Friday, October 3, 2025

คุณเป็นสายใช้เงินแบบไหน? พฤติกรรมการช็อปบ่งบอกนิสัยและความว้าวุ่นใจอะไรในตัวคุณบ้าง

ทุกคนต่างรู้สึกถึงความตึงเครียดทางการเงินในระดับที่แตกต่างกันออกไป และแน่นอนว่าวิธีที่เรารับมือกับมันนั้นต่างกันไปตามวาระ Alexandra Jones พร้อมบอกเล่า ‘ภาษารักในการใช้จ่าย’ ของพวกเราให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

บางครั้งในตอนตี 2 ที่นอนไม่หลับฉันมักปล่อยใจให้ฟุ้งฝันไปกับจินตนาการเล็กๆ ว่าฉันถูกรางวัล 1 ล้านปอนด์ ฉันชอบจินตนาการถึงความรู้สึกที่เมื่อตื่นเช้ามาแล้วเห็นยอดเงินคงบัญชีสวยๆ อยู่อย่างนั้น ยิ่งกับชีวิตที่ไม่มีภาระหนี้บ้านมันจะสบายแค่ไหน! แม้จะดูเป็นความฟุ้งฝันที่ดูเป็นไปได้ยากในความเป็นจริง แต่สิ่งนี้ก็ช่วยกล่อมให้ฉันหลับได้ภายในไม่กี่นาที

ไม่นานมานี้ฉันเล่าเรื่องดังกล่าวให้เพื่อนฟัง เธอกลับบอกว่ามันไม่ได้น่ารื่นรมย์อย่างที่คิด เมื่อไม่กี่ปีก่อนพ่อแม่ของเธอให้เงินเกือบ 1 ล้านปอนด์เพื่อซื้อแฟลตขนาด 2 ห้องนอนในย่านน่ารักของนอร์ทลอนดอน แต่เพียงแค่ 1 ปีหลังจากซื้อ เธอก็พบว่าต้องซ่อมหลังคาใหม่ เธอเองก็ยังไม่มีเงินเพียงพอและพร้อมที่จะซ่อมมันในตอนนี้ เพราะราคาค่าแรงและวัสดุก่อสร้างพุ่งสูงหลังโควิด ทุกครั้งที่ฝนตกน้ำจะรั่วผ่านรอยร้าวข้างสกายไลต์ตรงโถงของแฟลตสุดหรูราคาหลักล้านของเธอ ฉันคิดจะแซะกลับไปว่าคนที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดจะมีปัญหาเรื่องเงินแบบนี้ได้อย่างไรกัน แต่เอาเข้าจริงแล้วสิ่งที่เธอกำลังจะสื่อให้ฉันเข้าใจคือ แม้จะมีเงินมากแค่ไหนก็ไม่สามารถลบล้างความกังวลทั้งหมดได้ เพราะสุดท้ายเราต้องลงเอยด้วยการบ่นเรื่องเงินและความจนกันอยู่ดีนั่นแหละ

แน่นอนว่ามีคนที่ลำบากยิ่งกว่าเราอีกเยอะ มีคนในสหราชอาณาจักรกว่า 12 ล้านคน (หรือเกือบ 20% ของประชากรทั้งหมด) ที่อยู่ใน ‘ความยากจนอย่างแท้จริง’ และตัวเลขยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าทุกคนที่ไม่ว่าจะมีเงินในบัญชีเท่าไรก็ตามล้วนประสบปัญหาในเรื่องความรู้สึก ‘อึดอัดทางการเงิน’ กันทั้งนั้น ต้องยอมรับว่าวิกฤตเศรษฐกิจลูกใหญ่ลูกนี้ไม่ได้เพิ่งโผล่มาวันสองวัน แต่มันสั่งสมมาตลอดหลายชั่วอายุคน รายได้ของเราแทบไม่ขยับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2008 เพราะค่าจ้างไม่เคยตามทันค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น ในปี 2022 อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงที่สุดในรอบ 41 ปี ค่าพลังงานพุ่งขึ้น 2 เท่าตัว ราคาของกินก็ถีบตัวสูงจนเป็นเรื่องชินตาของผู้คนในสหราชอาณาจักรที่มักเห็นภาพกล่องเนย Lurpak ตามห้างติดแท็กกันขโมย

