เนื่องในโอกาสการเฉลิมฉลองเดือนสตรีสากล Netflix จึงจัดงาน Reflections of Me ที่เชิญชวนให้ผู้หญิงเก่งในวงการสื่อและภาพยนตร์จากหลายประเทศทั่วเอเชียมาพูดคุยถึงโอกาสและประสบการณ์ในการทำงานวงการภาพยนตร์ว่าพวกเธอมีเรื่องราวอะไรที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย ซึ่งแอลก็ได้มีโอกาสเดินทางไปร่วมงานนี้ถึงประเทศอินโดนีเซีย และได้มีโอกาสพูดคุยกับดาราสาวมากฝีมืออย่าง โดนัท-มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล ถึงชีวิตและเส้นทางของเธอในการเป็นผู้หญิงที่ทำงานด้านภาพยนตร์อันเต็มไปด้วยความท้าทายและการก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเองด้วยเช่นเดียวกัน
ELLE: เราเริ่มต้นเส้นทางนี้ด้วยการเป็นนักแสดง พอไปลองทำด้านผู้กำกับถือว่าเป็นเรื่องท้าทายหรือเปล่า?
โดนัท: ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีโอกาสทำด้านกำกับ เพราะเราเป็นนักแสดงมาก่อน แต่ตอนที่เรียนเคยเรียนวิชากำกับ แล้วรู้สึกว่าสนุกมาก รู้สึกดีกว่าตอนแสดงด้วย ไม่มีความกดดัน แต่ก็ไม่ได้คิดจริงจังอะไรค่ะ พอเล่นไปสักพักได้รับแต่บทเดิมๆ เนื้อหาไม่แตกต่างมาก ก็เลยคิดว่าไม่ค่อยสนุกแล้ว เลยลองเปลี่ยนไปทำงานกำกับดูแล้วส่งหนังเข้าประกวดเทศกาลหนังดูบ้าง ไม่ได้รางวัลอะไรเลยแต่ได้ประสบการณ์ค่ะ แล้วก็ได้คุยกับคนหลากหลายประเทศมาก ก็เลยเริ่มคิดว่าหรือเราจะชอบทางนี้จริงๆ เลยทดลองทำไปเรื่อยค่ะ เริ่มจากหนังสั้น มิวสิกวิดีโอ พอมาทำหนังยาวก็มีปัญหาเรื่องงบประมาณต้องออกเองบ้าง ลงทุนไปเป็นล้านเลย (หัวเราะ)
โดนัท: อีกอย่างเราก็ยังใหม่ในวงการนี้เพราะเราถนัดสายโรงละครมากกว่า แต่คิดว่าก็ยังเป็นข้อดีค่ะ เพราะเราก็จะเข้าใจการแสดงให้คนเห็นภาพ ณ ที่ตรงนั้น มันก็จะช่วยเอามาใช้กับการกำกับได้ดี ระหว่างทางก็เริ่มมีสตูดิโอเข้ามาสนับสนุนด้วยค่ะ เลยคิดว่าสิ่งที่ท้าทายก็คงเป็นตัวเราเองนี่แหละ เราเป็นคนที่เรายอมรับในสิ่งที่เราเป็นเพื่อที่จะเรียนรู้กับมัน เพราะฉะนั้นพอเรารู้ว่า โอเค มันยังไม่สำเร็จ มันอาจจะยังไม่ดีพอ ก็ต้องพยายาม แต่จะไม่เก็บเอาเสียงคนรอบข้างมาทำให้กดดัน เรารู้สึกว่า เรารอได้ อย่างตอนก่อนจะมาที่งาน Reflections of Me ภาพสะท้อนของตัวฉัน ก็คุยกับตัวเองนะว่า เฮ้ย มันพักหนึ่งแล้วเนอะที่เราไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ แต่ตอนนี้พร้อมแล้วที่จะลองอีกครั้ง
