Thursday, November 6, 2025

เมื่อสตรีตแวร์หันมาให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ภายใต้แนวคิด ‘สนุกได้แบบไม่ทำร้ายโลก’

หากเราสังเกตวงการสตรีตแวร์ในช่วงปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์อิสระหน้าใหม่ไปจนถึงยักษ์ใหญ่อย่าง Nike และ adidas วงการนี้กำลังพลิกบทบาทของตัวเองจากแฟชั่นที่ ‘เท่แต่เปลือง’ มาเป็น ‘สนุกแต่รักษ์โลก’ พร้อมนิยามใหม่ให้กับคำว่า style with a purpose หรือที่เราเข้าใจกันอย่างง่ายๆ ว่า แฟชั่นจะไม่ใช่เป็นแค่ความเท่หรือความสวยงามเพียงเท่านั้น แต่แฟชั่นยังให้ความสนใจกับความยั่งยืน และความใส่ใจสิ่งแวดล้อมอีกด้วย วันนี้แอลเลยขอรวบรวมหลากหลายแบรนด์ที่หันมาทำแคมเปญ รวมถึงเปลี่ยนรูปแบบการผลิตที่ช่วยลดภาวะโลกร้อน จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย!

Nike

เมื่อ Nike และ Nike SB มุ่งหน้าสู่การพัฒนาแฟชั่นไปพร้อมกับการลดคาร์บอน แบรนด์เลยมุ่งการ ‘Move to Zero’ อย่างการผลิตรองเท้าจากเศษวัสดุเหลือทิ้ง ไปจนถึงการออกคอลเล็กชั่นที่ใช้เส้นใยรีไซเคิลในการผลิต แต่ก่อนจะมี Nike SB หรือรองเท้าเท่ๆ ที่เป็นที่นิยมของกลุ่มคนชอบเล่นสเกตบอร์ด Nike ก็ได้สนับสนุนความยั่งยืนมาตั้งแต่การริเริ่มโครงการช่วงปี 1994 มาก่อนหน้าแล้วกับ Nike Grind โดยเป็นการนำรองเท้าที่ขายไม่ได้มาแปรรูปเป็นอย่างอื่นแทน เช่น ยาง โฟม และผ้า ของเหล่านี้ได้ถูกนำไปใช้อย่างเกิดประโยชน์หลากหลายเช่น สนามเด็กเล่น ไปจนถึงพื้นสนามกีฬา ถือเป็นไอเดียที่ดีเลยทีเดียว!

adidas

อีกหนึ่งแบรนด์ที่ใช้วัสดุรีไซเคิลจากทะเลอย่างขวดพลาสติกมาใช้ในการทำรองเท้า และเสื้อผ้าโดยทางแบรนด์ได้เปิดตัวรองเท้าอย่างรุ่น UltraBOOST Parley ซึ่งเป็นการร่วมมือของแบรนด์กับองค์กร Parley for the Oceans ซึ่งมีเป้าหมายอยากลดปริมาณขยะพลาสติกในมหาสมุทร โดย Parley เองได้นำเอาพลาสติกที่เก็บรวมรวมจากชายฝั่งมาล้างทำความสะอาด ก่อนจะนำมาผลิตเป็นเส้นใยในโปรเจ็กต์นี้ นอกจากจะช่วยลดขยะแล้วยังช่วยชีวิตสัตว์น้ำได้อีกนับไม่ถ้วนเลยล่ะ และแน่นอนว่า adidas ก็ไม่ได้หยุดแค่การทำรองเท้ารุ่นเดียว แต่ยังลดการใช้พลาสติกใหม่อย่างต่อเนื่องมาตลอดทั้งในสินค้าและบรรจุภัณฑ์ โดยแบรนด์ได้ตั้งเป้านี้ไว้ตั้งแต่ปี 2024 มารอดูกันต่อไปได้เลยว่า adidas จะมีนวัตกรรมใหม่ๆ อะไรให้คนรุ่นใหม่ได้ติดตามอีก

Stüssy

สตรีตแบรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่ Gen Z อีกหนึ่งแบรนด์อย่าง Stüssy ก็เข้าร่วมแคมเปญที่ช่วยลดภาวะโลกร้อนด้วยเช่นเดียวกัน รวมถึงการรู้จักตระหนักในการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างการใช้ผ้าฝ้ายออร์แกนิก ไปจนถึงการใช้โพลีเอสเตอร์รีไซเคิลเพื่อช่วยลดขยะโลก และยังมีการ Take-Back-Programs หรือเรียกง่ายๆ ว่าการรับคืนสินค้าจากลูกค้าถ้าไม่ใช้แล้ว อีกทั้งยังมีการคอลาบอเรชั่นร่วมกับแบรนด์อื่นๆ อย่างโปรเจ็กต์ Stüssy กับ Nike หรือแบรนด์อื่นๆ ที่เป็นพันธมิตรกันและมีแนวทางสนับสนุนความร่วมมือเหมือนกัน

