หลังจากภาพยนตร์ Poor Things ซิวรางวัลสูงสุดที่ Golden Lion ในเวนิซ ตามด้วยรางวัลภาพยนตร์แนวมิวสิคัลหรือคอเมดี้ยอดเยี่ยม รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมบนเวที Golden Globes และล่าสุดกับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมบนเวที BAFTA 2024 ทำให้นักแสดงสาวชาวอเมริกันวัย 36 อย่างเอ็มม่า สโตน พิสูจน์ความสามารถของตัวเองได้ถึงขีดสุดอีกครั้ง
สำหรับเรื่องราวพิลึกพิลั่นเรื่องนี้ดัดแปลงจากนิยายของนักเขียนสก็อต Alasdair Gray อิงเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับ Frankenstein แต่ต่างกันตรงที่สิ่งที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาคือหญิงสาวและเหล่าชายหนุ่มรายล้อม ร่วมเหตุการณ์อลหม่านของเหล่า ‘Poor Things’ ด้วยผู้สร้างชาวกรีกอย่างยอร์กอส ลานธิมอส ผู้เคยทำให้เรื่อง‘The Lobster’ นำโดย Colin Farrell และ ‘The Favourite’ นำโดย Olivia Colman กลายเป็นภาพยนตร์แหกขนบและผู้คนต่างยกย่อง
โดยเลือกดำเนินเรื่องให้นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องคืนชีวิตหญิงสาวนามว่า Bella ด้วยการปลูกถ่ายสมองทารกในครรภ์ที่เพิ่งเสียชีวิตของเธอเข้าไปยึดสมองแทนที่ สเต็ปของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่พร้อมการเรียนรู้เรื่องราวแหวกๆ รอบตัวและเซ็กซ์เร่าร้อน ด้วยความคิดที่จะสลัดการตัดสินจากสังคม เบลล่า ซึ่งรับบทโดยเอ็มม่า สโตน มองหญิงและชายว่าเท่าเทียมกัน ยอร์กอสถ่ายทอดมู้ดของภาพยนตร์ตามแบบฉบับอิตาเลียนอย่างของเฟลลินี ผสมปนเปความจริงความฝัน ความเซอร์เรียลเข้าไว้ด้วยกัน จากช่วงวัยเด็กของเบลล่าจะเป็นสีขาว-ดำ ส่วนช่วงการเดินทางไปอียิปต์ โปรตุเกส และฝรั่งเศส เป็นสีสันหลากหลายแบบคาไลโดสโคป
ELLE: ยอร์กอส ลานธิมอส เสนอโปรเจ็กต์เรื่องนี้กับคุณตอนไหน?
EMMA STONE: หลังจากถ่ายทำเรื่อง ‘The Favourite’ เสร็จเลยค่ะ เขาบอกกับฉันตอนเราร่วมดินเนอร์กันว่ากำลังอ่านศึกษานิยายยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งอยู่ เล่าให้ฟังถึงตัวละครที่ชื่อเบลล่า พอฟังเสร็จฉันก็ตกหลุมรักเธอขึ้นมาทันที และอยากเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์นี้ ในฐานะนักแสดง บทนี้เป็นเหมือนฝันเลยค่ะ ช่วงขั้นตอนเขียนบทของเรื่องนี้ใช้เวลาถึง 2 ปีเลยละ
ELLE: เบลล่า เป็นตัวละครที่ไม่ใช่แบบธรรมดาทั่วไป ทั้งยังปรากฏอยู่ตลอดทั้งเรื่อง คุณกลัวที่ต้องแบกรับบทบาทนี้บ้างมั้ย?
EMMA STONE: ตอนนี้ก็ 20 ปีแล้วที่ฉันยึดอาชีพนักแสดง เวลาที่เกิดความกลัวก็นับเป็นสัญญาณที่ดีค่ะ ยอมรับเลยว่ากลัวที่ต้องออกจากคอมฟอร์ตโซนของตัวเอง แต่การได้ทำงานกับยอร์กอสที่ฉันไว้วางใจเต็มร้อยเลยทำให้รู้ว่าไม่มีอะไรต้องกลัว แน่นอนล่ะว่าฉันไม่เคยเล่นฉากเซ็กซ์มากขนาดนี้ ที่อเมริกาเราไม่ชินกับอะไรแบบนี้ คุณจะเห็นว่าในภาพยนตร์ ตัวเบลล่าเรียนรู้ประสบการณ์ทางเพศด้วยความสนใจใคร่รู้แบบไร้เดียงสาจริงๆ เธอเลยไม่มีความละอายหรือคอยมาตัดสินถูกผิด ต่างจากธรรมเนียมทางสังคมที่เรื่องพรรค์นี้ดูเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับผู้หญิง เธอจึงเหมือนเป็นตัวแทนของตัวละครหญิงยุคใหม่ การได้สวมบทบาทตัวละครที่กำลังเรียนรู้ในรูปแบบนี้ถือว่าท้าทายสำหรับฉันที่สุด
ELLE: การซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเองของตัวละครดึงดูดใจคุณมากใช่มั้ย?
