Saturday, November 1, 2025

5 มิติสะท้อนความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของ CHANEL กับโลกแห่งภาพยนตร์ ณ เทศกาลหนังเมืองเวนิส

วนกลับมาอีกครั้งกับเทศกาลภาพยนตร์เวนิสครั้งที่ 82 ที่ในปีนี้ นอกจากภาพยนตร์เรื่องใหม่น่าจับตาที่หลายคนรอคอยการเผยโฉมเป็นครั้งแรกแล้ว เรายังได้เห็นแบรนด์แฟชั่นต่างๆ เข้ามาร่วมมีบทบาท เช่นเดียวกับ CHANEL ที่ยังคงดำรงรักษาความสัมพันธ์กับวงการภาพยนตร์มาอย่างดีเยี่ยมเสมอมา ไม่ใช่เพียงแค่การร่วมออกแบบเครื่องแต่งกายในภาพยนตร์ หรือการแต่งตัวให้เหล่าแอมวบาสซาเดอร์ไปปรากฏโฉมบนพรมแดงเท่านั้น หากแต่ยังร่วมสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้นับตั้งแต่ก้าวแรกเสียด้วยซ้ำ วันนี้แอลจึงขอพาทุกคนมาสำรวจ 5 มิติที่สะท้อนถึงบทบาทของ CHANEL ในโลกแห่งภาพยนตร์ ที่เราพบได้จากเทศกาลหนังเมืองเวนิสประจำปีนี้

CHANEL and Cinema

หากจะย้อนความสัมพันธ์ระหว่าง CHANEL กับวงการภาพยนตร์นั้น ก็จะพบว่าสองสิ่งนี้ได้มีความผูกพันกันมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ช่วงแรกเริ่มของ Gabrielle Chanel เลยก็ว่าได้ โดยเธอได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของภาพยนตร์ที่ไม่ได้เป็นเพียงสื่อที่มอบความบันเทิงเท่านั้น หากแต่ยังเป็นเครื่องมือเปิดโลกให้ผู้หญิงได้เข้าถึงแฟชั่นมากยิ่งขึ้น ดังเช่นในปี 1931 ที่เธอเดินทางไปยังฮอลลีวูดตามคำเชิญของ Samuel Goldwyn โปรดิวเซอร์ชาวอเมริกันเพื่อออกแบบเสื้อผ้าให้กับ Gloria Swanson และนักแสดงคนอื่นๆ หลังจากนั้น Gabrielle ก็ได้ร่วมออกแบบเสื้อผ้าให้กับนักแสดงหญิงอีกมากมาย ไล่เรียงตั้งแต่รุ่นเล็กไปจนถึงรุ่นใหญ่ทั้งในจอและนอกจอ ในฐานะเพื่อนและผู้อุปถัมภ์ผู้กำกับชื่อดังมากมาย

ต่อมาในยุคของ Karl Lagerfeld และ Virginie Viard ความผูกพันระหว่างแบรนด์กับภาพยนตร์ก็ได้ถูกพัฒนาอย่างเหนียวแน่นยิ่งขึ้น ผ่านทั้งการสนับสนุนผู้หญิงในวงการ ทั้งศิลปิน ผู้กำกับและนักแสดงหน้าใหม่ ตลอดจนการร่วมโปรเจกต์ในหลากหลายฝ่าย ตั้งแต่การออกแบบคอสตูม การสนับสนุนการผลิต ร่วมเปิดตัวภาพยนตร์ ตลอดจนสนับสนุนเทศกาล สถาบัน พิธีมอบรางวัลอันโดดเด่น และบูรณะผลงานชิ้นเอกเพื่อให้ประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์ยังคงอยู่ต่อไป ดังเช่นรางวัล André Bazin Prize ที่ยกย่องและเชิดชูผู้กำกับหน้าใหม่และภาพยนตร์เรื่องแรกของพวกเขา รวมถึง โครงการ CHANEL & Cinema – Tokyo Lights ที่สนับสนุนการเติบโตของคนทำหนังญี่ปุ่นรุ่นใหม่

CHANEL and Venice

นอกจากจะเป็นเมืองสำคัญของวงการภาพยนตร์แล้ว เวนิสยังกลายเป็นหมุดหมายที่เปี่ยมด้วยประวัติศาสตร์สำหรับ CHANEL ในฐานะแรงบันดาลใจสำคัญของ Gabrielle Chanel และเมื่อพูดถึงเทศกาลภาพยนตร์เวนิสแล้ว ภาพยนตร์ที่แบรนด์ได้มีส่วนร่วมก็ได้คว้ารางวัลมาไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ทรงคุณค่าอย่าง Last Year at Marienbad ที่นักแสดง Delphine Seyrig ได้สวมใส่ชุดที่ Gabrielle Chanel ออกแบบ ก็ได้คว้ารางวัล Golden Lion ในปี 1961 ทั้งยังถูกนำมาบูรณะใหม่ในปี 2018 ภายใต้การสนับสนุนจาก CHANEL เช่นเดียวกับภาพยนตร์เรื่อง Le Feu follet ที่ได้รับรางวัล Special Jury Prize และ Italian Critics’ Priz ก็มีสองนักแสดงอย่าง Alexandra Stewart และ Léna Skerla สวมชุดจาก CHANEL ด้วยเช่นเดียวกัน

