Friday, October 24, 2025

สีน้ำเงินอันเรียบหรูและทรงพลัง บนนาฬิกาข้อมือคอลเล็กชั่นล่าสุดของ CHANEL J12 BLEU

นอกจากจะอยู่เหนือเทรนด์ความนิยมใหม่ของเรือนเวลาเฉดสีหรูหราและสง่างามที่กำลังได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษในหมู่คนรักนาฬิกาแล้ว CHANEL ยังพา J12 BLEU มาแนะนำตัวในปีนี้ ด้วยความพิเศษของโทนสีและนวัตกรรมวัสดุเซรามิกสีที่ยังไม่เคยมีมาก่อนสำหรับทั้งแบรนด์เองและแม้แต่ในวงการเรือนเวลา โดยตรงกับชื่อที่ J12 BLEU นั้นปรากฏโฉมด้วยสีน้ำเงินลึกล้ำและเรียบหรู ทั้งยังเปี่ยมด้วยพลังเมื่อผสมผสานเข้ากับงานออกแบบต้นตำรับของ J12 

สีน้ำเงินนับเป็นหนึ่งพาเลตสีของแบรนด์มาโดยตลอด ทั้งที่ปรากฏโฉมคู่กับผลงานสร้างสรรค์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นในโลกของแฟชั่น ความงาม และแม้แต่แอ็กเซสเซอรีส์ต่างๆ อย่าง กล่องเครื่องประดับของคอลเล็กชั่นระดับตำนาน Bijoux de Diamants ของปี 1932 ดังนั้น สีน้ำเงินจึงไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับ CHANEL แต่กับเรือนเวลาของแบรนด์แล้วถือเป็นความใหม่แบบแกะกล่องที่น่าจับตามองในปีนี้ ที่เฮาส์ได้เลือกนำสีน้ำเงินทรงเสน่ห์มาตีความใหม่อีกครั้งคู่กับนาฬิกาข้อมือที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร อย่าง J12 และยังเสริมสัมผัสแห่งความทันสมัยใหม่ด้วยทั้งเฉด โทน และสัมผัสของสีพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อรังสรรค์นาฬิกาคอลเล็กชั่น J12 BLEU นี้โดยเฉพาะ

นับเป็นครั้งแรกที่แบรนด์ได้รังสรรค์นาฬิการุ่นไอคอนนิก อย่าง J12 ด้วยรูปโฉมใหม่ภายใต้เซรามิกสีน้ำเงินด้าน ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปีเช่นกัน นับตั้งแต่ที่ J12 เปิดตัวเป็นครั้งแรกในฐานะนาฬิกาปฏิวัติแห่งวงการ กับการประเดิมด้วยผลงานนาฬิกาข้อมือเซรามิกสีดำ ในปี 2020 ก่อนจะตามมาด้วยรุ่นเซรามิกสีขาว ในปี 2003 และสืบทอดเส้นทางแห่งการสร้างสรรค์วัสดุด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาอย่างต่อเนื่องที่สร้างให้คอลเล็กชั่น J12 มีความเข้มแข็งและกลายเป็นหนึ่งในภาพจำของเรือนเวลา CHANEL ได้อย่างดีด้วย “ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา CHANEL ได้ยกระดับเซรามิกให้เป็นวัสดุล้ำค่าดุจอัญมณี” Arnaud Chastaingt ผู้อำนวยการสตูดิโอสร้างสรรค์นาฬิกาของแบรนด์เผย “ศิลปะแห่งเซรามิกจึงนับเป็นหัวใจของการรังสรรค์นาฬิกาของ CHANEL และเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงทักษะความชำนาญการอันเหนือชั้นของเรา วัสดุนี้เปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจและความอัจฉริยะของวิศวกรของเรา ที่เปลี่ยนสิ่งนี้ให้กลายเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด” นั่นไม่เพียงอธิบายถึงความพิเศษและโดดเด่นล้ำค่าของเซรามิก แต่ยังบ่งบอกถึงความคิดสร้างสรรค์ที่พร้อมจะนำพาให้วัสดุก้าวไปอีกหนึ่งขั้นของพัฒนาการเสมอ

เหมือนเช่นผลงานล่าสุดของปีนี้ อย่าง J12 BLEU กับการพัฒนาเซรามิกสีน้ำเงินด้านที่นับเป็นเซรามิกสีใหม่ในรอบ 25 ปีของ J12 เช่นกัน โดย CHANEL Manufacture ต้องใช้เวลาถึง 5 ปีเต็มในการวิจัยและพัฒนาเฉดสีน้ำเงินพิเศษนี้ขึ้นมา และนับเป็นการตอกย้ำถึงความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคการผลิตเซรามิกที่ไม่เหมือนใครของแบรนด์ โดยยังคงไว้ด้วยคุณสมบัติเด่นๆ ทั้งการป้องกันรอยขีดข่วนได้อย่างดีและมีความแข็งแกร่งทนทานสูง ซึ่งเหมาะสำหรับการสวมใส่ในชีวิตประจำวันและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สุดแอคทีฟและหลากหลายของผู้คนยุคสมัยใหม่ได้อย่างดี

