Saturday, October 11, 2025

คอลเล็กชั่น Cruise 2026 กับเรื่องราวที่ถูกเล่าผ่าน 4 จุดหมายปลายทาง

เมื่อแบรนด์แฟชั่นระดับโลกพาเราท่องจักรวาลแห่งแรงบันดาลใจ ผ่านเส้นทางของอดีต ปัจจุบัน อนาคต เเละแม้คำว่า Cruise คอลเล็กชั่นจะเคยเป็นแค่เสื้อผ้าสำหรับฤดูกาลท่องเที่ยวของชนชั้นสูง แต่ปัจจุบันมันคือเวทีสำหรับแบรนด์แฟชั่นระดับโลกในการทบทวนรากเหง้า ท้าทายขนบ การสร้างบทสนทนาใหม่ผ่านเสื้อผ้าในแต่ละชิ้น เรื่องเล่าของโลเคชั่น ศิลปะ และมุมมองต่อความเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ อย่าง CHANEL, Gucci, Louis Vuitton และ Dior ต่างเลือกฉากหลังที่เต็มไปด้วยบริบท สถาปัตยกรรม, วิลล่าโรมัน เเละปราสาทยุคกลาง เพื่อส่งสารผ่านงานออกแบบที่มากกว่าแค่ ‘สวยงาม’ Cruise ปีนี้ไม่ได้พาเราไปแค่ที่ใหม่ๆ แต่มันพาเรากลับไปสู่คำถามเดิมที่ยังต้องการคำตอบว่าเราจะเดินทางอย่างไร โดยไม่ลืมว่าเราเป็นใคร

#1 WHY FASHION STILL NEEDS CRUISE

แฟชั่นไม่เคยหยุดเดินทาง แล้วทำไมแบรนด์ระดับโลกถึงต้องมี Cruise อยู่ทุกปี? Cruise Collection อาจดูเหมือนแค่คอลเล็กชั่นเสริมระหว่างฤดูกาลหลัก แต่จริงๆ แล้วมันคือหนึ่งในหมากสำคัญของแบรนด์ระดับโลกที่ใช้ต่อยอดความคิด ขยายอิทธิพล และตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงยุคใหม่ที่ไม่เดินตามตารางเวลาแบบเดิม

ในทางหนึ่ง Cruise เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ผู้ที่ไม่ใช้ชีวิตตามฤดูกาลทั่วไป แต่เดินทางตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะหนีหนาวไปเขตร้อน หรือล่องเรือในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และต้องการเสื้อผ้าที่ ‘พร้อมใช้งาน’ ในทุกสถานการณ์โดยไม่ลดทอนความหรูหราและบุคลิกของแบรนด์ อีกด้านหนึ่ง Cruise คือพื้นที่ปลอดภัยของครีเอทีฟไดเรกเตอร์ในการทดลองและเล่าเรื่องที่อาจไม่เหมาะจะใส่ไว้ในคอลเล็กชั่นหลัก เสื้อผ้าจาก Cruise จึงมักสะท้อนอารมณ์เฉพาะทาง มีความเป็นศิลปะสูง และเต็มไปด้วย ‘ความเป็นตัวของตัวเอง’ ของแบรนด์มากกว่าคอลเล็กชั่นอื่นใด Cruise จึงไม่ใช่คอลเล็กชันเสริม แต่คือการขยายอาณาจักรของแบรนด์ผ่านแฟชั่นที่กำลังเดินทาง ทั้งทางกายภาพและทางความคิด

#2 CHANEL LOVE LETTER IN VILLA D’ESTE

ท่ามกลางฉากหลังของ Villa d’Este โรงแรมริมทะเลสาบโคโม ประเทศอิตาลี สะท้อนวิถีชีวิตของสาวยุคใหม่ ณ สถานที่พักผ่อนอันแสนโรแมนติกที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แบบโรงแรมหรู กลิ่นอายจากธรรมชาติ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบครั้งนี้ คอลเล็กชั่นนี้เปรียบเสมือนการพักผ่อนในฤดูร้อนที่เต็มไปด้วยความเบาสบายและความเย้ายวนใจ

แต่ความคลาสสิกนี้ยังถูกตีความใหม่ให้ร่วมสมัยและสนุกสนานขึ้น ด้วยแรงบันดาลใจจากดนตรีเต้นรำและดิสโก้ยุคเก่า ทั้งกางเกงผ้าทวีดน้ำหนักเบาปักเลื่อม เสื้อท่อนบนสีทองเมทัลลิกไปจนถึงจัมพ์สูทเปิดหลังในโทนชมพูส้มสุดแกลม ลุคที่เรียบหรูแต่ทรงพลังเหล่านี้ คือภาพจำใหม่ของหญิงสาว CHANEL ในยุคนี้ กลิ่นอายของค่ำคืนริมทะเลสาบโคโมก็ถูกถ่ายทอดผ่านเดรสผ้าแท็ฟเฟ็ตต้าแขนพอง และเสื้อคลุมซีทรูที่เคลื่อนไหวไปตามสายลมยามเย็น เติมเต็มจินตนาการด้วยแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ของ Luchino Visconti ผสานแฟชั่นเข้ากับเรื่องราวแห่งศิลปะและความโรแมนติกได้อย่างลงตัว