ในขณะที่เราพยายามรัดเข็มขัด แต่ก็ยังไม่พ้นที่จะถูกกระตุ้นให้ ‘ต้องซื้อ’ อะไรบางอย่างตลอดเวลา ไม่อยากเป็นมาร์กซิสต์หรอกนะ แต่ทุกวันนี้เรากำลังอยู่ในยุคบริโภคนิยมสุดขั้ว เรื่องที่ดูเหมือนว่าจะไม่เกี่ยวข้องอย่างคนที่นอนร่วมเตียง ไปจนถึงวิธีใช้เวลาว่างถูกบันทึกผ่านแอพและบริการต่างๆ ที่ตั้งเป้าเอาข้อมูลส่วนตัวเหล่านั้นเพื่อหวังจะหาผลประโยชน์ทางการค้า ทุกช่วงเวลาถูกเปลี่ยนให้เป็นธุรกรรมทางการเงินได้เสมอ และเราถูกสอนให้มองตัวเองเป็น ‘ผู้บริโภค’ ก่อนจะเป็น ‘มนุษย์’ อยู่ตลอด ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดนี้มันเพิ่มความสะดวกสบายสำหรับคนขาย เพราะเราถูกตั้งให้เป็นเป้าเพื่อกระตุ้นให้ถูกเสนอขายสินค้าอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะผ่านโฆษณาหรือในฟีดรูปแบบ photo dump ของเพื่อน ไปจนถึงวิดีโอ #fitcheck  หรือแม้กระทั่งการรีวิวหนังสือใน TikTok

เมื่อมีทางเลือกให้ซื้อมากมายเรียกว่าแทบจะตลอดเวลา จึงไม่แปลกเลยที่หลายคนจะหลงทาง และทำให้ ‘เรื่องเงิน’ กลายเป็นหัวข้อที่อ่อนไหวมากขึ้นกว่าเดิม ถ้าคุณเริ่มรู้สึกกังวลกับพฤติกรรมการเงินของตัวเอง ต่อไปนี้คือแนวทางแบบไม่ตัดสินเพื่อจำแนกว่าพฤติกรรมการใช้จ่ายของคุณบ่งบอกอะไรเกี่ยวกับตัวคุณได้บ้าง

THE Generationally Wealthy SPENDER 

คุณมีงานที่ดีด้วยรายได้ปานกลาง (อย่างสายมาร์เก็ตติ้ง มีเดีย ฯลฯ) แต่ดูเหมือนไม่เคยสะทกสะท้านกับราคาของอะไรเลย คุณมีตู้เย็น SMEG ชุดเครื่องครัว Le Creuset คุณอยู่ใน waiting list ของ Third Space ยิมและคลับระดับพรีเมียมในลอนดอน และเพิ่งซื้อกระเป๋า Prada รุ่น Re-edition ลายเสือ พร้อมพร่ำบอกว่าตัวเองชอบ ‘ลงทุนกับของมีคุณภาพ’ อยู่เสมอ

แล้วคุณจ่ายทั้งหมดนี้ได้อย่างไร? ก็เพราะพ่อแม่จ่ายค่าเช่า ค่ามือถือ และค่าสมาชิก Soho House ให้หมด และใช่ สำหรับคุณนี่ไม่ใช่เรื่องน่าอาย งานวิจัยจาก Resolution Foundation ระบุว่า เรากำลังอยู่ใน ‘สังคมที่คนรวยจะรวยจากมรดก’ (inheritocracy) คนอายุต่ำกว่า 40 จะมีความมั่นคงได้ก็ต่อเมื่อได้รับเงินก้อนหรือการสนับสนุนจากครอบครัว โดยค่าเฉลี่ยประมาณ 64% ของคนอายุเกิน 50 ตั้งใจจะทิ้งทรัพย์สินไว้ให้ลูกหลาน ซึ่งจะถือเป็นการถ่ายโอนทรัพย์สินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

