Friday, October 24, 2025

หนึ่งในสิ่งที่ไม่มีวันแก่ คือวัสดุแฟชั่นที่นำมารีไซเคิลผ่าน Nevold แพลตฟอร์มใหม่ของ CHANEL

Nevold คำที่ย่นย่อมาจาก ‘never old’ ไม่ใช่เพลงเพื่อชีวิต แคมเปญการตลาด หรือคำฮิตติดหูใหม่ แต่เป็น Nevold หน่วยงานภายใต้อาณาจักร CHANEL ที่เกิดมาเพื่อภารกิจทำแฟชั่นให้ยั่งยืนยิ่งขึ้น ไม่เฉพาะเพียงแบรนด์ผู้ให้กำเนิดเท่านั้น แต่มุ่งหมายทั้งอุตสาหกรรมแฟชั่น โดย Nevold ทำหน้าที่พัฒนาวัสดุรีไซเคิลให้ใช้งานอย่างแพร่หลายและมีมูลค่าเชิงพาณิชย์ ไม่ใช่แค่เพียงวัสดุนวัตกรรมสุดเจ๋งแต่แพงจริงจึงได้แต่อยู่ในห้องแล็บ อันเป็นกลยุทธ์ปรับตัวรับสถานการณ์เส้นใยธรรมชาติคุณภาพดีที่นับวันจะยิ่งหายากเย็น

อันที่จริง Nevold เดินเครื่องทำงานใกล้ชิดกับแผนกแฟชั่นและอาเตอลิเยร์ Métiers d’Art ที่ CHANEL มาได้หลายปี หากแต่พัฒนาวัสดุรีไซเคิลเพื่อใช้งานภายในแบรนด์เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นผ้าทวีดสุดไอคอนิกที่ถักทอเส้นใยรีไซเคิลเข้าไปด้วย หรือใช้วัสดุรีไซเคิลแทนที่สารเสริมแรงในพลาสติกที่ใช้เป็นส่วนประกอบในรองเท้า รวมไปถึงนำเศษหนังเหลือจากการผลิตกระเป๋ามาผ่านกระบวนการให้นำกลับไปใช้งานใหม่ 

Nevold เปรียบได้กับจิ๊กซอว์ที่ขาดหายไปใน CHANEL ด้วยเพราะเมซงไม่มีนโยบายทำลายสินค้าที่ขายไม่ได้ อีกทั้งยังไม่มีระบบจัดการวัสดุค้างสต๊อกที่ไปไม่ถึงขั้นได้เป็นไอเท็มแฟชั่น หรือวัสดุที่สิ้นอายุขัย ‘ชีวิตแรก’ ของมันไปแล้ว ดังนั้น Nevold จึงตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้ให้กับ CHANEL และกับแบรนด์ร่วมอุตสาหกรรมแฟชั่น

หน่วยงานใหม่ล่าสุดของ CHANEL อยู่ภายใต้การบริหารของ Sophie Brocart วิศวกรหญิงซึ่งเป็นซีอีโอผู้คืนชีวิตใหม่ให้แฟชั่นเฮาส์เก่าแก่ของฝรั่งเศสอย่าง Patou ร่วมกับผู้ผลิตเส้นใยในฝรั่งเศส Filatures du Parc ผู้พัฒนาวัสดุนวัตกรรม Authentic Material รวมถึงสถาบันการศึกษาชั้นนำ อาทิ University of Cambridge และ Politecnico di Milano มาร่วมกันผลักดัน Nevold ให้เป็นแพลตฟอร์มรีไซเคิลสำหรับทุกแบรนด์ เพราะแม้ CHANEL จะทำยอดขายระดับหมื่นล้านยูโรต่อปี หากในแง่ความคุ้มทุนแล้ว แบรนด์เดียวถือว่ายังเล็กไปที่ Nevold จะอยู่ได้อย่างยั่งยืน  

