Q: ทำไม Facial Hair Removal หรือการโกนขนบนใบหน้าจึงได้ผลสำหรับบางคน ที่ทำให้ผิวใสขึ้น แต่งหน้าง่ายขึ้น แต่กับบางคนกลับทำให้ผิวพัง เกิด irritation หรือ inflamation?
A: จริงๆ แล้วการใช้ใบมีดโกนมาโกนขนบนใบหน้า เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่ทำให้เรามีผิวที่เกลี้ยงเกลา ส่งผลให้ผิวภายนอกในองค์รวมดูดี และยังช่วยให้แต่งหน้าได้ง่ายดายยิ่งขึ้น แต่สำหรับผลลัพธ์ที่แตกต่างกันนั้น ต้องบอกก่อนว่า การใช้ใบมีดโกนโกนขนบนใบหน้า ก็ถือเป็นการผลัดเซลล์ผิวหรือ exfoliation รูปแบบหนึ่ง ที่ไม่ได้อ่อนโยนต่อผิวนัก ไม่ต่างจากการแว๊กซ์หรือการใช้สกินแคร์เช่นสครับหรือสกินแคร์ที่มีกรด หากทำบ่อยครั้งจนเกินไป (overexfoliation) ก็จะทำให้ผิวเสียสมดุล ก่อให้เกิดอาการอักเสบหรือระคายเคือง เช่นการแพ้ ผื่นแดง หรือสิวได้โดยง่าย สำหรับใครที่ลองทำแล้วยังไม่เกิดอาการแพ้ นั่นเพราะสมดุลและปราการผิวของคุณยังแข็งแรงอยู่ แต่ถ้าหากทำบ่อยครั้งเข้า ก็มีสิทธิ์ที่จะผิวพังได้เหมือนกัน อาการผิวพังก็ขึ้นอยู่กับระดับความแข็งแรงของผิวแต่ละคนเช่นกัน
ข้อแนะนำที่เราอยากให้ ถ้าเลือกที่จะทำเอง โดยใช้ใบมีดโกนมาโกนขนบนใบหน้า สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงเลยคือความสะอาดของใบมีด ควรเป็นใบมีดที่ใช้แล้วทิ้งในครั้งเดียว รอบในการโกน ไม่ควรโกนบ่อยไปกว่า 2 ครั้งต่อเดือน เพื่อไม่ให้กระทบสมดุลและการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติของผิว และหลังการโกน ควรเลือกใช้สกินแคร์ที่มีส่วนช่วยในการเติมความชุ่มชื้นและความแข็งแรงให้ผิวอย่างเข้มข้น และลดการใช้สครับหรือสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของกรดในการผลัดเซลล์ผิว
อีกหนึ่งวิธีที่อยากจะแนะนำ ก็คือการเข้ารับบริการหัตถการ Laser Hair Removal โดยผู้เชี่ยวชาญ ด้วยเทคโนโลยีที่หลากหลายในปัจจุบัน จะช่วยแก้ปัญหาของแต่ละคนได้อย่างตรงจุด เพราะทั้งจำนวนและขนาดของเส้นขนของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน การโกนขนด้วยตัวเองบ่อยๆ มีสิทธิ์ที่จำทำให้เส้นขนมีขนานใหญ่และเเข็งขึ้นได้ การเลือกใช้หัตถการในรูปแบบของเลเซอร์จึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า และยังได้รับการดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญและมีกำหนดเวลาที่แน่นอนในระยะของการทำและการพักผิว จึงไม่ต้องกังวลในเรื่องของอาการระคายเคือง แพ้ หรืออักเสบของผิวหน้า เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยกำจัดปัญหาขนบนใบหน้าได้ – Kanyawit Chansakul, MD
Dermatologist & Co-founder of Lively Clinic

