Friday, October 24, 2025

เฉลิมฉลอง elle 80th anniversary ด้วยผลงานจากศิลปินหญิงจำนวน 31 ท่านทั่วโลก

เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 80 ปีของ ELLE ศิลปินหญิงจำนวน 31 ท่านจากทั่วโลกได้รับการเชื้อเชิญให้รังสรรค์ผลงานอาร์ตแบบยูนีกพีซที่ต่างล้วนแสดงถึงมุมมองตามแบบฉบับของนิตยสารระดับตำนานนี้ หลังจากผ่านการจัดแสดงตามเมืองสำคัญต่างๆ ผลงานเหล่านั้นจะถูกประมูลในปารีสผ่าน Artcurial เพื่อมูลนิธิ CARE ประเทศฝรั่งเศส ที่จะได้นำเงินทุนไปใช้สำหรับสนับสนุนเหล่าสตรีในหลากหลายวัตถุประสงค์ นี่แหละจิตวิญญาณในแบบ ELLE!

เป็นเวลาร่วม 80 ปีแล้วที่ ELLE รับหน้าที่กระบอกเสียงให้กับผู้หญิง ทุกวันนี้เรายังคงยืนยันในเจตนารมณ์เดิม ย้ำชัดถึงคุณค่าของผู้หญิงผ่านโปรเจ็กต์ทางศิลปะระดับโลกนี้ที่ยึดโยงเหล่าพวกเธอเข้าไว้ด้วยกัน โปรเจ็กต์นี้เป็นมากกว่าแค่เอ็กซิบิชั่น แต่ได้แสดงออกถึงข้อความอันทรงพลังเพื่อการเฉลิมฉลองคุณค่าของสตรีเพศ ความหลากหลาย และอานุภาพของงานศิลปะที่ช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลง

เราได้ชักชวนศิลปินหญิง 31 ท่านจากต่างที่ทาง ต่างการเรียนรู้ ต่างเจเนอเรชั่น มาเพื่อร่วมกันรังสรรค์ชิ้นงานสุดพิเศษในแบบตัวเอง ได้ระเบิดสีสัน สะบัดฝีแปรงอย่างอาจหาญ ทั้งนี้ก็เพื่อเกิดเป็นผลลัพธ์สุดท้าทายและสร้างแรงบันดาลใจ แสดงให้เห็นว่าศิลปะคือหนทางแห่งการปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระและส่งต่อซึ่งพลังออกมาได้ นั่นเป็นสิ่งที่ ELLE พยายามถ่ายทอดมาตั้งแต่ต้นและยังคงดำเนินต่อไปผ่านทั้ง 50 เอดิชั่นทั่วโลก นี่คือการตั้งคำถามกับขนบธรรมเนียมเดิมๆ จำกัดความรูปแบบความงามเสียใหม่ รวมถึงยังได้เล่าขานเรื่องราวที่สืบสานต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น

ผลงานทั้งหมดที่ศิลปินบริจาคเพื่อการกุศลได้จัดแสดงหมุนเวียนผ่านเมืองสำคัญโดยเริ่มจากที่โอซาก้า (4 – 11 สิงหาคม) ภายในพาวิลเลียนของประเทศฝรั่งเศสที่งาน Osaka World Expo 2025, ต่อที่กรุงเทพฯ (11 – 16 กันยายน), นิวยอร์ก (14 – 17 ตุลาคม) ปิดท้ายที่ปารีส (6 – 14 พฤศจิกายน) ซึ่งจะจบด้วยงานประมูลการกุศลโดยสถาบัน Artcurial เพื่อนำรายได้มอบให้กับ CARE France ที่จะนำไปสนับสนุนโครงการเร่งด่วนเพื่อการพัฒนารูปแบบต่างๆ ของกลุ่มสตรีทั่วทุกมุมโลก ทุกวันนี้เหล่ามูลนิธิที่ไม่ได้แสวงผลกำไรต่างช่วยกันต่อสู้กับความยากจนและความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม ทั้งยังต่อต้านความรุนแรงที่มีต่อสตรีเพศ ช่วยให้พวกเธอเหล่านั้นสามารถเข้าถึงด้านการศึกษา สุขภาพ และโอกาสทางเศรษฐกิจได้

ด้วยแนวคิดริเริ่มในการเชื่อมโยงศิลปะเข้ากับความเป็นหนึ่งเดียวกันในสังคม ทำให้นิตยสาร ELLE ได้พิสูจน์ว่าแฟชั่นและศิลปะที่ส่องทางถึงกันนี้คือช่องทางชั้นดีในการปลดปล่อยและเปลี่ยนแปลง คือพันธกิจที่ส่งเสริมคุณค่าของผู้หญิงทั่วโลก

80 Years of ELLE Virtual Exhibition

SHOUROUK RHAIEM

ฝรั่งเศส

ผลงาน: ELLE…Brille!

ชูรูคสนใจในโลกสีพาสเทลของ Jacques Rémy มาตั้งแต่เด็ก เธอมองศิลปะเป็นดั่งไม้กายสิทธิ์ร่ายเวทมนตร์ให้ตัวเอง แรงบันดาลใจส่วนใหญ่ได้มาจากความงามตามธรรมชาติในทุกๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นโมเมนต์ตอนอยู่กับคุณยาย วัฒนธรรมการใช้ชีวิตในอินเดีย ตูนิเซีย ฮ่องกง และเม็กซิโก เธอหยิบยกเอาของสามัญธรรมดาอย่างซองผงซักฟอกและกระป๋องสีน้ำมันมาเป็นผลงานศิลปะ ค้นพบความไม่สมบูรณ์แบบและท่วงทำนองของความปกติวิสัย สำหรับโอกาสครบรอบ ELLE 80 ปี เธอเนรมิตปก ELLE วินเทจจากยุค ‘70s เสียใหม่ด้วยการประดับคริสตัล Swarovski นับพันเม็ดลงไป “ฉันต้องการให้ปกระดับไอคอนเปล่งประกาย ทำให้ความฝันที่ ELLE ปรารถนาเป็นจริงได้”