ELLE: การเป็นนักแสดงหญิงและผู้กำกับหญิงในวงการนี้มีอุปสรรคหรือเงื่อนไขที่จำกัดเราบ้างไหม
โดนัท: บางคนอาจจะคิดว่ามันอาจจะมีความท้าทายมากในการเป็นผู้กำกับหญิง แต่สำหรับโดนัทคิดว่าในไทยยังไม่ได้ปะทะกับเรื่องนี้ขนาดนั้น หรือมันอาจจะมี แต่เราไม่ค่อยได้เจอประสบการณ์นี้เท่าไรค่ะ บางทีอาจจะเจอแต่เราเป็นคนไม่ยอมแพ้ เราสู้มาก แล้วก็พยายาม ทำไม่เป็นก็ต้องพยายาม ส่วนหนึ่งก็รู้สึกว่าไม่ได้เอาเรื่องเพศมาเป็นตัวตั้ง แต่เอาความสามารถมาตั้งมากกว่าว่าเรามีอะไรที่ต้องแก้ไขอีก
ELLE: คิดว่าการมาถึงของสตรีมมิ่งออนไลน์ ถือเป็นการเปิดประตูบานใหม่สำหรับเราหรือเปล่า
โดนัท: สตรีมมิ่งทำให้โลกมันเชื่อมต่อกันง่ายมากขึ้น คอนเทนต์หลากหลายขึ้น คนดูก็จะมีตัวเลือกเพิ่มขึ้นตามไปด้วย อย่างเราเองก็เคยเบื่อกับบทเดิมๆ ที่เคยได้มา แต่พอมีสตรีมมิ่งเข้ามา เราก็ได้บทบาทใหม่ๆ ที่เราไม่เคยทำมาก่อน มันทำให้เรารู้สึกว่าศักยภาพในตัวเรามันไปได้ไกลอีกหลายบทบาท มีอีกหลายบทที่อยากจะลองเล่น
ELLE: สำหรับวงการภาพยนตร์ไทย คิดว่ามีอะไรที่ต้องพัฒนาให้ดีขึ้นหรือคงไว้
โดนัท: ข้อดี ข้อเสียแล้วกันนะคะ โดนัทว่าความเป็นหนังไทยมันมีวิธีการบางอย่างที่เป็นเอกลักษณ์มาก อาจจะเป็นเรื่องภาษาและการแสดงออก ถ้ามองในมุมเอเชียก็คล้ายกันมาก เราแสดงความรู้สึกค่อนข้างเก่งโดยเฉพาะการร้องไห้ คนเอเชียดูชื่นชอบผลงานแนวดราม่า บางทีคิดว่าหนังบางเรื่องในเอเชีย เราดูแล้วก็จินตนาการไม่ออกว่าถ้าเป็นฉบับฝรั่งจะเป็นยังไง ซึ่งข้อดีพวกนี้แหละที่เราไม่ต้องเปลี่ยน ให้คงไว้ สิ่งที่ดีของเราคือความเป็นตัวเรา ส่วนข้อที่ต้องปรับแก้ ก็อาจจะมีเยอะหน่อย สิ่งที่น่าเศร้าก็คือชั่วโมงการทำงานหรือการยึดอาชีพนี้เป็นหลัก มันยังเหนื่อยมากๆ สำหรับคนทำงานทุกๆ ตำแหน่งเลยค่ะ พูดได้เลยนะคะว่าคนไทยเก่งมาก ต่างประเทศมาถ่ายทำที่ไทยบ่อย เพราะเรามีคนเก่ง แรงงานเก่ง แต่ค่าใช้จ่ายที่นี่ไม่แพง เพราะงั้นเราควรจะปรับแก้ไขค่าแรงหรือชั่วโมงการทำงาน เพราะคอนเทนต์เราเดินหน้าแบบมีพัฒนาการ แต่ค่าแรงเราไม่ตามไปด้วย ซึ่งเรามองว่ามันควรพัฒนาไปด้วยกันนะ เราให้ค่าความคิดและการลงแรงค่ะ ถ้าปรับให้ดีขึ้นกับทุกตำแหน่ง อุตสาหกรรมมันก็จะไปข้างหน้าด้วยกันค่ะ