EMMA STONE: สำหรับฉันเบลล่าซื่อสัตย์สุดๆ เลยละ! ทั้งกับตัวเองและคนรอบข้าง ตรงไปตรงมาแบบโนฟิลเตอร์ โพล่งพูดในสิ่งที่คิดอยู่ตลอด ฉันชอบมุมเด็กน้อยในการโอบรับทุกสิ่งบนโลกของเธอนะ
ELLE: ยอร์กอส ลานธิมอส ดูเหมือนไม่อ่อนโยนกับบุรุษเพศเลย
EMMA STONE: ถ้าหมายถึงนักวิทยาศาสตร์ที่สร้างเบลล่าขึ้นมา หรือคู่หมั้นที่พาเธอท่องโลก มันก็จริงค่ะที่ยอร์กอสพยายามใส่แง่มุมขบขันเสียดสีลงไปในตัวละครเหล่านั้น เราจะเห็นถึงส่วนแย่ๆ ทำตัวไม่สมวัย หลงตัวเอง ทำตัวอยู่เหนือสตรีเพศราวกับว่าพวกเธอต่ำต้อยกว่า ยอร์กอสเลือกที่จะอยู่ข้างเบลล่าค่ะ มันเป็นวิธีการที่เขาจะสื่อสารให้คนดูเข้าใจและรักตัวละครตัวนี้
ELLE: เรื่องเปิดด้วยซีนเด็กอ่อนในร่างหญิงสาว ซึ่งคุณต้องเล่นเปียโน คุณสื่อสารการแสดงซีนนั้นออกมายังไง?
EMMA STONE: ฉันขอเรียกว่าเป็น ‘เด็กในร่างผู้ใหญ่’ แล้วกันนะคะ แล้วฉันต้องเล่นเปียโนโดยใช้เท้า! มันยากสุดๆ ยิ่งถ้าเป็นฉากเปิดของเรื่องและเราเลือกถ่ายทำกันโดยเรียงตามลำดับปกติของภาพยนตร์ เลยเป็นประสบการณ์ที่ใหม่มาก ฉันรู้สึกกดดันเหมือนมีภาระอยู่เต็มบ่า หลังจากเตรียมทำการบ้านโดยพูดคุยกันถึงตัวละครและการดำเนินเรื่องทั้งหมดกับยอร์กอส ฉันก็พยายามดำดิ่งลงไปเป็นตัวละครโดยที่จะมีข้อผิดพลาดไม่ได้เลย แต่โดยทั่วไปแล้วการถ่ายทำซีนแรกๆ มักจะยากที่สุดอยู่แล้วค่ะ
ELLE: บทเบลล่าทำให้คุณเป็นนักแสดงที่ดีขึ้นหรือไม่
EMMA STONE: นักแสดงที่ดีขึ้นน่ะเหรอคะ ว่ากันตามจริงแล้วฉันไม่กล้าพูดเองหรอกค่ะ (หัวเราะ) ฉันอยากจะทลายขีดจำกัดของตัวเอง แล้วมันก็คงเป็นเรื่องดีที่สามารถทำแบบนั้นได้
ELLE: คุณคาดหวังความสำเร็จที่ออสการ์มั้ย? ตอนเรื่อง ‘The Favourite’ ยอร์กอส ลานธิมอส ทำให้โอลิเวีย โคลแมน ได้รางวัลมาแล้วเมื่อปี 2019 นะ
EMMA STONE: ถ้าได้เสนอชื่อเข้าชิงก็จะเยี่ยมมากเลยละค่ะ เราได้มาแล้ว 7 รางวัลที่เวทีลูกโลกทองคำ เลยมีลุ้นอยู่เหมือนกัน ตอนงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่เวนิซ ฉันสนับสนุนการประท้วงเรียกร้องของสหพันธ์นักแสดงเลยไม่ได้ไปที่นั่น ดีที่เรื่อง‘Poor Things’ ได้ฉาย ซึ่งสำหรับฉันและยอร์กอสมันก็เป็นสิ่งตอบแทนที่คุ้มค่ามากแล้ว