ชวนทุกคนมาสัมผัสความเย้ายวนผ่านการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลไปพร้อมกับ Hermès อีกครั้งในบรรยากาศเมฆฝนปารีเซียง ที่ Garde Républicaine สถานที่ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันแสนเก่าแก่ โดยได้ถูกถ่ายทอดผ่านคอลเล็กชั่นที่ดึงความเป็น Hermès ออกมาผ่านโทนสีธรรมชาติแต่สะดุดตาอย่าง ไม้มะเกลือ ดอกดาวเรือง ทับทิม รวมไปถึงสีของกวางมอส มารังสรรค์อยู่บนพื้นผิวของร่างกาย เสื้อผ้าชิ้นเด่นในรูปแบบต่างๆ รวมไปถึงกระเป๋า วันนี้แอลเลยจะขอรวบรวมความโดดเด่นภายใต้คอลเล็กชั่นอันเป็นเอกลักษณ์ของเมซงนี้มาให้เพื่อนๆ ได้ทำความรู้จักกับ 5 เรื่องที่น่าสนใจ ว่าจะมีอะไรบ้าง? มาติดตามกันเลย
Equestrian Palette
Garde Républicaine ศูนย์ฝึกม้าของกองกำลังป้องกันแห่งชาติฝรั่งเศส แทบจะเป็นศูนย์กลางจัดแฟชั่นโชว์ของ Hermès ที่ยกมาจัดหลายซีซั่นเหลือเกิน เพราะประวัติศาสตร์ของเมซงที่มีรากฐานจากการทำอุปกรณ์ขี่ม้าเป็นตัวผูกเรื่องกับทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นกับเมซงแห่งนี้ และในฤดูกาลใหม่นี้ใช้ฉากแคนวาสโปร่งขาวมากั้นพื้นที่โล่งกว้างให้กลายเป็นเขาวงกตเข้ากับธีม ‘Inside the Workshop’ ที่บอกใบ้ถึงสกิลงานคราฟต์ของเมซง ปูพื้นด้วยพรมสีประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2025: สีกุหลาบบูเกนวิลเลียที่ออกชมพูปนแดงแซมม่วงก่ำ นับว่าเป็นสีฉ่ำสดที่สุดจากเมซงนี้ในรอบหลายปี ร่วมด้วยสีธรรมชาติโทนอบอุ่นอย่างเขียวบรอนซ์ น้ำตาลอีโบนี (ไม้มะเกลือ) ไปจนถึงสีนวลนัตเม็ก (สีจันทน์เทศ) ซึ่งความเสถียรในดีไซน์และพาเลตต์สีในแบบ ‘Hermès-esque’ โกยข้อดีไปเต็มๆ คือไม่ทำให้แฟนๆ ของเมซงเหนื่อยกับการวิ่งตามเทรนด์ และทำให้เมซงอยู่เหนือเทรนด์เสมอมา
Quiet Sensuality
ความต่อเนื่องของดีไซน์จนมีดีเอ็นเอที่ชัดเจนทำให้ Hermès เป็นแบรนด์จำนวนน้อยที่ยอดขายเติบโตขึ้นเป็นระดับเลข 2หลักท่ามกลางความโรยราของตลาดลักชัวรี่ นับเป็นที่ทางชวนชิลสำหรับคนเป็นครีเอทีฟ ไดเร็กเตอร์ ทว่าในปีที่ 11 ของ Nadège Vanhée ที่ Hermès เธอไม่รอให้นาฬิกาเสียแล้วค่อยซ่อม คอลเล็กชั่นหลังๆ กลับยิ่งทะเยอทะยานใส่งานฝีมือไม่ยั้ง ล่าสุดพาแบรนด์ที่เป็นหัวขบวน Quiet Luxury อย่าง Hermès ขยายพรมแดนไปพื้นที่ใหม่ที่ยังอยู่ในเค้าโครงคลาสสิก แต่เปลี่ยนวัสดุให้โปร่งบาง