ELLE: เป็นทั้งนักแสดงและผู้กำกับแล้ว มีแพลนที่จะทดลองทำอะไรใหม่ๆ อีกไหม
โดนัท: ช่วงนี้เพิ่งเขียนบทเสร็จ ชื่อเรื่องว่า Grand Canyon ค่ะ เป็นอะไรที่เรารอที่จะทำมันที่สุดแล้ว เพราะถ้าถามว่าอยากทำอะไรมากที่สุดก็คงจะเป็นโปรเจ็กต์นี้ ระหว่างทางมีแวะไปทำอย่างอื่น แต่สิ่งที่อยากให้เป็นจริงและอยู่ในใจตลอดคือสิ่งนี้ หินก้อนนี้เราต้องทำมันให้สำเร็จสิ ยิ่งตอนดูคุณ Michelle Yeoh กับ Ke Huy Quan ตอนรับรางวัลออสการ์เราร้องไห้เลย มันมีคำพูดในสปีชที่กินใจเรามาก ที่เขาว่า “เรื่องราวแบบนี้มันเกิดขึ้นในหนังเท่านั้นแหละ” แต่มันเกิดขึ้นจริงกับเขา มันเป็นอเมริกันดรีม มันไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ยิ่งดูคุณ Michelle Yeoh เราก็จะคิดในใจว่า “Oh, it could be me.” (หัวเราะ) ก็จินตนาการนะ ไม่ต้องวันนี้ก็ได้ แต่โดนัทต้องทำให้หินผาก้อนนี้ไปถึงวันนั้นให้ได้ค่ะ อย่างวันนี้เราได้มางาน Reflections of Me ของ Netflix ที่เล่าเรื่องผู้หญิงโดยผู้หญิง ก็เรียกได้ว่าเป็นการออกจากเซฟโซนของตัวเองเลยนะคะ Netflix จูงมือโดนัทออกมาจากพื้นที่เล็กๆ ของตัวเองหลายรอบเลยค่ะ อย่าง Thai Cave Rescue ถ้ำหลวง: ภารกิจแห่งความหวัง จนมาถึงงานนี้ ทุกอย่างคือการเริ่มต้น เราก็ไม่ได้รีบ เพียงแค่ว่าหินก้อนนี้แหละที่อยากไปให้สุด
ELLE: โดนัทมีผู้หญิงต้นแบบที่เป็น Role Model ให้กับตัวเองหรือเปล่า
โดนัท: (นึกอยู่พักหนึ่ง) เขาเป็นนักแสดงค่ะ Frances McDormand แต่ไม่ได้อยากเป็นตัวตนของเขานะคะ แค่ชอบวิธีการทำงานของเขา เขาคือคนที่เล่น Three Billboards Outside Ebbing, Missouri ที่เป็นหนังเรื่องโปรดของเราค่ะ เขาเข้าชิงออสการ์เกือบทุกปีในแทบๆ จะทุกบทที่เขาเล่น แล้วบทของเขาก็ท้าทายความสามารถตัวเองตลอดเวลาและไม่เคยเหมือนเดิม เก่งมากๆ เลยค่ะ โดนัทอยากแสดงให้ได้แบบนั้น มันคงจะดีมากเลยถ้าเราเก่งเหมือนกันกับเขา ซึ่งถ้าเราไปดูหนังที่เขาเล่น บทบาทจะไม่เหมือนกันเลยแม้แต่เรื่องเดียวค่ะ บางเรื่องก็เป็นตัวละครหลัก บางครั้งก็เป็นบทรอง เล่นเป็นคนดี คนร้าย คนอาจจะจำชื่อเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะเขาเล่นหลากหลายมาก แต่คนจำหน้าเขาได้ และเขาเก่งมากจริงๆ ค่ะ เพราะฉะนั้นแล้วถ้าเป็นเรื่องการแสดงก็อยากจะเป็นแบบเขาค่ะ