LEE HYUN JOUNG

เกาหลีใต้

ผลงาน: Contemplation

เธอคิดถึงดินแดนบ้านเกิดจึงเลือกใช้เทคนิคพิเศษในการทำกระดาษที่เธอชอบตั้งแต่เป็นเด็ก เธอมักถ่ายทอดประสบการณ์ส่วนตัวผ่านงานศิลปะโดยผสมผสานวัฒนธรรมเกาหลีและการคิดคำนึงตามบริบทร่วมสมัย กระดาษแฮนด์เมดที่เรียกว่า Hanji ทำจากเปลือกของต้นมัลเบอร์รี่ถูกใช้เป็นผืนผ้าใบ ให้เธอได้สะบัดลวดลายที่ทำให้พื้นผิวสะท้อนความท้าทายของชีวิต คราวนี้เธอเล่นกับแสงสว่างเป็นครั้งแรก โดยเป็นส่วนประกอบที่เธอเชื่อว่ามีความจำเป็นต่อโลกใบนี้และผู้หญิงทุกคน ในผลงานชิ้นนี้คือการตามหาความเชื่อมโยงและการเยียวยาจิตใจตามที่เธออธิบายว่า “ทุกเส้นสายสื่อถึงการดิ้นรนเอาชีวิตรอด สำหรับฉันแล้วมันคือสัญลักษณ์ของการต่อสู่อย่างหนึ่ง”

IRENE CATTANEO

อิตาเลียน

ผลงาน: Mon Amie La Rose

ไอรีนคิดว่าตัวเองยังไปไม่ถึงเป้าหมาย ยากที่จะจำกัดความตัวเองว่าเป็นศิลปิน เธอหลงใหลในกระบวนการระหว่างทางเวลาสร้างงาน ด้วยการใช้วัสดุอย่างแก้ว หินอ่อน และสัมฤทธิ์ สำหรับโอกาสครบรอบ ELLE 80 ปีเธอรังสรรค์ผลงานดอกกุหลาบจากแก้วมูราโนส่วนใบทำจากสัมฤทธิ์เพื่อสะท้อนความไม่จีรังของธรรมชาติ โดยได้แรงบันดาลใจจากเนื้อหาในเพลงของ Françoise Hardy ที่บอกว่าความสง่างามและความเป็นผู้หญิงมักเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เธอใช้เรื่องของแสงสว่างมาช่วยสื่อความหมายทางกายภาพและเชิงสัญลักษณ์ “ความงามที่ไม่จีรังยั่งยืนคือสิ่งที่รบกวนจิตใจฉันอยู่ตลอด…นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเวลาได้มองดอกกุหลาบแล้วทำให้ตื่นเต้นขึ้นมา เพราะว่าเรารู้ดีแก่ใจว่ามันแสนจะเปราะบาง พร้อมจะร่วงโรยไป”

MIA CHAPLIN

อัฟริกาใต้

Alarm

ไมอาได้รับอิทธิพลส่วนใหญ่จากงานศิลปะแนวอิมเพรสชั่นนิสม์ที่แม่ของเธอโปรดปราน เธอประทับใจในการตีความผู้หญิงของ Monet เป็นพิเศษ งานของเธอโดดเด่นที่เท็กซ์เจอร์จากการสะบัดฝีแปรงอันลื่นไหล ท้าทายภาพเดิมๆ ที่ผู้หญิงถูกถ่ายทอดออกมา สำหรับ ELLE เธอใช้ภาพถ่ายของกลุ่มเพื่อนที่เล่นน้ำกันอยู่ในสระตอนไปปีนเขาในนามิเบีย สะท้อนความรู้สึกอิสระเชื่อมโยงโดยตรงกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว “ศิลปะคือการแสดงออกที่จริงใจ ความเป็นจริงเบื้องหน้า ความเปราะบาง และแน่นอนล่ะว่ามันคือการแสดงออกถึงความกล้าหาญด้วย เพราะว่าการที่คุณมองเห็นตัวเอง และอนุญาตให้คนอื่นมองเห็นคุณได้มันเป็นเรื่องน่ากลัวอยู่เหมือนกัน”

CACHETEJACK

สเปน

ผลงาน: Wavy Mood

ศิลปะเป็นส่วนหนึ่งของศิลปินดูโอจากสเปน ร้อยเรียงถักทอจนเกิดเป็นรูปแบบสื่อสาร การเคลื่อนไหวท่วงท่า และการละเล่นในวัยเด็ก เมื่อพวกเธอเจอกันสมัยเรียนหลังจากนั้นก็ไม่เคยห่างจากกันอีกเลย ออกผลงานในนาม Cachetejack โดยเริ่มจากข้อความอันทรงพลังก่อนที่จะแปลงพลังงานนั้นเป็นภาพประกอบ จากภาพสเกตช์เล็กๆ ไปสู่งานภาพฝาผนังขนาดใหญ่ “งานศิลปะสะท้อนวิถีชีวิตที่คุณใช้ ทำให้คุณเผชิญหน้ากับความกลัวได้ ทำให้คุณรู้สึกปิติยามได้กินอาหารดีๆหรือใส่เสื้อผ้าสวยๆ” พวกเธอยังอธิบายอีกว่าสำหรับงานครบรอบของ ELLE ชิ้นงานที่พวกเธอทำคือการเฉลิมฉลองให้กับผู้หญิงที่มีความปิติยินดี “การได้เติมเต็มแรงปรารถนาของเราเองคือหน้าที่ที่สำคัญที่สุด”

