แฟชั่นวีคฤดูกาล Spring/Summer 2026 ก็ได้จบลงไปพร้อมเรื่องราวที่ชวนตื่นตาตื่นใจตลอดทั้งเดือนที่ผ่านมาตั้งแต่นิวยอร์กลอนดอนมิลานจนถึงปารีสความพิเศษสุดของซีซั่นนี้ที่ทุกคนตั้งตาคอยคือการเปิดตัวคอลเล็กชั่นแรกของดีไซเนอร์ใหม่จากหลายๆแบรนด์บ้างก็ได้รับคำชมถล่มทลายบ้างก็เสียงแตกเป็นสองฝ่ายชอบก็ชอบเลยไม่ชอบก็ไม่ชอบเลยหลากหลายโมเมนต์ที่เอดิเตอร์ของแอลประทับใจแบบที่สุดในแฟชั่นวีคฤดูกาลนี้จะเป็นเรื่องไหนไม่เพียงแต่เฉพาะบนรันเวย์ที่เกิดโมเมนต์ชวนยิ้มชวนประทับใจแต่นอกรันเวย์ก็มีเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่แพ้กันตามมาดูกันเลยว่าทีมเอดิเตอร์ของเราจะเลือกเรื่องราวไหนมาแชร์ให้ทุกคนได้ตติดตามกัน

Chatlina Cheyjanya, Editor-In-Chief
“ในซีซั่นนี้สิ่งที่น่าสนใจคือการได้เห็นพลังของการกลับสู่แก่นแท้ของแบรนด์ ที่ไม่ได้เป็นเพียงการหวนหาอดีต แต่คือการชุบชีวิต heritage และ craftsmanship ให้กลายเป็นภาษาที่ร่วมสมัย ชอบที่หลายแบรนด์ทลาย comfort zone เดิมๆ เพื่อก้าวไปสู่สิ่งที่สดใหม่ และสร้างคุณค่าเชิงแบรนด์ที่สามารถเชื่อมต่อกับแฟชั่นคอมมูนิตี้และเจเนอเรชันใหม่ เปิดพื้นที่ให้พวกเขาเข้ามามีส่วนร่วม และกลายเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนโลกแฟชั่นต่อไปอย่าง CHANEL ที่ Matthieu Blazy ถ่ายทอดโค้ดคลาสสิกของเฮ้าส์ในมุมมองที่เบาและพลิ้วขึ้น ทำให้ทวีดและซิลูเอตดั้งเดิมดูทันสมัยและมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม ส่วน Jonathan Anderson เลือกใช้โค้ดประจำบ้านของ Dior อย่าง Bar jacket และโบว์มาเชื่อมต่ออดีตกับปัจจุบัน พร้อมเพิ่มการตีความที่ทันสมัย จนเกิดการเล่าเรื่องใหม่ๆ ที่ไม่ทิ้งรากเหง้า หรือ Louise Trotter เปิดตัวคอลเล็กชั่นแรกที่ Bottega Veneta ด้วยการยกระดับเทคนิคหนังและการเล่นสัดส่วนอย่างมั่นใจ ทำให้แนวคิด quiet luxury ของแบรนด์ถูกขยายไปสู่ภาพลักษณ์ที่สดและกล้ากว่าเดิม”


Wansuk Kongrasee, Deputy Editor
“ซีซั่นนี้เราได้เห็นบรรยากาศชวนตื่นเต้นนอกแพลตฟอร์มดิจิทัล นอกเหนือจากดูไลฟ์โชว์แบบส่วนตัวอยู่กับบ้าน เสพฟีดแบ็กหลังชมโชว์ผ่านการตีความของเหล่า Fashion TikTokers ผ่านข้อความบาดลึกจาก @stylenotcom และ @boringnotcomบัดนี้อานุภาพของแฟชั่นชักนำให้ผู้คนเอาตัวเองออกจากบ้าน ละสายตาจากหน้าจอของโลกออนไลน์ แล้วหันมารวมตัวกันอีกครั้ง หากไม่นับรวมโมเมนต์ชวนยิ้มที่เหล่าแฟนคลับตาน้ำข้าวร้องเพลงต่อหน้าเจฟ ซาเตอร์ก่อนโชว์ Valentino ซึ่งถือเป็นซีนที่จะมีให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละซีซั่น ครั้งนี้ยังเป็นการมาถึงของ @lawatchparty โปรเจ็กต์น่าสนุกที่ Lyas (ชื่อจริงว่า Elias Medini) นักวิจารณ์แฟชั่นผู้โด่งดังทางโลกออนไลน์จัดขึ้นเพื่อให้บุคคลทั่วไปที่สนใจและอยากเข้าถึงโลกแฟชั่นได้มาร่วมกันชมโชว์ผ่านจอ MacBook Pro ขนาดยักษ์ ที่ลานด้านหน้า La Caserne และเสียงตอบรับก็ดีอย่างน่าตกใจเพราะผู้คนต่างเข้าคิวกันยาวเหยียดหลายช่วงตึกเพื่อร่วมชมโชว์กันสดๆ และแลกเปลี่ยนมุมมองที่เห็นจากชุดกันเลยตรงนั้น ซีนที่ Mona Tougaard และ Loli Bahia รีบบึ่งมาเซย์ไฮทุกคนที่ La WATCHPARTY หลังเดินโชว์เสร็จที่ CHANEL ทำให้สร้างบรรยากาศชวนอบอุ่นและช่วยยืนยันว่า ‘แฟชั่นนั้นเข้าถึงได้’”