ทั้งหมดนี้คือบรรยากาศของความ nonchalance ที่ผสมผสานความเย้ายวนและความผ่อนคลายได้อย่างมีเสน่ห์ คอลเล็กชั่น Cruise 2025/26 เป็นการรวมความสบาย ที่แฝงความหรู และเสน่ห์แบบยุโรปไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ไม่ว่าจะไปเที่ยวทะเล ดินเนอร์กับคนพิเศษ หรือเดินเล่นชิลๆ ริมสวนก็สวยทุกองศา สะท้อนความงามเหนือกาลเวลาที่เป็นหัวใจของ CHANEL เสมอมา

#3 GUCCI IS FLORENCE, FLORENCE IS GUCCI

ก่อนที่ยุคใหม่ของ Gucci จะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่กี่เดือน ทีมสตูดิโอของแบรนด์ก็ได้หวนคืนกลับสู่จุดกำเนิดของแบรนด์ที่เมืองฟลอเรนซ์ ที่ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ได้ถูกจัดสรรแบ่งไว้สำหรับอนาคตที่จะสรรค์สร้างรากฐานขึ้นจากเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา ตลอดจนเหล่าช่างฝีมือและผู้เชี่ยวชาญต่างๆ

โดยคอลเล็กชั่น Cruise 2026 เลือก Palazzo Settimanni สถานที่รวบรวมผลงานอาร์ไคฟอันล้ำค่าของ Gucci เป็นสถานที่จัดโชว์ พร้อมหยิบยกผลงานในอดีตมาร้อยเรียงสู่ปัจจุบัน เพื่อปูทางสู่อนาคต ไม่ว่าจะเป็นงานทอผ้าโบรเคดหรืองานทอผ้าไหมยกดอก ผ้าแจ็กการ์ด หรือผ้าไหมที่ล้วนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมด้านงานฝีมือของฟรอเลนซ์ได้ถูกนำมาถ่ายทอดสู่ซิลูเอ็ตที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกตาสำหรับ Gucci ซิลูเอ็ตใหม่ที่ยกไหล่ให้ตั้งขึ้นแบบโอเวอร์ไซซ์ แต่ยังคงเพรียวยาวและพลิ้วไหว ซึ่งอาจจะเป็นคำใบ้ที่ปูทางสู่ยุคของ Demna ก็เป็นได้ ในขณะเดียวกันความเย้ายวนของหญิงสาว Gucci ยุค 90s ถูกนำเสนอผ่านผ้าลูกไม้ การปักประดับเพชรบนเดรสผ้าโปร่งเพิ่มความแกลม และอีกหนึ่งดีไซน์ที่เห็นได้ชัดเจนคือกระโปรงทรงสอบและกางเกงขายาวรัดรูปในซิลูเอ็ตเอวสูงที่มาในหลากสีสันและวัสดุ น่าจะเป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่หลายๆ คนจับตามอง

ส่วนเครื่องหนังที่ถือเป็นหัวใจสำคัญและจุดเริ่มต้นของ Gucci ณ ที่เมืองแห่งนี้ ได้นำผลงานไอคอนิกมาปัดฝุ่นใหม่ให้สดใหม่ยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ใหม่ของสัญลักษณ์ Horsebit ที่ตัดเหลือเพียงครึ่งเดียว รวมไปถึงกระเป๋าที่ให้กลิ่นอายของกระเป๋าใส่เครื่องสำอาง และกระเป๋ารุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Gucci Giglio ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อรำลึกถึงเมืองแห่งนี้

#4 IT’S LOUIS VITTON SHOWTIME

เดินทางสู่เมืองอาวีญง ประเทศฝรั่งเศส กับแฟชั่นโชว์ Cruise 2026 ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ใน Cour d’Honneur แห่ง Palais des Papes โดยได้เนรมิตโถง ด้วยการจัดเรียงเก้าอี้ผู้ชมสีแดงราวกับเป็นโรงละครใจกลางเมืองที่เต็มไป ด้วยกลิ่นอายแห่งศิลปะและประวัติศาสตร์ที่มีความเก่าแก่ ขณะที่แขกคนสำคัญทั้งหลายก็ได้มาร่วมโชว์บนเก้าอี้ผู้ชม ยกย่องแด่เมืองแห่งศิลปะการแสดงอย่างแท้จริง