หากคุณไม่ได้เป็นหนึ่งในคนรวยระดับมหาเศรษฐีจริงๆ การได้เงินจากพ่อแม่ก็คงไม่ได้แก้ทุกปัญหาของคุณได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือการฝึกมีสติรู้ตัวอยู่ตลอด อย่าทำตัวเหมือนคุณทำทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งหมด จงยอมรับว่ามันทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นมาก อย่าเอาแต่บ่นว่าจนอยู่ตลอดเวลา (เพราะกระเป๋าใบนั้นที่คุณถือราคา 2,300 ปอนด์) ในเมื่อคุณมีทางบ้านช่วยซัพพอร์ตอยู่แล้ว ก็อย่าทำเหมือนตัวเองลำบากลำบนไปหมด อย่างน้อยเวลาไปดื่มกับเพื่อนลองเลี้ยงเพื่อนดูสักรอบ เพราะใครบอกว่าเงินซื้อเพื่อนไม่ได้ล่ะ จริงไหม?

 THE Very In-Debt SPENDER 

คุณมีบัตรเครดิต 12 ใบ และไม่แน่ใจว่าใบที่ถืออยู่จะใช้ได้ไหม คุณเข้าเว็บเปรียบเทียบบัตรหาโปร 0% อยู่ตลอด
คุณเคยกู้เงินเพื่อไปเล่นสกีช่วงวันหยุด และยังยืนยันว่านั่นคุ้มอยู่ ด้วยกลยุทธ์การกู้ยืมและหมุนหนี้ที่ซับซ้อน ตอนนี้คุณมีหนี้สะสมถึง 86,000 ปอนด์ โดยแทบไม่มีอะไรจับต้องได้เลย 

ตอนที่ฉันมีโอกาสได้สัมภาษณ์ Chantel Chapman ผู้ก่อตั้งโปรแกรมบำบัดทางการเงินชื่อ Trauma of Money เธออธิบายว่าเงินคือสัญลักษณ์ของอำนาจ และวิธีที่เราปฏิบัติต่อมันสะท้อนจากการเลี้ยงดู “เช่นถ้าคุณโตมากับพ่อแบบเผด็จการ คุณอาจมีปัญหาเวลาเจรจาต่อรองกับผู้ชาย” หรือถ้ามาจากภูมิหลังที่ถูกกดขี่ “คุณอาจไม่รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าเพียงพอที่จะครอบครองสิ่งมีค่าอย่างเงิน”

ทางแก้อาจเริ่มจากการค่อยๆ แกะดูว่าอะไรคือปฏิกิริยาภายในใจ ที่พาเราไปสู่การตัดสินใจทางการเงินที่ไม่ฉลาดนัก “บางทีคุณอาจจะไม่ได้อยากซื้อของจริงๆ หรอก แต่แค่เพราะอารมณ์เบื่อหน่าย เศร้าซึม หรือรู้สึกขาดบางอย่างในชีวิต มันเลยแอบผลักคุณเบาๆ ไปที่ปุ่ม ‘ใส่ตะกร้า’ แล้วนิ้วก็ลั่นเองโดยที่เหตุผลไม่ได้มีส่วนร่วมเลย” แชปแมนยังบอกอีกว่า “หนี้มีอำนาจครอบงำในชีวิตเรา เราไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสมันได้ แต่เรารู้ว่ามันอยู่ตรงนั้นเสมอ” หากรู้สึกว่าทุกอย่างมันเกินจะรับไหว ลองปรึกษาหน่วยงานที่สามารถให้คำแนะนำทางการเงินดู เพราะการรวมหนี้อาจง่ายกว่าที่คุณคิด และมันจะช่วยยกน้ำหนักมหาศาลออกจากใจคุณได้เลย