FRANÇOISE PÉTROVITCH

ฝรั่งเศส

ผลงาน: Dans mes mains

ฟรองซวสบอกกับครูประจำชั้นว่าโตขึ้นอยากเป็นนักวาดภาพประกอบและตั้งแต่นั้นเธอก็ไม่เคยหยุดวาดรูปเลย เธอขยับขยายจากแค่งานภาพเขียนมาสู่งานปั้นเซรามิกด้วย ถ่ายทอดอารมณ์ชั่วขณะของผู้หญิงและสัตว์นานาชนิดที่มีมุมเปราะบางทว่าทรงพลังอยู่ด้วยในที เธอพยายามค้นหาความเป็นจริงเชิงอารมณ์ผ่านการใช้ชีวิตและงานศิลปะ แชร์ทุกลมหายใจผ่านแต่ละผลงานทุ่มสุดตัวด้วยแพสชั่นทั้งหมดที่มีเพื่อผู้หญิงด้วยกัน อาร์ทิสต์สาวฝรั่งเศสมักสนใจใคร่รู้ในคนรอบข้าง โลกใบนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เธอได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เธอยึดเอาโควตคำพูดของ Paul Valéry กวีและนักปรัชญาเป็นแนวทางชีวิตที่ว่า “ไม่ว่าฉันจะพยายามห้ามใจสักแค่ไหน ทุกอย่างก็ทำให้ฉันสนใจไปได้เสียทั้งหมด”

ARAVANI ART PROJECT

อินเดียน

ผลงาน: In Full Bloom

เพื่อทลายกำแพงลง บางครั้งคุณต้องวาดอะไรลงไปบนนั้น ในประเทศอินเดีย Aravani Art Project เปลี่ยนกำแพงสาธารณะให้เป็นพื้นที่แสดงออกซึ่งตัวตนและความหวงแหน ศิลปินที่เพศกำเนิดทั้งตรงและไม่ตรงบ้างต่างมารวมตัวกันเพื่อใช้สตรีตอาร์ตยึดครองพื้นที่ สร้างร่องรอยที่เกิดบทสนทนาในวงกว้าง ผลงานของพวกเขามีความชัดเจนและสะท้อนถึงตัวตนได้อย่างดี นำสิ่งที่ไม่มีใครมองเห็นเผยสู่เบื้องหน้า นำประเด็นชายขอบมาทำให้เกิดกระแสรับรู้ในสังคม อาร์ตเวิร์กสำหรับ ELLE ครบรอบ 80 ปีสะท้อนให้เห็นถึงมิตรภาพ การดูแลเอาใจใส่ และการปรับตัวเข้าหากัน ผ่านรูปแบบแพตเทิร์นอันละเอียดอ่อน โมทีฟดอกไม้ที่สะท้อนความงามผ่านประสบการณ์ที่ทุกคนมีร่วมกัน “สำหรับพวกเรา ศิลปะเป็นมากกว่าการแสดงออก มันคือการอยู่รอด การเผยตัวตน และการประกาศว่าเรายังคงดำรงอยู่”

ANASTASIA SAMOYLOVA

อเมริกัน

ผลงาน: Tourist in South Beach

เธอถ่ายภาพ พิมพ์ภาพ นำมาตัด ทำคอลลาจ แล้วกลับไปถ่ายภาพใหม่วนซ้ำอยู่อย่างนั้น ด้วขึ้นชื่อในเรื่องการสร้างเลเยอร์บนภาพที่สะท้อนแง่คิด อนาสตาเชียใช้การถ่ายภาพเป็นเครื่องมือในการทดสอบวิถีการมองโลกของคนเรา ศิลปินสาวรัสเซียที่ย้ายไปตั้งรกรากอยู่ในอเมริกาทำผลงานเพื่อ ELLE โดยเริ่มจากรวบรวมภาพถ่ายของแลนด์สเคปเมืองใหญ่ นำมารื้อสร้างเพื่อตั้งคำถามเกี่ยวกับรูปแบบการก่อตัวและยอมรับความงามของคนเรา เธอไม่ได้แสวงหาความเป็นจริงแต่เธอสร้างมันขึ้นมาผ่านภาพถ่าย เธอส่งข้อความอันทรงพลังถึงสาวELLE ว่า “จงพัฒนาตัวเองต่อไป หมั่นตั้งคำถามและมองให้ลึกกว่าแค่ส่วนพื้นผิว”

LAURENCE JENKELL

ฝรั่งเศส

ผลงาน: Jenk’ELLE

โลรองซ์เริ่มงานศิลปะของตัวเองจากการทดลองนำวัสดุเพล็กซิกลาสมาผ่านความร้อนจนได้ล่วงรู้ว่ามันสามารถทำให้เป็นรูปเป็นร่างดั่งใจได้ “ฉันเลยอยากทวิสต์รูปแบบสักหน่อย ขยับซ้ายบ้าง ปรับขวาบ้าง เลยเกิดเป็นเจ้าลูกอมชิ้นนี้ขึ้น” ผลงานลูกอมเพล็กซิกลาสขนาดใหญ่นี้กลายเป็นซิกเนเจอร์ของเธอทันที ด้วยแรงบันดาลใจจากลูกอมลูกกวาดสมัยเด็ก เธอถ่ายทอดความชื่นชอบสู่งานศิลปะอันมีเอกลักษณ์ แปรเปลี่ยนเป็นชิ้นงานหลากหลายสี พื้นผิว และขนาด สำหรับโอกาสครบรอบของเรา เธอเนรมิตชิ้นงาน Jenk’ELLE ที่พ้องเสียงตามชื่อของเธอเองและชื่อของนิตยสาร “ฉันต้องการแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความอ่อนโยนของผู้หญิง รวมถึงความสามารถในการพัฒนาตัวเองและเปล่งประกายขึ้นมา”