และเติมซิปเข้าไปให้เพิ่ม-ลดดีกรีความเซ็กซี่ได้ตามชอบ อาทิ กระโปรงทรงสอบเนื้อบาง กางเกงขายาวผ้าตาข่าย หรือชุดกระโปรงรูดซิปหน้าได้ทั้งตัว ฯลฯ กลายเป็นสุนทรียะใหม่ ‘ความเย้ายวนเงียบ’ ที่ทำนายได้เลยว่าจะทำให้ Hermès วัย 187 ปีเข้าไปในนั่งในใจเจนซีที่ก่อนหน้านี้โดนตกด้วยสไตล์ Quiet Luxury ไปแล้ว
Sporty Lingerie
บราเลตต์ เกาะอก อันเดอร์แวร์ เหล่าชิ้นในที่ Hermès ยังใส่ไว้ข้างในตามเดิม แต่แพลมออกมาจากขอบกางเกงเดนิม กระโปรงทรงดินสอ หรือใต้แจ็กเกตหนัง นับเป็นสะพานใหม่ที่เมซงเครื่องหนังม้าเชื่อมต่อกับเทรนด์สปอร์ตแวร์และแอ็กทีฟแวร์ที่ไม่จางหายไปง่ายๆ แต่กลับจะยิ่งเห็นมากขึ้นจากความตื่นตัวเรื่องสุขภาพของผู้คนยุคหลังโควิด
ขณะเดียวกันสปอร์ตบราเหล่านี้กลายเป็นยูนิฟอร์มใหม่ของคนทำงานไปแล้ว ดังนั้น ชื่อคอลเล็กชั่น S/S 25 ‘Inside the Workshop’ จึงไม่จำเป็นต้องหมายถึงเวิร์กช็อปของช่างฝีมือเสมอไป แต่เป็นพื้นที่ของคนที่อยากทำงานแบบสบายตัวด้วยเสื้อผ้าที่เป็นเหมือนผิวหนังที่ 2 ก็ได้เช่นกัน
Inside Out 3
ความกล้าเล่นกับชิ้นคลาสสิกของเมซงนับวันจะยิ่งเห็นมากขึ้นทุกที และชัดเจนที่สุดกับ Birkin à l’envers หรือเบอร์กิ้นกลับด้าน รุ่นใหม่ล่ามาแรงที่โดนตลบเอาด้านในกระเป๋า Birkin ออกมาไว้ข้างนอก กลายเป็นการตีความใหม่ของ it bag ระดับตำนานที่เรียบง่ายแต่นึกไม่ถึง และน่าจะกลายเป็นรุ่นสะสมอีกเช่นเคย เช่นเดียวกับกระเป๋าเปิดตัวใหม่ในฤดูกาลนี้ ไม่ว่าจะเป็น JPG Birkin, Cabas Corricolo, Cabas Tressage, Minaudière Sanglons, Panier Tressage และ Sac Cliquetis
Silk-to-Wear
ซิลก์นุ่มเบาลายชัดไป 100 ปีอันเลื่องชื่อของ Hermès กลับขึ้นรันเวย์อีกครั้ง แต่ไม่ใช่ในรูปแบบเก่าที่เราคาดเดาได้อย่าง Le carré หรือผ้าพันคอ แต่ใช้เท็กซ์เจอร์นุ่มเบาของซิลก์มาต่อยอดให้เข้ากับฤดูกาล ด้วยการจับมาทำเป็นรอมเปอร์และเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลเชสต์นัตพิมพ์ลายชัดแจ่มที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบล็อกสกรีนและการสกรีนลายแบบดั้งเดิม อันเป็นเทคนิคเฉพาะตัวที่เมซงสั่งสมและพัฒนาขึ้นมาตั้งแต่ปี 1937 จนทุกวันนี้มีมากกว่า 2,000 ลายเข้าไปแล้ว ใครจะไปนึกว่าลายที่ 2,000++ จะเป็นซิลก์ทูแวร์ ผ้าไหมพร้อมใส่ที่เป็นมากกว่าผ้าพันคอแบบเดิมๆ
TEXT: SUPHAKDIPA POOLSAP