“หนี้มีพลังอำนาจมหาศาล เพราะแม้เราจะมองไม่เห็นมัน แต่เรารู้ว่ามันอยู่ตรงนั้นเสมอ”

THE Little Treats SPENDER 

คุณอาจเคยหายหน้าหายตาไปหลายเดือนโดยไม่เจอเพื่อนเลย แน่นอนสิ แล้วใครจะเซ็นรับพัสดุให้ถ้าออกไปกินข้าวเย็นล่ะ? คุณคือคนที่รู้จักชื่อเล่นของพนักงานส่งของทุกคนในละแวกบ้านเป็นอย่างดี และแม้คุณจะบอกไม่ได้แน่ชัดว่าเงินที่หามาอย่างยากลำบากของคุณมันหายไปไหนบ้าง แต่คุณก็มี ‘ข้าวของ’ เยอะมาก อย่างของที่มาส่งในสัปดาห์นี้ประกอบไปด้วย อุปกรณ์ชุดถักสร้อยข้อมือราคา 8 ปอนด์, แก้วไวน์ของ Hay หนึ่งคู่ (ลด 20% บน Instagram!), หนังสือปกแข็ง 4 เล่มที่คุณจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยสั่งจองไว้ตอนไหน (แต่คุณจะอ่านแน่ๆ วันหนึ่งแหละ แน่ๆ) และเสื้อคาร์ดิแกนแฮนด์เมดถักจากขนแกะราคา 250 ปอนด์ที่มีกระดุมโลหะเรียงเป็นคำว่า ‘FUCK’ ความตื่นเต้นเล็กๆ คือช่วงเวลาที่คุณได้แกะกล่องพัสดุเหล่านี้จนทำให้ที่บ้านของคุณเต็มไปด้วยกองกล่องกระดาษแข็งขนาดเล็กกองพะเนิน มากพอที่จะชวนให้นึกถึงป่าขนาดย่อมที่คุณบอกกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “จะเอาไปรีไซเคิลแน่นอน”

ดังนั้น ในตอนนี้ฉันขอพูดด้วยความเข้าใจคุณอย่างที่สุดจากใจคนที่เคยติดข้าวของจุกจิกแบบถอนตัวไม่ขึ้นมาก่อน ลองวางโทรศัพท์ลง ออกไปข้างนอก และสัมผัสกับสภาพแวดล้อมภายนอกบ้าง คุณเคยได้สัมผัสกับผืนหญ้าสักครั้งไหม หากตอนที่นิ้วคุณกำลังลอยอยู่เหนือปุ่ม ‘buy now’ คุณอาจรู้สึกว่าสิ่งของในตะกร้านั้นมีประโยชน์สุดๆ และจำเป็นมาก แต่ทันทีที่เงินหลุดออกจากบัญชีไป คุณก็จะรู้ตัวทันทีว่าคุณอาจไม่ได้ต้องการโคมไฟหินเกลือหิมาลายันอีกอันจริงๆ หรอก ขอบอกตรงนี้เลยว่าอัลกอริทึมของระบบมันจับจุดอ่อนได้แล้ว และบอกได้เลยว่ามันรู้ว่าคุณแพ้ทางของแบบไหน อย่างตกแต่งบ้านด้วยโฮมแวร์แนว kitsch ที่มาในดีไซน์แตกต่างแปลกใหม่หลุดโลก และหรือของฮิตตามกระแส ทางเดียวที่คุณจะทวงคืนอำนาจกลับมาได้คือหยุดเลื่อนฟีดซะ หรือไม่ก็ให้แฟนคุณขู่เปลี่ยนโทรศัพท์คุณเป็น Nokia 6310 ไปเลย ซึ่งนั่นแหละคือสิ่งที่เคยช่วยฉันได้จริงๆ