ILEANA MAGODA

เม็กซิกัน

ผลงาน: Ofrendas Ancestrales & Eterna dádiva

อิเลียน่าเผยว่าเธอชอบเห็นดอกไม้เอนไหวภายใต้แสงแดด เธอสามารถใช้เวลาหลายชั่วโมงชื่นชมสวนของเธอ หาแรงบันดาลใจและความเข้มแข็งจากการแค่เฝ้ามองเมล็ดพันธุ์ค่อยๆ แตกยอดอ่อนขึ้นมา ด้วยพื้นเพจากชานเมืองเม็กซิโกซิตี้ อิเลียน่าเริ่มวาดภาพจากประสบการณ์สุดเพี้ยนนั้นโดยมีโรลโมเดลอย่าง Hildegard Von Bingen และ Hilma Af Klint ชิ้นงานของเธอครั้งนี้คือการฉลองให้กับความเป็นผู้หญิงผ่านเฉดและชั้นสีที่ทำให้เกิดเป็นลวดลายดอกไม้ เธอสร้างงานชิ้นนี้ขณะที่กำลังโยกย้ายที่พักซึ่งเป็นเครื่องย้ำเตือนว่า “ถึงอย่างนั้นฉันก็ทำได้นี่”

FUH-MI

ญี่ปุ่น

ผลงาน: Journey

บางคนเชื่อเรื่องโชคชะตาจากการอ่านเส้นลายมือ ส่วนอาร์ทิสต์สาวญี่ปุ่นผู้นี้ใช้เส้นของฝีแปรงในการบอกอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของเธอทั้งช่วงที่ดีที่สุดไปจนถึงช่วงที่ลำบากที่สุด ผลงานชิ้นนี้ที่ชื่อ ‘Journey’ คืองานเขียนพู่กันญี่ปุ่นที่สะท้อนการค้นพบส่วนตัวโดยปาดน้ำหมึกด้วยฝีแปรงเพียงครั้งเดียว คือศาสตร์ดั้งเดิมที่ยายของเธอสอนตอนเธออายุได้เพียง 7 ขวบ โดยเธอได้รับการเลี้ยงดูให้คุ้นเคยกับประวัติศาสตร์ของซามูไรและวัฒนธรรมการเขียนพู่กัน หลังจากนั้นเธอย้ายมายังไต้หวันเพื่อขยายขีดจำกัดและเริ่มยึดอาชีพศิลปิน มอตโต้ประจำใจของเธอมาจาก Coco Chanel ที่ว่า “เพื่อที่จะไม่มีใครมาแทนที่ได้ คุณต้องแตกต่างอยู่เสมอ”

MAKIKO FURUICHI

ญี่ปุ่น

ผลงาน: Rattraper le pain perdu

งานศิลปะของมากิโกะเป็นตัวเชื่อมระหว่างอดีตและอนาคต ระหว่างญี่ปุ่นและฝรั่งเศส ผลงาน ‘Rattraper le pain perdu’ สะท้อนตัวตนและความทรงจำผ่าน 2 ใบหน้า 1 มือ และ 1 หน้ากาก ได้รับแรงบันดาลใจจากสำนวนฝรั่งเศสอย่าง ‘การตามหาเวลาที่หายไป’ ผลงานชิ้นนี้แสดงออกถึงการดิ้นรนระหว่างการซื่อสัตย์กับตัวเองและการต้องใส่หน้ากากปิดบังตัวตนในทุกๆ วัน โดยเธออธิบายเพิ่มเติมว่า “ญี่ปุ่นสร้างฉันขึ้นมา ฝรั่งเศสได้ปลดปล่อยฉันให้เป็นอิสระ

SACHA FLOCH-POLIAKOFF

ฝรั่งเศส

ผลงาน: 1946 – 1976 – 1996

ซาช่าอายุยังไม่ 2 ขวบดีเลยตอนที่เข้านอกออกในอาร์ตแกลเลอรี่ของแม่ และเธอก็อินกับงานศิลปะมานับจากนั้น เธอชื่นชอบผลงานจากนักวาดภาพประกอบอย่าง Beatrix Potter และศิลปินร่วมสมัยอย่าง Helen Frankenthaler ใช้เป็นแรงบันดาลใจในงานกระดาษและงานไม้ในช่วงต้น เธอมักใช้เทคนิคคอลลาจและการตัดชิ้นส่วนเพื่อสร้างงานขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยอารมณ์ชวนฝันเหนือจริง สำหรับ ELLE เธอตีความปกนิตยสารระดับตำนาน 3 เล่มเสียใหม่ด้วยมุมมองความงามในแบบตัวเอง “การมองชีวิตผ่านแท่งปริซึมของอาร์ทิสต์ทำให้ทุกสิ่งดูงดงาม ลึกซึ้ง และน่าประทับใจมากยิ่งขึ้น” เธอยังได้แสดงความภาคภูมิที่ได้ทำโปรเจ็กต์นี้ร่วมกับเพื่อนร่วมสถาบันที่ Les Beaux-Arts อย่างฟรองซวส เปโทรวิชด้วย

MARCELLA BARCELO

สเปน

ผลงาน: Roast

เธอคิดว่าการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะเหมือนเด็กได้เล่นกับตุ๊กตา สำหรับ ELLE เธอพยายามจินตนาการว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร สำหรับเด็กคนหนึ่งที่ถูกเลี้ยงโดยหมู่นก ศิลปินสาวมักสร้างงานผ่านการใช้จินตนาการ ความทรงจำวัยเยาว์ รวมถึงความประทับใจสุดพิเศษ โดยเธอถนัดทั้งการวาดเส้น งานเขียนภาพ รวมถึงงานปั้น และตอนนี้เธอเลือกใช้แรงบันดาลใจจากตำนานเล่าขานจากท้องทะเลเกี่ยวกับนางเงือกและจากปรัชญาของ Gaston Bachelard เธอให้คำแนะนำอันเป็นปริศนากับชาว ELLE ว่า “ลองตามกระต่ายขาวไป”