PANGAIA

PANGAIA ก็เป็นอีกแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ในตัวเองอย่างการผสมผสานสตรีตแฟชั่นเข้ากับวิทยาศาสตร์ มีการใช้วัสดุธรรมชาติ และมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนอย่างจริงจังเลยทีเดียว โดย PANGAIA มีแคมเปญเด่นๆ มากมายทั้งการสนับสนุนการใช้เสื้อผ้าหมุนเวียน ไปจนถึงแคมเปญดังอย่าง A Portrait of Progress โดยได้ร่วมเฉลิมฉลองให้กับคนที่เปลี่ยนแปลงโลกที่มีบทบาทในการปกป้องสิ่งแวดล้อม หรือแคมเปญอย่าง Tomorrow Tree Fund ที่ PANGAIA ตั้งเป้าจะปลูกต้นไม้ให้ครบ 1 ล้านต้น และไม่เพียงแต่การดูแลต้นไม้เท่านั้น! แต่แบรนด์ยังอนุรักษ์สัตว์อย่างการดูแลประชากรผึ้งด้วยกับแคมเปญ Bee:Wild เพราะแบรนด์เชื่อว่าผึ้งคือส่วนสำคัญของระบบนิเวศนั่นเอง

Patagonia

แม้ Patagonia จะเป็นที่รู้จักและโดดเด่นในชุด Outdoor Wear หรือชุดที่นิยมใช้ในกิจกรรมทะมัดทะแมง แต่ในเวลาต่อมา Patagonia ก็ได้รับความนิยมและมีอิทธิพลในวงการสตรีตแวร์อย่างมาก อีกทั้งแบรนด์ยังคงเป้าหมายของตัวเองไว้ในการรักษ์โลกด้วยการใช้วัสดุรีไซเคิล รวมถึงมีระบบ Worn Wear หรือการนำสินค้าเก่ามารีไซเคิล เพื่อให้ตรงกับความตั้งใจของบริษัทที่ต้องการช่วยให้โลกมีอากาศที่บริสุทธิ์และคาร์บอนเป็นศูนย์ นอกจากนี้ยังมีอีกแคมเปญเด่นที่ท้าทายแบรนด์สุดๆ อย่าง Don’t Buy This Jacket ในปี 2011 โดยถูกจัดขึ้นในช่วง Black Friday ด้วยซ้ำ! แต่นี้ไม่ได้เป็นการโฆษณาให้ ‘ยิ่งเห็นยิ่งซื้อ’ แต่แบรนด์ตั้งใจจัดแคมเปญนี้ขึ้นมาเพื่อให้ชาวชอบช้อปอย่างเรา ตระหนักและให้ความสำคัญถึงของทุกชิ้นก่อนเราจะตัดสินใจซื้อนั่นเอง!

Noah

ถึงจะไม่ค่อยได้ยินในฝั่งเอเชีย แต่นี่คืออีกหนึ่งแบรนด์สัญชาติอเมริกันที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมอย่าง เพราะแบรนด์ Noah ก็ได้ตระหนักเรื่องการช่วยลดภาวะโลกร้อนเช่นกัน โดยแบรนด์ได้แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการเลือกใช้ผ้าฝ้ายออร์แกนิก และผ้าวูลที่ได้รับการรับรองจากองค์กรอนุรักษ์ โดยรายได้ส่วนหนึ่งประจำคอลเล็กชั่นต่างๆ จะถูกบริจาคให้กับโครงการที่สนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ซึ่งแบรนด์ก็เคยจัดแคมเปญเด่นๆ อย่าง The Window at Noah เป็นแคมเปญที่ผสมผสานศิลปะไปพร้อมๆ กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยจัดเป็นรูปแบบการจัดงานศิลปะที่สะท้อนประเด็นสังคม และภายในงานก็ได้มีการขายเสื้อยืดที่เน้นวัสดุธรรมชาติเป็นหลัก และนำรายได่ไปบริจาคให้กับองค์กรทางสิ่งแวดล้อม

และนี่คือส่วนหนึ่งของแบรนด์ที่ลุกขึ้นมาสนับสนุนความยั่งยืนในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ก่อนหน้านี้ก็ยังมีอีกหลากหลายแบรนด์ที่พยายามสร้างความยั่งยืนอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา อย่าง Toms ที่ช่วยเหลือสังคมด้วยการซื้อหนึ่งให้หนึ่งหรือหลังจากที่เราซื้อรองเท้าหนึ่งคู่จะได้ช่วยบริจาคให้คนอื่นด้วย สัญญาณเล็กๆ เหล่านี้แหละที่จะประกอบร่างให้ตลาดแฟชั่นที่นอกจะใส่แล้วเก๋ แต่ในอนาคตอันใกล้นี้มันจะเท่แถมยังช่วยโลกได้อีกด้วย!

Latest Posts

Don't Miss