Delphine Seyrig

ทุกๆ ปีที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองเวนิสวนกลับมา CHANEL ก็ได้ร่วมเดินพรมแดงไปพร้อมกับเหล่าแอมบาสซาเดอร์และ Friend of Brand ในโมเมนต์สำคัญๆ เสมอ ไม่ว่าจะเป็นในปี 2020 ที่ Tilda Swinton แอมบาสซาเดอร์ของแบรนด์สวมชุด CHANEL Haute Couture ขณะขึ้นรับรางวัลอันทรงเกียรติอย่าง Golden Lion for Lifetime Achievement หรือในปีต่อมาที่ Penélope Cruz แอมบาสเดอร์ของแบรนด์ก็ได้คว้ารางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจากบทบาทในภาพยนตร์เรื่อง Parallel Mothers ที่ใช้เปิดเทศกาลภาพยนตร์เวนิสครั้งที่ 78

This Year’s Red Carpet

กว่าจะเกิดเป็นภาพยนตร์สักเรื่องหนึ่งนั้นต้องอาศัยทั้งแรงกาย แรงใจ ตลอดจนไอเดียสร้างสรรค์ และเวลา เพราะฉะนั้น การจะเปิดตัวภาพยนตร์ที่ประกอบไปด้วยหยาดเหงื่อของผู้คนในทีมมากมาย ณ เทศกาลภาพยนตร์จึงถือเป็นอีกหนึ่งโมเมนต์สำคัญที่ผู้มีส่วนร่วมในภาพยนตร์แต่ละเรื่องให้ความสำคัญ เพราะฉะนั้น ชุดที่สวมใส่บนพรมแดงจึงไม่ได้นำเสนอเพียงแฟชั่นสวยงามน่าจับตา หากแต่ยังเป็นการสะท้อนถึงเรื่องราวทั้งผู้สวมใส่และภาพยนตร์ที่เตรียมถ่ายทอด รวมไปถึงเฉลิมฉลองให้แด่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ และในปีนี้ก็ได้มีเหล่าคนดังมากมายที่ร่วมอวดโฉมบนพรมแดงผ่านลุคจาก CHANEL ไม่ว่าจะเป็น Tilda Swinton ในชุดสั่งตัดพิเศษสีขาวที่ปลายแขนเสื้อจับจีบระบายตกแต่งด้วยโบว์แมตช์กับกระโปรงผ้าชิลก์สีดำที่คอมพลีตด้วยและเครื่องประดับชั้นสูงของแบรนด์ หรือจะเป็น Fernanda Torres ที่มาในชุดเดรสกำมะหยี่สีดำแต่งระบายชีฟองในรอบปฐมทัศน์ของหนัง Frankenstein รวมไปถึงนักแสดงหญิงอีกมากมาย อาทิ Ayo Edebiri, Lou Lampros และ Virgine Ledoyen

Tilda Swinton

Biennale College – Cinema

การสนับสนุนอย่างถ่องแท้ คือการเริ่มต้นตั้งแต่นับตั้งแต่หว่านเมล็ดลงดิน ดังเช่นที่ CHANEL ได้ร่วมสนับสนุนโครงการ Biennale College – Cinema ครั้งที่ 13 ของเทศกาลภาพยนตร์เวนิสที่มุ่งให้ความรู้แก่เหล่าคนทำหนังรุ่นใหม่จากทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะผู้ที่กำลังผลิตภาพยนตร์เรื่องแรก เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของมาดมัวแซลล์ชาเนล โดยสำหรับปี 2024-2025 นี้ ได้นำทีมอุปถัมภ์โดย Audrey Diwan ผู้กำกับ นักเขียนบท และ Friend of CHANEL

การเป็นผู้อุปถัมภ์คนทำหนังนับตั้งแต่ก้าวแรกนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด หากแต่เป็นประเพณีของแบรนด์ที่ริเริ่มโดย Gabrielle Chanel ทั้งช่วยเหลือผู้กำกับรุ่นใหม่อย่าง Luchino Visconti ในการเริ่มต้นอาชีพ รวมถึง Audrey Diwan เจ้าของรางวัล Golden Lion และ Friend of Brand ก็ได้กลายมาเป็นผู้อุปถัมภ์ของโครงการด้วยเช่นกัน

Restoration of The Film

ผลงานภาพยนตร์อันทรงคุณค่าทั้งในแง่ประวัติศาสตร์และองค์ความรู้ หากจางหายไปตามกาลเวลาก็คงน่าเสียดายเป็นแน่ โดนเฉพาะอย่างยิ่งภาพยนตร์ในยุคแรกเริ่มที่เทคโนโลยีการบันทึกต่างๆ กันยังไม่ก้าวหน้าเท่าปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ การบูรณะภาพยนตร์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง และในปีนี้ CHANEL ก็ได้ให้การสนับสนุนการบูรณะภาพยนตร์คลาสสิกของฝรั่งเศสที่มีชื่อว่า Port of Shadows โดยฝีมือการกำกับของ Marcel Carné ที่ได้ Gabrielle Chanel มาร่วมออกแบบเครื่องแต่งกาย ทั้งยังเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ฝรั่งเศสเรื่องแรกที่ Gabrielle ได้นำประสบการณ์การดีไซน์คอสตูมจากฝั่งฮอลลีวูดมาประยุกต์ ซึ่งการบูรณะในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ CHANEL ในการสานต่อเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้ง ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์ภาพยนตร์ไม่ว่าจะเป็นร่วมสมัยในยุคปัจจุบัน หรือจะเป็นการอนุรักษ์ผลงานระดับตำนานในประวัติศาสตร์อีกด้วย

Latest Posts

Don't Miss