เมื่อเลือกเมืองแห่งการแสดงมาเป็นฉากหลังแล้ว ‘ละครเวที’ จึงเป็นมากกว่าเพียงคอนเซ็ปต์ประดับประดาสถานที่ หากแต่ยังเป็นเรื่องราวที่ต้องการถ่ายทอดในคอลเล็กชั่น Cruise 2026 นี้อีกด้วย โดยนำเสนอออกมาอย่างเด่นชัดผ่านลวดลายรูปทรงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำสีมาตัดสลับกันเป็นเส้น เส้นโค้งคล้ายเปลวไฟ หยดน้ำ และสีสันต่างขั้วที่จับคู่กันอย่างสนุกสนาน เท็กซ์เจอร์ของผ้าที่มีความเล่นกับแสงสปอร์ตไลต์ที่สาดส่อง ไม่ว่าจะเป็นหนัง เลื่อม คริสตัล และวัสดุเมทัลลิกอีกมากมาย เเละในคอลเล็กชั่นนี้เสื้อผ้าไม่ใช่แค่ของสวมใส่ แต่เป็นเหมือน ‘ตัวละคร’ ที่มีเรื่องราวเหมือนกับตัวเองกำลังอยู่ในตัวละครนั้นๆ ตั้งแต่เดรสผ้าพลิ้วที่ขับเคลื่อนอารมณ์ ไปจนถึงชิลูเอตที่เฉียบคม สะท้อนพลังและตัวตนของผู้หญิงแต่ละคน เสือผ้าทุกชิ้นเหมือนถูกออกแบบมาเพื่อให้เราได้แสดงบทบาทใหม่ได้ในทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นลุคเรียบหรูในชีวิตประจำวันหรือความพิเศษในค่ำคืนที่ต้องการแสงไฟ

โดย Nicolas Ghesquiere ยังคงไม่ลืมลายเซ็นอันเป็นเอกลักษณ์ อย่างกลิ่นอายฟิวเจอริสติกที่ผสมผสานความวิกตอเรียนในรูปแบบร่วมสมัยการถ่ายทอดเรื่องราวผ่าน Palais des Papes จึงไม่ใช่แค่ฉากหลังของโชว์ แต่คือพื้นที่แห่งจินตนาการ ที่หลอมรวมระหว่างแฟชั่นและศิลปะเข้า ด้วยกันอย่างลงตัว และย้ำให้เห็นว่าเสื้อผ้าที่ดีนั้นสามารถเปลี่ยนอารมณ์ความมั่นใจ และเรื่องราวของเราได้จริงๆ

#5 THE LAST BOW

แม้หลายคนจะคาดเดากันมาสักพักแล้ว แต่เชื่อว่าก็คงใจหายไม่น้อยเมื่อต้องกล่าวว่าแฟชั่นโชว์ Cruise 2026 ของ Dior เป็นผลงานคอลเล็กชั่นสุดท้ายของ Maria Grazia Chiuri ในฐานะครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ของแบรนด์ โดยโชว์ในครั้งนี้ยังได้มาเยือนบ้านเกิดของเธอที่กรุงโรม กับฉากหลังอันงดงามของ Villa Reale di Marlia สถาปัตยกรรมแห่งประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่

นอกเหนือจากคอลเล็กชั่น Cruise แล้ว Maria ยังควบคอลเล็กชั่นโอตกูตูร์มาโชว์ไปพร้อมกันในคราวเดียวรวมกว่า 80 ลุค โดยเธอได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์คลาสสิกและละครเวทีของอิตาลีที่ถ่ายทอดเรื่องราวความรักในกรุงโรมผ่านเครื่องแต่งกายที่ดูราวกับเจ้าหญิงยุคเรอเนสซองส์ที่เปี่ยมไปด้วยดีเทลอันประณีต ชุดราตรีโปร่งแสงในโทนสีครีมและสีขาว สลับกับลุคที่แข็งแกร่งกลิ่นอายมัสคิวลีนทั้งโค้ตสไตล์ Military, ไบเกอร์แจ็กเกต หรือบาร์แจ็กเกตสุดไอคอนิก ที่นำมาผสมผสานความเฟมินีนที่ล้วนเป็นลายเซ็นเอกลักษณ์ของ Maria ทั้งการใช้ผ้าลูกไม้, ลายพิมพ์, การปักประดับสุดประณีต ตลอดจนเทคนิค Tromp-l’oeil บนชุดเดรสต่างๆ ที่เดินบนรันเวย์ราวกับเป็นงานเต้นรำท่ามกลางสวนแห่งประวัติศาสตร์แห่งนี้

Latest Posts

Don't Miss