Sarunrat Phachiracharoen, Fashion Director
“โมเมนต์ปิดท้ายที่สะท้อนยุคใหม่ของแฟชั่นลุคสุดท้ายจาก CHANEL กลายเป็นบทสรุปของแฟชั่นวีคนี้ ไม่ใช่เพียงโชว์ธรรมดา แต่เป็นสัญลักษณ์ของยุคใหม่ และทิศทางของซีซั่นที่เต็มไปด้วยการตีความตัวตนใหม่โมเมนต์สำคัญเกิดขึ้น เมื่อ Awar Odhiang ปรากฏตัวในฐานะนางแบบปิดโชว์ เธอสวมเสื้อเชิ้ตไหมขาวโอเวอร์ไซส์ทรงกล่อง จับคู่กับกระโปรงฟูประดับขนนกสีรุ้ง เดินรอบรันเวย์ด้วยความมั่นใจ มีเสน่ห์ชัดเจนจากการแสดงออกทางอารมณ์ของเธอ ปรบมือ หมุนตัว และยิ้มสดใส เป็นเหมือนสัญลักษณ์แทนคนรุ่นใหม่ ที่แฟชั่นยุคใหม่กำลังเริ่มต้น ซีซั่นนี้สะท้อนแนวคิดของการนำให้เห็นว่า ชิ้นเบสิกมาสร้างสรรค์ใหม่ Awar แสดงให้เห็นว่าชิ้นเสื้อผ้าใส่ง่ายสามารถเป็นตัวตั้งสมการของสไตล์ใหม่ได้ การจับคู่ระหว่างเสื้อผ้าเรียบง่ายกับลูกเล่นหรือสัดส่วนที่ปรับใหม่ สร้างลุค โมเดิร์น เคลื่อนไหวสวยงาม แม้นักออกแบบจะเคารพอดีตแต่กล้าที่จะก้าวสู่อนาคต ซึ่งนี่อาจจะเป็นสตรีตแวร์ สไตล์ใหม่ก็เป็นได้เช่นเดียวกับ Dior ปรับสัดส่วนคลาสสิกให้ผ่อนคลายและร่วมสมัย Louis Vuitton ผสมผสานความคลาสสิกและอนาคต พร้อมกลิ่นอายสตรีต Loewe และ Bottega Veneta เปิดตัวคอลเล็กชั่นด้วยพลังความร่วมสมัย ผสานความอ่อนช้อยกับศิลปะเชิงโครงสร้างผลลัพธ์คือ ‘ความสดใหม่’ ที่ทั้งอุตสาหกรรมแฟชั่นกำลังรอคอย ซีซั่นนี้ไม่ได้เพียงโชว์เสื้อผ้า แต่เป็น บทพิสูจน์ว่าแฟชั่นสามารถอยู่รอดและเคลื่อนไหวไปกับโลกยุคใหม่ได้จริงๆ”


Prueksapak Chorsakul, Fashion Editor
“เนื่องจากเป็นซีซั่นสำคัญที่หลายดีไซเนอร์ผลัดเปลี่ยนแจ้งเกิดในบ้านหลังใหม่เป็นครั้งแรก เราจึงได้เห็นความหลากหลายของดีไซน์เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ว้าวตั้งแต่แรกเห็น สนุกในสนามที่เปิดกว้างทางความคิดสร้างสรรค์อย่างไร้ขีดจำกัด หลายแบรนด์เลือกการตัดทอนโครงสร้าง ทำลายฟอร์มภาพจำเก่า แล้วสร้างเรื่องราวในแบบตนเองขึ้นมาใหม่ ทั้งสิ่งที่เป็นนามธรรมและรูปธรรมจับต้องได้ในโชว์