MARION CHARLET

ฝรั่งเศส

ผลงาน: Bisous, Marguerites, Supercheris

เธอนึกถึงแต่สีชมพู และฟ้า และเขียว และเหลือง ล้วนเป็นสีสด สว่างไสวทั่วไปหมด รวมถึงสิ่งที่คนฝรั่งเศสรักและพยายามตีความออกมาอย่างเรื่องอาหารการกิน คือความกระตือรือร้นที่มีต่อสิ่งสวยงามและเต็มไปด้วยรสชาติ มาริยงเกิดในครอบครัวสถาปนิกที่มักวาดภาพเป็นงานอดิเรก ส่วนตัวเธอเองก็เลือกสายอาชีพศิลปินเพื่อวาดภาพภูมิสถาปัตย์ เธอมีลูกทันทีหลังจากเรียนจบ แล้วตอนนี้เธอมีถึง 3 ขณะที่ศิลปินสาวอายุ 43 แล้ว อีก 40 ปีข้างหน้าเธอก็ยังเห็นภาพตัวเองสร้างสรรค์ผลงานศิลปะอยู่

ANGELA DE LA CRUZ

สเปน

ผลงาน: Untitled (fold) Green

เธอเป็นจิตรกรที่ชอบตัดผืนผ้าใบเป็นชิ้นๆ และเป็นประติมากรที่พยายามทรีตแผ่นอะลูมิเนียมเป็นดั่งผืนผ้า แอนเจล่าเกิดและเติบโตในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในสเปน หล่อเลี้ยงชีวิตด้วยความอยากรู้อยากเห็น กระหายความเป็นศิลปะอยู่เสมอ เธอยังรักในแฟชั่นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะจากเหล่าดีไซเนอร์เบลเยี่ยมและดีไซเนอร์ร่วมชาติอย่าง Cristóbal Balenciaga ตีความใหม่ออกมาเป็นผลงานชิ้นนี้ที่ทำให้กับ ELLE โดยเป็นผืนผ้าใบสีเขียวสด แบ่งพับจนเกิดร่องเงาขนาดใหญ่ ดูทรงพลังและสะท้อนความมินิมัลในคราวเดียวกัน ทำให้เราต้องหยุดชะงักมองและทำให้พึงพอใจด้วยเช่นกัน ศิลปินหญิงวัย 60 แล้วในปีนี้ยังคงกระหายการสร้างสรรค์ผลงานและต้องการเข้าถึงความงามอยู่ตลอดเวลา “ฉันกำลังสร้างเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ทลายเพดานข้อจำกัดของผลงานแล้วดูว่าจะไปได้ถึงจุดไหน”

NTOMBEPHI NTOBELA

เซาธ์อัฟริกัน

The Reflections of the dancers in Paris

เธอชอบเดินและมองธรรมชาติรอบตัวไปเรื่อย ทั้งแสงแดด ท้องฟ้า และกิ่งก้านของต้นไม้ จากนั้นเธอกลับมาสู่วัสดุอย่างลูกปัด เธอกลับมาหามันเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเม็ดกลมโตมันวาวหรือเม็ดเล็กกระจิริดที่คุณอาจไม่ทันได้สังเกตเลยด้วยซ้ำว่ามันต้องผ่านเวลาหลายชั่วโมงเพื่อร้อยเข้าด้วยกันจนเป็นผืนภาพอันน่ามหัศจรรย์ เล่นล้อกับแสง สีสัน และมิติตื้นลึก สำหรับชิ้นงานเพื่อ ELLE เธอเลือกใช้สีน้ำเงินถ่ายทอดท้องฟ้าถึงแม้ว่าตามธรรมเนียมแล้วจะเป็นสีที่สะท้อนความเป็นผู้ชาย จากนั้นเธอค่อยๆ หยอดสีม่วงอ่อน ชมพู และจังหวะเคลื่อนไหวของลูกปัดลงไป “รูปฟอร์มในแบบเฟมินิน ดูยวนยั่ว กลมกลึง เหมือนจะอ่อนนุ่มทว่าแข็งแกร่ง เป็นภาพสะท้อนอันทรงพลังของสิ่งที่ฉันอยากให้ผู้หญิงเราเป็น”

HADIEH SHAFIE

อิหร่าน-อเมริกัน

Draw / Cut / Rotate 15

เธอออกตัวว่าเธอไม่ได้เลือกศิลปะ แต่ศิลปะเลือกเธอต่างหากล่ะ ศิลปินหญิงผู้นี้เติบโตในอิหร่านก่อนจะมาตั้งรกรากที่นิวยอร์ก เธอจึงผสมผสานมรดกตกทอดจากตะวันออกกลางเข้ากับเทคนิคตามแนวทางตะวันตก โดยเธอเลือกใช้กระดาษและตัวหนังสือภาษาเปอร์เซียเป็นวัตถุดิบสร้างงานด้วย งานประติมากรรมของเธอมักได้รับแรงบันดาลใจจากงานฝีมือดั้งเดิมของสตรี การค้นหาตัวตน การเซ็นเซอร์ และความทรงจำในอดีต ด้วยเพราะอินกับเรื่องสิทธิสตรีเอาเสียมากๆ เธอจึงเชื่อและมุ่งมั่นในการช่วยเหลือหรือสนับสนุนเสียงของผู้หญิง ผลงานที่ออกมาสื่อถึงความยืดหยุ่น การมีอิสระ และพลังสร้างสรรค์ซึ่งเป็นความแข็งแกร่งอันไม่มีใครปฏิเสธได้ของผู้หญิง “ใช้เวลาตั้งใจพัฒนาผลงานที่ต้องใช้เวลาและพื้นที่ในการพิสูจน์ต่อไป นั่นเป็นหนึ่งในหลายหนทางที่เราพอจะทำได้เพื่อตัวเราเองและสำหรับผู้หญิงทุกคน”

