Thursday, March 27, 2025

ซึมซับความดรามาติกผ่านคอลเล็กชั่นโอตกูตูร์จาก CHANEL หลัง Virginie Viard ประกาศวางมือ

เมื่อพูดถึงปารีสกูตูร์วีก หนึ่งในแบรนด์ที่ถูกกล่าวถึงอยู่ตลอดคงหนีไม่พ้น CHANEL ที่มีสาวกอยู่ทั่วโลก ซึ่งซีซั่นนี้กับโชว์คอลเล็กชั่น Fall/Winter 2024/25 Haute Couture ยังนับเป็นผลงานแรกของแบรนด์ หลัง Virginie Viard ประกาศลาออกจากตำแหน่งอาร์ทิสติกไดเร็กเตอร์ของแบรนด์อีกด้วย โชว์นี้จึงเป็นที่จับตามองเป็นพิเศษว่าผลงานของชาเนลจะออกมาเป็นอย่างไร

ในฤดูกาลนี้ทีม Fashion Creation Studio เลือกปักหมุดหมาย ณ Palais Garnier โรงละครอุปรากรแห่งชาติฝรั่งเศส พร้อมฉายภาพความดรามาติกราวกับเป็นงานแสดงในโอเปร่าเฮ้าส์ผ่านคอลเล็กชั่นเครื่องแต่งกายกว่า 46 ลุค ซึ่งมีทั้งซิลลูเอตตามสไตล์ของชาเนลที่ทุกคนคุ้นเคย หรือรูปแบบเสื้อผ้าที่ทำให้นึกถึงชิ้นงานในอดีตของแบรนด์ พร้อมการผสมผสานกลิ่นอายใหม่ๆ ที่สะท้อนถึงช่วงเปลี่ยนผ่านให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

โดยเทคนิกที่น่าสนใจของโชว์นี้อย่างแรกคือการจับเดรปหรือจับจีบเล็กน้อยให้เป็นเลเยอร์ ที่ปรากฏอยู่บนทั้งเสื้อแขนยาว ช่วงปกคอเสื้อ และเดรสราตรีตลอดหลายลุคบนรันเวย์ หรือการเลือกหยิบเสื้อคลุมเครปยาวที่อลังการมาสวมใส่อีกครั้งในรูปแบบใหม่ เสริมความรู้สึกสง่างามให้กับลุคต่างๆ ตลอดจนการหยิบจับมิกซ์แอนแมตช์ชุดกระโปรงยาวคู่กับกางเกงขายาวซึ่งเป็นส่วนผสมที่ทำให้คอลเล็กชั่นนี้มีความสดใหม่มากยิ่งขึ้น

สำหรับดีเทลที่โดดเด่นของผลงานครั้งนี้ได้แก่การประดับโบว์บนส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสายคาดเอว กระโปรง ตลอดจนทรงผมของโมเดลทุกคน ส่วนงานปักเลื่อมอันประณีตที่ให้ความระยิบระยับก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เสริมความหรูหราบนเสื้อผ้าได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงการนำขนนกมาใช้เพื่อเพิ่มความดรามาติกจากการพลิ้วไหวไปตามจังหวะการเคลื่อนไหวของนางแบบก็เป็นรายละเอียดที่น่าจะประทับใจเหล่าสายแฟเช่นกัน

และแน่นอนว่าสิ่งที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้คือ เอกลักษณ์ของชาเนลอย่างแจ็กเกตและกระโปรงผ้าทวีดก็ยังปรากฏอยู่บนรันเวย์ในหลากสีสันที่เหล่าสาวกคุ้นเคยกันดี อาทิ สีดำ สีขาว สีชมพู และสีม่วง พร้อมการปิดท้ายด้วยชุดแต่งงานที่ดึงดูดสายตาผ่านการเล่นวอลลุ่มทั้งส่วนแขนและกระโปรงยาว รวมไปถึงการตกแต่งช่วงลำตัวด้วยดอกไม้สีขาวก็ทำให้เกิดเท็กซ์เจอร์ที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นลุคที่ปิดฉากโชว์นี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นเคย

สำหรับโชว์ CHANEL Fall/Winter 2024/25 Haute Couture สุดอลังการในครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในจุดเชื่อมต่อที่ทำให้เห็นภาพประวัติศาสตร์ของแบรนด์ที่ผ่านมาได้อย่างงดงาม พร้อมทั้งตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของความเป็นชาเนลที่เหล่าสาวกเชื่อมั่น และจะทำให้คนทั่วโลกจะต้องตั้งตารอการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน

Latest Posts

Don't Miss