“ผมเคยฝันถึงการเติมสีสันให้กับสีดำด้วยประกายของสีน้ำเงิน เฉดสีน้ำเงินที่เราเลือกมานั้นให้ความรู้สึกเหมือนการค้นพบที่สมบูรณ์แบบ” อาร์โนด์ เชสแตงต์ กล่าวต่อ “ผมต้องการสีน้ำเงินที่สง่างามอย่างไร้ที่ติ สีน้ำเงินที่เกือบดำ หรือสีดำที่เกือบจะเป็นสีน้ำเงิน” และนั่นเองคือผลลัพธ์อันสะกดสายตาและกลายเป็นที่พูดถึงอย่างมากในผลงานของ J12 BLEU ซึ่งปรากฏโฉมครั้งแรกภายในงาน Watches and Wonders Geneva 2025 ที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะเผยโฉมในรูปแบบของเซรามิกสีน้ำเงินด้าน แต่ต้องยอมรับเลยว่าผลงานเหล่านี้เปล่งประกายได้อย่างน่าชม และเผยถึงมุมมองใหม่ๆ ให้กับนวัตกรรมวัสดุนี้ได้อย่างดีทีเดียว 

ในคอลเล็กชั่น J12 BLEU สะท้อนถึงความหลากหลายของมิติและเสน่ห์อันลุ่มลึกของเฉดสีน้ำเงินด้านที่ไม่ซ้ำแบบใคร ซึ่งนำเสนอผ่านนาฬิกาข้อมือรุ่นใหม่ทั้งหมด 9 รุ่น แต่ละรุ่นยังเสริมเติมเสน่ห์และความโดดเด่นสะกดสายตาไว้ด้วยลูกเล่นและกิมมิกของอัญมณี รวมถึงการผสมผสานด้วยความสลับซับซ้อนของกลไกจักรกล เพื่อมอบตัวเลือกใหม่ๆ ให้กับผู้ที่หลงใหลในความเที่ยงตรง ความเป็นเลิศและความสวยงามของ J12 โดยบางรุ่นนำเสนอด้วยขอบตัวเรือนประดับเซรามิกสีน้ำเงินด้านทรงบาแกตต์ราวกับตกแต่งด้วยอัญมณี ขณะที่บางรุ่นเสริมความล้ำค่าด้วยมาร์กเกอร์บอกเวลาประดับด้วยแซปไฟร์สีน้ำเงินหรือประดับด้วยเพชร ส่วนการขับเคลื่อนภายใน สำหรับรุ่น J12 BLEU 38 MM และ 42 MM ต่างๆ จะมาพร้อมการทำงานของกลไกจักรกล Caliber 12.1 และรุ่น J12 BLEU 33 MM มาพร้อมกลไกจักรกล Caliber 12.1 ที่อวดความประณีตของกลไกตกแต่งชิ้นส่วนกลไกไว้บนฝาหลังนาฬิกาติดตั้งด้วยกระจกแซปไฟร์ใส และสำหรับรุ่นพิเศษของเวอร์ชั่น J12 BLEU 28 MM ประดับแซปไฟร์สีน้ำเงินจะมาพร้อมการทำงานของกลไกควอตซ์ความเที่ยงตรงสูง

ขณะที่รุ่นสลับซับซ้อน อย่าง J12 BLEU Diamond Tourbillon ยังหลอมรวมไว้ด้วยความล้ำค่าของเพชรน้ำงาม ณ ตรงกลางฟลายอิ้งทูร์บิญอง ทั้งยังเสริมความหรูหราด้วยแซปไฟร์สีน้ำเงินธรรมชาติทรงบาแกตต์ที่ประดับบนขอบตัวเรือนนาฬิกา ส่งท้ายด้วยความน่าหลงใหลแบบเปลือยโปร่ง แต่ยังคงโทนสีน้ำเงินใหม่ตรงกับคอนเซปต์ของคอลเล็กชั่นด้วยรุ่น J12 BLEU X-RAY ที่มีตัวเรือนและสายนาฬิกาโปร่งใสทำจากแซปไฟร์สีน้ำเงินซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากสีสันของท้องทะเลและท้องฟ้าอันโปร่งใส ผสานเข้ากับความล้ำค่าของวัสดุไวต์โกลด์ที่นำมาใช้สำหรับขอบตัวเรือนและข้อกลางสายซึ่งประดับตกแต่งด้วยแซปไฟร์สีน้ำเงินธรรมชาติทรงบาแกตต์คัตได้อย่างลงตัว นับเป็นการตีความของเฉดสีประจำคอลเล็กชั่นภายใต้ความโดดเด่นและล้ำสมัยของเอกลักษณ์แห่งเรือนเวลา X-RAY ที่แบรนด์เลื่องชื่อเช่นกัน นอกจากนี้ยังเปิดโชว์ให้เห็นถึงการทำงานของกลไกจักรกลอันซับซ้อน อย่าง Caliber 3.1 ที่มีสะพานจักรและแท่นเครื่องทำจากแซปไฟร์ใสไร้สีเพื่ออวดหัวใจของเครื่องกลไกที่ดูราวกับลอยอยู่กลางหน้าปัดเรือนเวลาได้อย่างน่าชม 

สำหรับใครที่เฝ้ารอและคอยติดตามวิวัฒนาการก้าวใหม่ๆ ของนาฬิกาข้อมือ J12 มาอย่างต่อเนื่องแล้ว J12 BLEU น่าจะเป็นทั้งของขวัญที่คุ้มค่ากับการรอคอย และยังนับตัวแทนที่หลอมรวมไว้ทั้งเอกลักษณ์ของความคิดสร้างสรรค์ การนักนวัตกรรมและจิตวิญญาณอันเป็นอิสระที่แสดงออกผ่านหนึ่งในเรือนเวลาไอคอนนิกสูงสุดของ CHANEL นี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

Latest Posts

Don't Miss