THE ‘F**k It’ SPENDER 

คุณก็เป็นคนติด ‘ของจุกจิก’ เหมือนกันแหละ แต่เวอร์ชั่นของคุณสนุกกว่ามาก แทนที่จะใช้เงินไม่ลืมหูลืมตาไปกับของไร้สาระในอินเทอร์เน็ต คุณเลือกที่จะตอบตกลงและลงทะเบียนสมัครทุกระบบสมาชิกที่ผ่านเข้ามา แล้วค่อยไปเครียดทีหลังว่าเงินในบัญชีจะเหลือพอไหม หรือไม่ก็ปล่อยไว้แล้วอาจจะค่อยวนกลับมาคิดใหม่ในวันอังคารถัดไปก็เป็นได้ ใครกันจะกล้าดูยอดเงินคงเหลือในบัญชีในวันจันทร์นี้ล่ะ แบบนี้ก็โหดเกินจริงไหม? 

แล้วเมื่อมาถึงจังหวะที่คุณออกไปสังสรรค์ เมื่อใครชวนคุณดื่มมาร์การิตาอีกสักรอบ เอาสิ คือคำตอบที่แน่นอนของคุณ หรือไม่ก็ร้านอาหารที่มาในสไตล์แบบ small plate ที่คุณเคยเห็นใน Tiktok คือหนึ่งในลิสต์ที่คุณไม่เคยพลาดที่จะตามไปเช็กอิน มันจะมีเหตุผลอะไรให้ไม่ไป? หรือรองเท้าบู๊ตคู่ที่คุณอยากได้ตั้งแต่…อืม อาทิตย์ที่แล้ว? ได้เวลาแอบควักเงินเก็บอีกแล้วสินะ เป็นอีกหนึ่งรายจ่ายที่คุณตอบตกลงได้ทันทีเพราะคุณมักมาพร้อมเหตุผลที่ว่า “ชีวิตมันต้องใช้!” ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาแน่ๆ ใช่ไหมล่ะ 

ใครจะโทษคุณได้? ต้องยอมรับว่าฉันก็เข้าใจคุณอยู่ไม่น้อย ใครจะไม่รู้สึกสิ้นหวังบ้างล่ะ ในเมื่อสมัยนี้คนจะซื้อบ้านหลังแรกยังต้องมีเงินดาวน์ตั้ง 50,000 ปอนด์ (หรือถ้าอยู่ลอนดอนก็เตรียมตัวน้ำตาซึมกับเงินดาวน์ 115,000 ปอนด์ได้เลย) แล้วคุณจะเก็บเงินได้อย่างไรในเมื่อตอนนี้ยังใช้เงินเกินบัญชีอยู่เลย 

แม้ว่าการปล่อยตัวปล่อยใจ ไม่ต้องคิดมาก แล้วทำอะไรก็ได้ตามที่อยากจะทำ จะให้ความรู้สึกอิสระและสนุกแบบปฏิเสธไม่ได้ แต่ความรู้สึกนั้นก็ไม่ได้ช่วยลดความเครียดลงเลยในทุกครั้งที่คุณเปิดแอพธนาคารเพื่อดูว่าเงินในบัญชีเหลือพอให้ใช้ถึงสิ้นเดือนหรือเปล่า ดังนั้น ทางแก้ของคุณอาจจะลองเริ่มต้นจากเก็บเงินเล็กๆ น้อยๆ ไว้ในบัญชีออมทรัพย์แบบดอกเบี้ยคงที่ (fixed-rate ISA) ซึ่งเป็นการออมแบบที่คุณจะไม่สามารถถอนเงินออกมาใช้ได้จนกว่าจะครบกำหนดระยะเวลา ไม่แน่สิ่งนี้อาจสามารถสร้างผลดีอย่างมหาศาลได้ ทั้งต่อสุขภาพทางการเงิน และสุขภาพจิตของคุณเอง

“เงินเปรียบเสมือนตัวแทนของอำนาจ และวิธีที่เรามีปฏิสัมพันธ์กับมันก็ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูที่เราเติบโตมา”