CLAIRE LINDNER

ฝรั่งเศส

Feuille n˚3

แคลร์เป็นนักปั้นเซรามิกชาวฝรั่งเศสที่เปลี่ยนดินให้เป็นฟอร์มออร์แกนิกที่สามารถกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึก ทำลายเส้นแบ่งระหว่างโลกของมนุษย์ สัตว์ และพืช เธอได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดของศิลปิน Georgia O’Keefe ที่ว่ามี “มีบางสิ่งที่ยังไม่ผ่านการสำรวจเกี่ยวกับผู้หญิง และมีแต่เพียงพวกเธอเท่านั้นที่เข้าไปสำรวจได้” ผลงานของเธอจึงเสมือนการขุดหาลงไปในเบื้องลึกอันเป็นส่วนตัวและการเปลี่ยนแปลงของผู้หญิง ครั้งนี้เธอรังสรรค์ผลงานเป็นใบไม้เซรามิกที่สื่อถึงสวนต้องห้ามตามความเชื่อสุดคลาสสิก เธอเสริมว่า “เราจำเป็นต้องใช้จินตนาการ ทุกสิ่งถึงก่อเกิดขึ้นมาได้”

RAMONA NORDAL

แคนาเดียน

Dream Machine

ราโมนาเติบโตในศูนย์รับเลี้ยงเด็กภายในฟาร์มแห่งหนึ่งแถบนอกเมืองในแคนาดา เธอจึงต้องการนำเสนอเกี่ยวกับสถานะผู้ลี้ภัยในงานศิลปะของเธอตั้งแต่ยังเด็ก เธอชอบใช้สีอะครีลิก ปากกา Bic และกระดาษจากเปลือกมัลเบอร์รี่เนื้อละเอียดในการสร้างงานที่ผสมระหว่างยุคสมัย สีสัน และเท็กซ์เจอร์ จนออกมาเป็นภาพอันทรงพลัง สำหรับโปรเจ็กต์ ELLE 80 ปี เธอเฉลิมฉลองให้กับความกล้าแกร่งของผู้หญิงด้วยผลงานเชิงสัญลักษณ์ โดยเป็นภาพพอร์เทรตหลายเหลื่อมชั้นของผู้หญิง ทั้งยังมีนกที่สื่อถึงอิสรภาพอย่างไม่มีที่สิ้นสุด “ศิลปะคือพลังอำนาจ” เธอบอกกับเรา “ทั้งสำหรับผู้สร้างงานและผู้ชมผลงาน”

CHOU YI

ไต้หวัน

Every Day is a Good Day

ศิลปินหญิงจากไต้หวันเลือกนำเสนอผลงานสดใหม่ที่ผสมความเป็นป๊อปคัลเจอร์ ศิลปะแนวเซอร์เรียลลิสม์ และเรื่องราวส่วนตัวเข้าไว้ด้วยกัน งานของเธอแฝงไว้ด้วยความขี้เล่นทว่าซุกซ่อนประเด็นให้ขบคิด เป็นการสำรวจตัวตนและการฟื้นคืนสู่สภาพเดิมของคนเรา โดยใช้แรงบันดาลใจจากอนิเมะญี่ปุ่นและการเติบโตมาอย่างยากลำบากของตัวเธอเอง ครั้งนี้เธอดีไซน์อาร์ตเวิร์กที่เฉลิมฉลองให้กับพลังเงียบของผู้หญิงจากประสบการณ์ชีวิตในครอบครัวทางผู้เป็นพ่อ เลือกใช้สีสดจัดและการลงรายละเอียดพิถีพิถันเพื่อสื่อถึงการดิ้นรนต่อสู้และพลังของผู้หญิง เธออวยพรให้กับผู้หญิง ELLE ทุกคนว่า “ขอให้คุณได้ใช้ชีวิตตามปรารถนาและหาความกล้าหาญเพื่อทำสิ่งที่ตนรักให้เจอ”

OLGA YAMÉOGO

บูร์กินาฟาโซ

Filiation I

บูร์กินาฟาโซโอลก้ากำลังเรียกร้องเพื่ออิสรภาพและจะทำให้สำเร็จจนได้แม้ด้วยรูปภาพเพียงภาพเดียว ตัวเธอนั้นได้แรงบันดาลใจส่วนใหญ่จากกลุ่มศิลปินและนักคิดที่ต่อสู้และยืนหยัดตามเจตนารมณ์ของตัวเอง หนึ่งในนั้นคือ Albert Camus ตามโควตที่ว่า “ท่ามกลางความหนาวเหน็บในฤดูหนาว ท้ายที่สุดฉันได้เรียนรู้ว่ามีช่วงฤดูร้อนที่มองไม่เห็นอยู่ในตัวฉัน” งานภาพเขียนของเธออาศัยความสดจัดของเม็ดสีเพื่อถ่ายทอดท่วงท่าที่ดูมีเอเนอร์จี้ เป็นการสำรวจอัตลักษณ์และความทรงจำเฉพาะบุคคล ด้วยการมีเชื้อสายอัฟริกันเธอเอาวัฒนธรรมและการใชชีวิตในแถบนั้นมาใช้ในงานที่มีความเป็นส่วนตัวและเป็นสากล ครั้งนี้เธอสร้างสรรค์ผลงานที่ได้แรงบันดาลใจจากลูกสาว มีความโมเดิร์นและสะท้อนจิตวิญญาณอิสระของผู้หญิง เธอทิ้งข้อความให้ผู้อ่าน ELLE แบบเดียวกับที่แม่ให้กับลูกว่า “จงเชื่อมั่นในตัวเองและดำเนินไปตามแนวคิดของตัวเองให้สุดทาง”

