จากวันเปิดตัวของ Doctor Cha หรือที่คนไทยเรียกกันว่า ‘หมอชา’ ผลงานผู้กำกับคิมแดจินพร้อมด้วยเหล่านักแสดงมากความสามารถที่สื่อทั้งในเกาหลีและต่างประเทศต่างให้ความสนใจ บ้างก็จั่วหัวว่าเป็นซีรี่ส์แนวคอเมดี้ บ้างก็ว่าเป็นดราม่า แต่จากน้ำจิ้มทีเซอร์ที่ปล่อยออกมา ไม่ว่ากี่คลิปก็จะชูความตลกเป็นหลักอยู่เสมอ โรแมนติกคอเมดี้เคล้าน้ำตาสักเล็กน้อยจึงเป็นคำตอบที่หลายๆ คนคาดเดากัน แต่คำถามสำคัญคือ ถ้าดูจากเรื่องย่อแล้ว เราจะตลกกับประเด็นแบบนี้ได้จริงหรือ?
เรื่องราวของหมอชานั้นเกี่ยวกับ ชาจองซุก (รับบทโดย Uhm Jung Hwa) ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยทิ้งเสื้อกาวน์ และยอมสวมบทบาทหญิงที่ดีตามแบบธรรมเนียมของสังคมเกาหลีด้วยการอุทิศตนให้กับการเป็นภรรยาที่น่ารักของสามี ซออินโฮ (รับบทโดย Kim Byung Chul) , แม่ที่ดีของลูก , ลูกสะใภ้ที่น่าพอใจของแม่ยาย และแม่บ้านที่เพรียบพร้อมของครอบครัวมากว่า 20 ปี กระทั่งเธอได้ล้มป่วยจนผ่านช่วงวินาทีชีวิต ทำให้เธอตระหนักถึงความต้องการลึกๆ ในใจ และตัดสินใจสอบเข้าวงการแพทย์เพื่อกลับไปทำตามความฝันตัวเองอีกครั้งในวัยเกือบ 50 ปี ซึ่งอาจารย์หมอในโรงพยาบาลที่เธอเข้าไปทำงานนั้นก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากสามีของเธอ ชายที่กำลังปกปิดความลับการนอกใจในที่ทำงานครั้งยิ่งใหญ่อยู่นั่นเอง
ทันทีที่อีพีแรกออกอากาศ ในด้านเนื่อเรื่องสุดแสนจะเข้มข้นและฝีมือนักแสดงระดับแถวหน้าก็ไม่ทำให้ผู้ชมผิดหวัง เราได้เห็นความกดดันในฐานะผู้หญิงท่ามกลางสังคมชายเป็นใหญ่และปัญหาที่ค่อยๆ กัดกินชาจองซุกอยู่อย่างชัดเจน แต่ก็มีจังหวะเรียกเสียงฮาที่มักสอดแทรกในฉากของซออินโฮ ทั้งการแสดงสีหน้ากับบุคลิกแบบป้ำๆ เป๋อๆ (ทั้งที่จริงแล้วก็เป็นคนจริงจัง)ของตัวละคร และเสียงเอฟเฟกต์ประกอบตลกๆ ฟีลกู๊ดราวกับดูการ์ตูนแก๊กที่มีอยู่ในแทบทุกอีพีเป็นระยะๆ ซึ่งผู้ชมหลายท่านก็เขียนคอมเมนต์ในเชิงว่า เป็นซีรี่ส์ที่สนุกมาก เรื่องเข้มข้นแล้วยังตลกได้อีก ดูแล้วหัวเราะแน่นอน
แต่ประเด็นที่เป็นข้อถกเถียงต่อมาก็คือ ซีนคอเมดี้พวกนั้นล้วนแล้วแต่เป็นฉากของซออินโฮที่ปฏิบัติตัวไม่ดีต่อภรรยา หรือกำลังสนุกระหว่างอยู่กับหญิงซึ่งเป็นมือที่สามอยู่น่ะสิ!
โดยอีกมุมมองบนสื่อสังคมออนไลน์ต่อซีนเหล่านั้นออกมาในรูปแบบของการเป็นห่วงว่า ประเด็นปัญหาใน Doctor Cha ที่อุตส่าห์เสียดสีสังคมเกาหลีได้อย่างเจ็บแสบนั้นอาจถูกลดทอนไปเป็นเพียงเรื่องบันเทิง อีกทั้งพวกเขายังมองว่า การนอกใจ การถูกหลอก และการถูกกดทับในสังคม ต่างก็เป็นสิ่งที่สร้างบาดแผลอันแสนเจ็บปวดให้ใครหลายคนมากเกินกว่ามองจะเป็นเรื่องตลกได้เช่นกัน
“ดูมาหลายอีพีแล้วยังตลกไม่ออก” “คนเคยโดนจะรู้ว่าไม่ตลกเลย” – ความคิดเห็นจากผู้รับชมซีรี่ส์
ทว่าถ้าหากเราลองวิเคราะห์วิธีการนำเสนอของซีรี่ส์เรื่องนี้ อาจคาดเดาได้ว่าเป็นเรื่องปกติที่ผู้กำกับจะใช้เทคนิกการหยิบยกความซีเรียสมาเล่าผ่านมุกตลก กลายเป็นความตลกร้ายเพื่อทำให้ผู้ชมย่อยง่ายและยังคงดูต่อได้โดยไม่เคร่งเครียดเกินจนกดปิดไปเสียก่อน รวมถึงอาจเป็นการเปิดพื้นที่ให้คนดูได้รู้สึก นำไปคิดต่อ ตีความ หรือถกเถียงกันบนโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ปัญหาจากซีรี่ส์ถูกยกมาพูดถึงในสังคมจริงๆ มากยิ่งขึ้น
“ในซีรี่ส์ทำให้เหมือนเป็นคอมมิกส์ แต่ในชีวิตจริงคงต้องต่อสู้กันหนักหน่วงเลย” – ความคิดเห็นจากกระทู้รีวิวซีรี่ส์บนเว็บไซต์ naver ประเทศเกาหลีใต้ “เนื้อเรื่องดราม่ามาก แต่ทำออกมาแนวคอเมดี้ได้ดี ไม่ได้เครียดจนดูไม่ไหวแต่ก็ทำให้เกลียดสามีได้” – ความคิดเห็นจากผู้ใช้ทวิตเตอร์
อย่างไรก็ดี ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความรู้สึกหลังดูจบในแต่ละตอนเท่านั้น เรายังคงสรุปไม่ได้แน่ชัดว่าการเล่าเรื่องแบบนี้จะทำให้เกิดผลอย่างไรกันแน่ เพราะความคิดเห็นต่างๆ นั้นมากจากรสนิยมและประสบการณ์ชีวิตของผู้ชมแต่ละคน แต่หนึ่งสิ่งที่แฟนๆ ซีรี่ส์เรื่องนี้ล้วนเห็นตรงกันคือ ทุกคนน่าจะลุ้นเอาใจช่วยหมอชาให้ผ่านพ้นช่วงมรสุมนี้ไปมีความสุขได้เสียที และคงต้องติดตามกันต่อไปว่าบทสรุปของ Doctor Cha จะเป็นเช่นไร
Cover Photo Courtesy: JTBC