THE Sleeping SPENDER 

โอเค… คุณไม่เคยย่างเท้าเข้าไปในยิมที่สมัครไว้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้วเลย ทั้งที่จ่ายอยู่เดือนละ 69 ปอนด์ แต่แค่คิดว่าจะต้องโทร. ไปยกเลิกก็ทำให้รู้สึกขัดใจแบบอธิบายไม่ถูก (คือทำไมต้องให้คุยกับคนจริงๆ ด้วย?) คุณยังคงจ่ายค่าประกันสำหรับจักรยานที่ถูกขโมยไปนานแสนนาน และคุณก็เริ่มสงสัยว่า Netflix, Disney+, Now TV, Amazon Prime และ Spotify ที่คุณยังจ่ายอยู่ทุกเดือนนั้น มีเพื่อนหรือคนรู้จักกี่คนที่แอบใช้โดยคุณไม่รู้หรือไม่ จะว่าอย่างไรดีล่ะ? ก็คุณแค่รักช่วงทดลองใช้ฟรีไงล่ะ 

ดังนั้น ฉันขอส่งกำลังใจให้สาวๆ สายวิตกแต่ชอบเลี่ยงความจริงที่หลบหนีงานจัดการชีวิตมานานที่สุดเท่าที่จะทำได้
ใช่ การยกเลิกบริการที่คุณแทบไม่ได้ใช้งานเลยมันต้องผ่านหลายขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การต้องหาหน้าเว็บให้เจอ ต้องจำรหัสผ่าน ต้องส่งอีเมลไปแจ้งขอยกเลิก ฯลฯ แต่ลองคิดถึงเงินที่คุณจะได้คืนในแต่ละเดือนสิ (รวมถึงความสะใจที่จะได้จากการ ‘ตัดขาด’ อดีตแฟนที่ยังแอบใช้แอ็กเคานต์คุณอยู่แบบหน้าด้านๆ จากความใจดีของคุณ)

THE Stock and Shares ISA SPENDER

เวลาไปเที่ยวกับเพื่อนคุณคือคนที่จอง Airbnb โดยกรอกเลขบัตรเครดิตของตัวเองไว้ก่อน แล้วมักบอกเพื่อนว่า “ค่อยโอนมาก็ได้นะ ไม่รีบ” คุณมีความรู้เป็นอย่างดีในเรื่องอัตราดอกเบี้ย คุณคือคนที่ทำเรื่องยื่นภาษีก่อนใครเพื่อน แถมยังลงทุนใน Premium Bonds (การออมเงินกับรัฐบาลอังกฤษที่ไม่มีดอกเบี้ย แต่ให้สิทธิ์ลุ้นรางวัลเงินสดทุกเดือนแทน ถ้าไม่ถูกรางวัลก็ยังได้เงินต้นคืนครบ ดังนั้น จึงไม่เสี่ยงขาดทุน คล้ายๆ การลงทุนแบบสลากออมสินแบบบ้านเรา) บัญชี Nutmeg ISA (คือบัญชีลงทุนแบบไม่เสียภาษีในอังกฤษ ที่ระบบจะจัดการพอร์ตให้อัตโนมัติตามความเสี่ยงที่คุณเลือก) คุณเพิ่งได้รับผลตอบแทนไป 17% สดๆ ร้อนๆ พูดกันตามตรง คุณเป็นคนที่มีความฉลาดและรู้เรื่องการเงินเป็นอย่างดี ดังนั้น คุณคงไม่ต้องการอะไรจากฉัน ถ้าจะมีใครต้องการอะไร คงต้องเป็นฉันที่อาจต้องขอคำแนะนำจากคุณ

STORY: HOW OUR RELATIONSHIP WITH MONEY BROKE
TEXT: ALEXANDRA JONES
TRANSLATOR: CHATLINA CHEYJUNYA

Latest Posts

Don't Miss