ไม่เพียงส่งผลด้านความยั่งยืน แพลตฟอร์มพัฒนาวัสดุรีไซเคิลนี้ยังเป็นการหงายไพ่ปรับตัวของอุตสาหกรรมลักชัวรี่ท่ามกลางยอดขายที่ลดลงไปตามๆ กันอันเนื่องมาจากผู้บริโภครุ่นใหม่คาดหวังให้แบรนด์ต่างๆ ทำเรื่องความยั่งยืนอย่างจริงจังและจริงใจกว่านี้ได้อีก จึงเป็นโอกาสที่ Nevold จะยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว คือช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและปกปักงานฝีมือไปในคราวเดียวกัน

แม้นักวิจารณ์จะนำเสนอข้อมูลว่าโมเดลธุรกิจแบบเศรษฐกิจหมุนเวียนและการรีไซเคิลนั้นช่วยลดรอยเท้าคาร์บอนที่อุตสาหกรรมแฟชั่นเป็นผู้ก่อได้เล็กน้อย ตราบใดที่แบรนด์ส่วนใหญ่ยังผลิตมากเกินความต้องการอยู่ดี ดังนั้นหมากทุกตัวบนกระดานจึงต้องทำงานสอดประสานกัน โดยไม่หวังผลว่า Nevold จะแก้ปัญหาให้แล้ว ทุกแบรนด์ทำงานเหมือนเดิมต่อไปสบายใจได้ แต่นโยบายการผลิตของแบรนด์ต่างๆ ต้องเปลี่ยนไปด้วย

แต่สิ่งหนึ่งที่ Nevold ช่วยได้แน่ๆ คือวิกฤตวัสดุสิ่งทอ โดยวัสดุธรรมชาติทั้งห้า ได้แก่ ฝ้าย วูล แคชเมียร์ ไหม และหนัง คิดเป็น 80% ของวัตถุดิบที่ CHANEL ใช้นั้นล้วนแต่ได้มายากขึ้นจากผลผลิตที่ลดลง หรือลดน้อยไปตามปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม การสอบทานแหล่งที่มาที่มีข้อจำกัดและความตึงเครียดจากภูมิรัฐศาสตร์ ทว่า Nevold ไม่ได้พยายามมาทดแทนสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้ แต่มองหาทางเลือกอื่นๆ ในระยะยาว และไม่ใช่ให้รอดไปได้ในฤดูกาลถัดไป แต่เพื่อชีวิตรอดของคนรุ่นต่อๆ ไปต่างหาก

สิ่งที่ Nevold ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อก็คือ การพัฒนาวัตถุดิบไฮบริดที่ผสมผสานองค์ประกอบรีไซเคิลและธรรมชาติเข้าด้วยกัน ซึ่งต้องได้มาตรฐานของสินค้าลักชัวรี่ด้วย เช่น ทวีดที่ทำจากเส้นใยรีไซเคิลได้ไปเฉิดฉายอย่างแยกไม่ออกแล้วในคอลเล็กชั่น Fall/Winter 2025 เช่นเดียวกับเศษหนังที่กลายเป็นชิ้นส่วนทำกระเป๋าและรองเท้าสุดหรูที่เราคุ้นเคย แต่ไม่รู้เลยว่าองค์ประกอบ 50% คือวัสดุรีไซเคิล เช่น ส้นรองเท้าสลิงแบ็กสุดไอคอนนิกที่อยู่คู่เมซงมาหลายทศวรรษ วันนี้ไม่ได้ทำจากพลาสติกอีกต่อไปแล้ว 

CHANEL ไม่ได้กำหนดเป้าหมายตายตัวว่า Nevold ต้องพัฒนาวัสดุรีไซเคิลมาใช้งานในคอลเล็กชั่นได้กี่เปอร์เซ็นต์ แต่ปักหมุดไว้ที่การคิดค้นนวัตกรรมและองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่ต่อยอดไปได้อย่างไม่สิ้นสุดมากกว่า เพราะหากไม่ทำ Nevold ตั้งแต่วันนี้ ก็จะไม่มีทางพร้อมในวันพรุ่ง ซึ่งอาจเจอสึนามิแห่งความเปลี่ยนแปลงลูกใหม่พัดสาดใส่อุตสาหกรรมลักชัวรี่ก็เป็นได้  

TEXT: SUPHAKDIPA POOLSAP

Latest Posts

Don't Miss