JOANA VASCONCELOS

โปรตุเกส

Vega

โจอานามาจากครอบครัวสายสร้างสรรค์โดยแท้ พ่อของเธอเป็นช่างภาพ ส่วนป้าเป็นกวี เธอเลยเหมือนถูกลิขิตให้เดินทางในสายนี้ตามไปด้วยโดยเติบโตมาพร้อมกับความทรงจำเกี่ยวกับงานฝีมือท้องถิ่นเต็มไปหมด ทั้งงานกระเบื้อง เซรามิก และเท็กซ์ไทล์ เธอจึงมีทักษะติดตัวเกี่ยวกับการใช้แสงและสีเป็นพิเศษ และกลายเป็นสิ่งที่เธอเรียกว่า “ศิลปินจากยุคบาโร้กโดยแท้” ผลงานส่วนใหญ่จะมุ่งประเด็นไปที่เฟมินิสม์และขนบธรรมเนียมทางสังคม ตั้งแต่งานอินสตัลเลชั่นขนาดมหึมาย่อยลงมาถึงการสร้างบริบทใหม่ให้กับข้าวของในชีวิตประจำวัน สำหรับโอกาสครบรอบ ELLE 80 ปี เธอเลือกนำเสนองานปั้นเซรามิกรูปกบห่อหุ้มด้วยงานถักโครเชต์ประหนึ่งผิวหนัง แสดงถึงการสื่อสารกันระหว่างการกักขัง/การปกป้อง ธรรมเนียมดั้งเดิม/ความโมเดิร์นล้ำสมัย “ฉันรักที่จะนำความคิดมาสร้างเป็นผลงาน แต่สิ่งที่ทำให้ฉันสนใจที่สุดคือความจริงที่ว่าเราสามารถสร้างมิติความสัมพันธ์ได้ด้วย”

VALERIE FAVRE

ฝรั่งเศส-สวิส

Pour elle, for her, für sie

ผลงานที่วาเลรีรังสรรค์มักสะท้อนความเงียบขรึม แบบบาง ทว่าทรงพลัง โดยงานที่ทำในโปรเจ็กต์นี้เธอวาดรูปโลกลงบนแผ่นกระดาษชำระโดยใช้น้ำชาดำ เป็นการทริบิวต์อันแสนบอบบางให้กับนิตยสารและโลกของเรา อาร์ทิสต์ชาวฝรั่งเศส-สวิสมักวางโครงสร้างของผลงานเหมือนเป็นเรื่องเล่า สื่อถึงอารมณ์ที่ขาดช่วง แรงบันดาลใจต่อผลงานมักได้จาก Lou Andreas-Salomé เธอมองหาอิสระมากกว่าการอยู่แต่ในกรอบเสมอ ศิลปะและการดำรงชีวิตนั้นแสนเปราะบางและเป็นสัจธรรมอย่างหนึ่ง “สิ่งที่มองเห็นได้อย่างเที่ยงแท้เพียงอย่างเดียวคือการมองด้วยจิตใจ”

PIA-MARIA RAEDER

เยอรมัน

Sea Anemone 1 (Pink)

ศิลปินสาวจากเยอรมนีใฝ่ฝันมานานแล้วว่าจะทำอะไรสักอย่างขึ้นจากสองมือของตัวเอง เธอจึงละทิ้งงานสายสื่อสารมวลชนมาอุทิศให้กับงานแกะสลักไม้ งานหล่อโลหะ และงานเป่าแก้ว และส่วนใหญ่จะเน้นไปที่วัสดุที่ทีความยั่งยืน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเลือกใช้สีสันในผลงานสำหรับ ELLE โดยเฉพาะ สีชมพูสดใสสื่อถึงการส่งพลัง การเคารพต่อชุดสุดไอคอนนิกของ Marilyn Monroe ในเรื่อง ‘Gentlemen Prefer Blondes’ ผู้หญิงแห่งตำนานที่พยายามส่งสารว่า Save our planet.”

MARI ITO

ญี่ปุ่น

Origin of Desire – A Flower Bomb for Ourselves 80 Years into the Future

คำสุดโปรดของมาริคือ ‘arigatou’ ที่ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า ขอบคุณ เพราะด้วยไอเดียที่ว่าการสำนึกในบุญคุณเป็นสิ่งล้ำค่าหายาก เธอยังนำเทคนิคเพนต์ภาพเก่าแก่ร่วมหลายร้อยปีที่เรียกว่า นิฮงงะ (Nihonga) กลับมาใช้ด้วยโดยเป็นการนำสีที่ได้จากธรรมชาติมาระบายลงไปบนกระดาษวาชิ (Washi) ที่ทำจากเส้นใยของต้นมัลเบอร์รี่ แม้เติบโตในโตเกียวที่มีการแข่งขันสูง แต่เธอพบว่างานศิลปะช่วยปลอบประโลมใจได้ คือพื้นที่ที่ได้ปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระอย่างแท้จริง ผลงานล่าสุดครั้งนี้เพื่อ ELLE เธออยากสื่อถึงสันติภาพ นำการปรับตัวของผู้หญิงให้เข้ากับความงดงามตามธรรมชาติที่มีรูปฟอร์มชวนฝัน ตื่นตาตื่นใจ ศิลปะสำหรับเธอเป็นมากกว่าการแสดงออก มันคือการมองไปยังอนาคต “ไม่มีการทิ้งระเบิดอีกต่อไปแล้ว เราต้องหันมารักกันและโหยหาสันติภาพ”

