาร์ยังมีการใช้นวัตกรรมการติดโมเสคบนผนัง Sonite Surface ซึ่งทำจากวัสดุชีวภาพที่ผลิตจากขยะประเภทแกลบท้องถิ่นถึง 40% และที่รองแก้วยังเลือกใช้วัสดุของทีม BOPE จากเชียงใหม่ที่เปลี่ยนพลาสติกที่ทิ้งแล้วให้กลายเป็นของมีประโยชน์ ใช้งานได้อย่างคุ้มค่าและสวยงาม