โชว์สุดท้ายของ Silvia Venturini Fendi ในฐานะครีเอทีฟไดเรกเตอร์ กระเป๋ารุ่นใหม่ Fendi Way ที่คล้ายนำโครงสร้าง Peekaboo มาปรับเปลี่ยนทำใหม่ให้อ้าออก เผยให้เห็นลวดลายปักเลื่อมดีเทลสวยด้านใน หรือกระเป๋า CHANEL 2.55 ของ Matthieu Blazy ก็เรียกเสียงฮือฮาไม่แพ้กัน เอ้าไลน์หนังยับยู่ยี่ของรูปทรงกระเป๋าที่ตัวล็อคปิดไม่สนิทนี้ สร้างฟอร์มสวยแปลกตาและเชื่อว่าฮิตแน่นอน ในขณะเดียวกัน Balenciaga โฉมใหม่โดย Pierpaolo Piccioli เปลี่ยนจากภาพจำสตรีตแวร์ของ Demna ช่วง 10 ปีหลัง มาเป็นสไตล์ที่นิ่งขึ้น จนถูกให้นิยามว่าเป็น ‘Silence after Noise’ แม้จะลด Logomania ลง แต่ก็ไม่ใช่ความเงียบแบบ ‘Quite’ ซะทีเดียว ยังคงเติมดีไซน์ความขบถที่ตะโกนอย่างมีท่าที เช่น เสื้อครอปเอวลอย หรือดีเทลพู่และฟอร์มกระโปรงบอลลูน ส่วนการเลือกใช้เลเยอร์โครงสร้างในเสื้อผ้าและการสไตลิ่ง ของ Celine โดย Michael Rider ก็น่าทึ่ง การจับเดรปเฉียงปาดไปมาสร้างวอลลุ่มของแมกซี่เดรสให้ดูน่าใส่มากยิ่งขึ้น Dario Vitale เองก็เลือกนำเสนอ Versace ด้วยมุมมองใหม่ ต่างจาก Ready to wear ที่คุ้นชิน ดึงเอาไอเท็มอาร์ไคฟและสไตล์จากยุค 80’s มาลดทอนลงแต่ยังคงความเซ็กซี่ไว้ อย่าง เสื้อกล้ามเว้าลึกด้านข้าง หรือเดรส Oroton สีทองโชว์แผ่นหลัง และขอบอันเดอร์แวร์



แม้บางแบรนด์ผลลัพธ์ที่ได้เสียงแตกออกเป็นสองฝ่าย บางคนชอบมาก บางคนไม่ชอบเลย แต่นี่แหละคือเสน่ห์ของงานสร้างสรรค์ ไม่มีอะไรถูกผิด อะไรใหม่ๆเกิดขึ้นได้เพราะความรู้สึกก่ำกึ่ง ใช่ ไม่ใช่ ไม่มีคำตัดสินตายตัว ทุกอย่างเป็น subjective แต่โดยส่วนตัวชอบที่เกิดการแก้โจทย์ด้วยความตั้งใจใหม่ พยายามเสนอตัวตน โชว์ชั้นเชิง ทักษะ และเอกลักษณ์งานลงไปในแต่ละเฮ้าส์ สิ่งที่ประทับใจคือการทลายฟอร์มหรือภาพจำเดิมๆ ออกมาเป็นสิ่งใหม่ ที่สร้างแรงกระเพื่อมในภาพใหญ่ได้อย่างน่าจดจำ”
Rachata Ratanavirotkul, Digital Editor
“หากพูดในแง่ของการทำมาร์เก็ตติ้งบนแพลตฟอร์มออนไลน์ แบรนด์ที่ขอยกให้เป็นผู้ชนะเลยคงจะไม่พ้น Gucci โดย Demna อุ่นเครื่องยุคใหม่ด้วยการเปิดตัวคอลเล็กชั่นผ่านหนังสั้น The Tiger อีกทั้งยังดึงตัวเหล่าแอมบาสซาเดอร์และคนดังระดับโลกสวมใส่ลุคจากคอลเล็กชั่นล่าสุดในวันเปิดตัวคอลเล็กชั่นที่มิลานเสียเลย ซึ่งคอลเล็กชั่นนี้ก็วางขายเลยในเวลาต่อมาซึ่งเป็นการโปรโมตที่ชาญฉลาด ได้ทั้งกระแสบนโลกออนไลน์แถมยังขายของไปพร้อมกันไม่ต้องรออีก 6 เดือน แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่วิธีนี้ถือเป็นการสวนกระแสการเปิดตัวเดบิวต์คอลเล็กชั่นที่เยอะมากในซีซั่นนี้ให้ Gucci ถูกจดจำท่ามกลางแบรนด์ที่เริ่มต้นยุคใหม่พร้อมกัน





ในขณะเดียวกันอีกแบรนด์ที่เสิร์ฟทีเซอร์ให้เสียจนใครต่อใครเฝ้าคอยรอดูโชว์อย่าง Dior ก็เริ่มด้วยการให้คนดังสวมชุดที่ออกแบบโดย Jonathan Anderson ปรากฏตัวบนพรมแดงเทศกาลหนังระดับโลก รวมถึงการทำวิดีโอทีเซอร์ที่แอมบาสซาเดอร์กำลังฟิตติ้งชุดเผยให้เห็นทิศทางและดีไซน์ของยุคใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น แถมชวนให้เราตั้งตาคอยชมหน้าจอไลฟ์ว่า JISOO ในชุดเดรสสีเขียวจะปรากฏตัวเมื่อไหร่ แต่สุดท้ายเธอก็มาในอีกหนึ่งลุคให้เราตื่นตาตื่นใจเพิ่มไปอีก”