GHIZLANE SAHLI

โมร็อกคัน

HTO32

เป็นขนมธรรมเนียมผ่านเวลานับศตวรรษที่ผู้หญิงทั้งเย็บ ปัก ถัก ร้อย โดยใช้เส้นด้ายและเข็มเพื่อสร้างงานอันงดงามวิจิตรบรรจง แต่เมื่อมองต่อไปถึงอนาคตขยะที่เกิดจากพลาสติกไม่รู้ต่อกี่ตันกองเป็นภูเขากินพื้นที่บนโลกของเรา ศิลปินสาวจากโมร็อกโคจึงเลือกสร้างงานภายในเวิร์กช็อปของตัวเองที่มาร์ราเกชที่หลอมรวมทั้งสองอย่างนั้นเข้าไว้ด้วยกัน เธอปักประดับฝาขวดพลาสติกด้วยเส้นไหมเพื่อรังสรรค์ผลงงานประติมากรรมแสนสะดุดตาที่สื่อถึงการส่งต่อพลังบวก คราวนี้เธอใช้เทคนิคนี้เองเพื่อทำเป็นรูป…จุดซ่อนเร้น “เป้าหมายของฉันไม่ใช่การทำสิ่งล่อแหลม สร้างความตื่นตระหนก แต่เพื่อฉลองให้กับเรือนร่างของเรา ทริบิวต์ให้กับร่างกายด้วยความเคารพและมีชั้นเชิง”

INÈS MÉLIA

ฝรั่งเศส

Freed From Desire

อิแนสใช้เวลาร่วมหลายปีทีเดียวในการใคร่ครวญเรื่องชีวิตส่วนตัวซึ่งรวมถึงปัญหาหย่าร้าง จากนั้นเธอจึงเริ่มตั้งหลัก กลับมาในฐานะศิลปินและทุ่มเทให้กับงานคราฟต์ เธอเริ่มจากแอบเอาม่านประดับกลิตเตอร์ไปแขวนไว้ในสถานีรถไฟใต้ดินที่ปารีส โดยเมื่อคลี่ม่านออกจะเจอข้อความเพื่อสร้างพลังให้กับผู้ที่เดินสัญจรไปมา แรงบันดาลใจส่วนใหญ่ได้จากความขบถของ Louise Bourgeois และ Annette Messager เธอพยายามใช้ข้าวของที่พบเห็นได้ทั่วไป นำข้อความเปี่ยมความหมายไปใส่ไว้ในภาพถ่าย เซรามิก หรือแม้แต่ชีส ผลงานในซีรี่ส์ ‘Peintures à lire’ เรียกการตอบรับกลับจากผู้ชม ทลายเส้นแบ่งระหว่างภาพเขียนและงานประติมากรรม เธอบอกกับ ELLE ว่า “อย่ากลัวที่จะมองเข้าไปที่หลังม่าน”

JANAINA MELLO LANDINI

บราซิล

Ciclotrama 261 (Superstrato)

จาไนนาเย็บผ้าเป็นตั้งแต่อายุ 6 ขวบเพราะเธอเติบโตในครอบครัวหญิงแกร่งที่มักจะล้อมวงเย็บปักถักร้อยกันทุกวันอาทิตย์ งานอาร์ตของเธอคือการแปรเปลี่ยนเส้นด้ายและเชือกเป็นเส้นใยอันสลับซับซ้อน คือการตั้งคำถามถึงอาณาเขตระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและที่มนุษย์สร้างขึ้น สำหรับโอกาสครบรอบนี้ เธอรังสรรค์ผลงานที่มาจากซีรี่ส์ ‘Superstratum’ ด้วยเส้นด้ายขดม้วนเป็นชั้นๆ เชื่อมโยงถึงกันจนเกิดเป็นรูปฟอร์มแห่งความเป็นจริง เธอเปรยกับ ELLE ว่า “เรายังคงไม่หยุดที่จะเรียงร้อยอนาคต ถักทอไอเดียและความเป็นไปได้”

KATRIN FRIDRIKS

ไอซ์แลนด์

Water’s Divine Memory

ศิลปะหรือการเล่นแร่แปรธาตุกันแน่? แคทรินผสมทั้งสองอย่างไว้ด้วยกันเลย เธอได้แรงบันดาลใจจาก Nikola Tesla, ควอนตัมฟิสิกส์ และความรู้เกี่ยวกับโลกวิญญาณ เธอใช้ประโยชน์จากพลังของดวงดาวถ่ายเทเป็นภาพวาดที่สะท้อนความเร็วและแรงโน้มถ่วง แต่ละชิ้นงานคือการสำรวจความเคลื่อนไหว สีสัน และสติตระหนักรู้ ผลงานชิ้นนี้สะท้อนความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างชีวิตและจักรวาล ผลงานสร้างสรรค์สำหรับเธอคือเรื่องของสัญชาตญานฉับพลันและไม่สามารถหยุดยั้งได้ “ศิลปะคือหนทางสร้างพลังที่หล่อเลี้ยงร่างกายเรา เชื่อมโยงเราสู่จักรวาล”

ELISABETH GAROUSTE

ฝรั่งเศส

Yolanda & Jules

ตั้งแต่ยังเด็กแล้วที่เฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ในบ้านเคยทำให้เธอรู้สึกกลัวมากจนเก็บเอาไปฝันร้าย แต่ตอนนี้เอลิซาเบธกลับออกแบบมันขึ้นมา เธอมาจากครอบครัวชาวยิวผู้เหลือรอดจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เธอจึงนำความบอบช้ำทางจิตใจมาสร้างงานศิลปะและงานดีไซน์สุดประณีตสไตล์บาโร้กผสมกับแนวเซอร์เรียลลิสม์ เธอได้ร่วมงานกับเฮาส์แฟชั่นอย่าง Christian Lacroix และแกลเลอรี่ชื่อดังจากทั่วโลก สำหรับงานครบรอบของ ELLE เธอเลือกหน้ากาก 2 ชิ้นคือ Yolanda & Jules ที่เธอขึ้นด้วยมือ บ่งบอกถึงความไม่สมบูรณ์แบบและมีเรื่องราวเฉพาะตัว สำหรับเธอแล้ว “ศิลปะทำให้ฉันมีอิสระ มันคือจินตนาการสร้างสรรค์และเสรีภาพ”

Latest Posts

Don't Miss