สร้างเสียงฮือฮานับตั้งแต่การเปิดตัวหนังสั้น Dream ของ Lisa ที่ถ่ายทอดเรื่องราวจากเพลงในชื่อเดียวกันจากอัลบั้ม Alter Ego ซึ่งได้คว้าตัวนักแสดงญี่ปุ่นสุดฮอตอย่าง Kentaro Sakaguchi หลังจากก่อนหน้านี้เราได้เห็นมิตรภาพของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นใน TikTok ของลิซ่า หรือแม้แต่ในคอนเสิร์ต Deadline ของสาวๆ BLACKPINK ที่เคนทาโร่ก็มาปรากฏตัวให้กำลังใจด้วย
วันนี้แอลจึงขอชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับ เคนทาโร่ ซาคากุจิ ผู้เริ่มต้นชีวิตบนเส้นทางบันเทิงผ่านการเป็นนายแบบ สู่การขึ้้นแท่นนักแสดงระดับแนวหน้า ผู้ครองใจผู้ชมด้วยเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์และฝีมือการแสดงที่สะกดทุกสายตา จนถึงขนาดได้รับการโหวตให้เป็น ‘สมบัติแห่งชาติญี่ปุ่น’ มาแล้ว ผ่าน 5 ผลงานเรื่องดังที่จะทำให้คุณตกหลุมรักเขายิ่งกว่าที่เคย
The 100th Love with You (2017)
ประเดิมกันด้วยผลงานการแสดงเรื่องแรกที่เขารับบทนำอย่างเต็มตัว กับ The 100th Love with You ภาพยนตร์โรแมนติกแฟนตาซีที่มาพร้อมพล็อตน่าสนใจ กับเรื่องราวของ ริคุ ฮาเซกาว่า ชายหนุ่มสมาชิกวงดนตรีผู้มีความสามารถพิเศษเหนือใครคือการเดินทางข้ามเวลาได้ โดยมี อาโออิ ฮินาตะ เพื่อนสนิทในวัยเด็กที่แอบมีใจให้อยู่ห่างๆ ดูจะเป็นเรื่องราวรักวัยรุ่นธรรมดา จนกระทั่งเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในวันที่ 31 กรกฎาคม เขาจึงย้อนเวลาครั้งแล้วครั้งเล่าพยายามทุกหนทางเพื่อแก้ไขอดีตและยื้อชีวิตเธอไว้ ทว่าความตายกลับไม่ใช่สิ่งที่ห้ามได้ง่ายถึงเพียงนั้น เชื่อว่าใครที่ชื่นชอบความดราม่าเรียกน้ำตาอันเป็นเอกลักษณ์ของหนังญี่ปุ่นจะต้องถูกใจเป็นแน่ แถมเคนทาโร่ยังได้เผยเสน่ห์ในฐานะพระเอกเรื่องแรกได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะฉากที่เล่นดนตรีจะต้องชวนให้หลายคนตกหลุมรักโดยง่ายอย่างแน่นอน
Tonight, at Romance Theater (2018)
จะเป็นอย่างไร หากจู่ๆ นางเอกจากภาพยนตร์ขาวดำเรื่องโปรดทะลุออกมาสู่โลกแห่งความจริง? และนี่คือ Tonight, at Romance Theater หรือหลายคนอาจรู้จักในชื่อ Color Me True ภาพยนตร์โรแมนติกแฟนตาซี ว่าด้วยเรื่องราวของ เคนจิ หนุ่มผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นผู้กำกับ และมักรับชมภาพยนตร์ขาวดำเรื่องโปรดของเขาอยู่ในโรงหนังเงียบๆ ลำพัง จนกระทั่งวันหนึ่งเจ้าหญิงมิยูกิผู้เลอโฉมจากภาพยนตร์เรื่องนั้นกลับทะลุออกมาจริงๆ เขาจึงหมายจะสอนให้เธอได้เรียนรู้โลกที่เปี่ยมไปด้วยสีสัน ความใกล้ชิดทำให้ทั้งสองผูกพันกัน ทว่าเขากลับไม่สามารถสัมผัสตัวเธอได้ และวันหนึ่งเธอก็ต้องจากไป นอกจากเนื้อเรื่องจะโรแมนติกชวนฝันแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีการชูประเด็นถึงความเสื่อมถอยของวงการภาพยนตร์ พฤติกรรมของผู้ชมที่เลือกเข้าโรงภาพยนตร์น้อยลง จนในอนาคตมนต์แห่งความโรแมนติกสุดขลังก็อาจจะจางหายไปพร้อมกับเจ้าหญิงคนโปรดก็เป็นได้
Signal (2018)
รับชมภาพยนตร์หวานอมขมกันไปแล้ว ก็ถึงคราวลุ้นระทึกไปกับแนวสืบสวนสอบสวนกันในซีรี่ส์เรื่องแรกที่เคนทาโร่ขึ้นแท่นพระเอกเต็มตัวกันบ้าง นั่นคือ Signal ซึ่งรีเมกมาจากต้นฉบับเวอร์ชั่นเกาหลียอดนิยมในชื่อเดียวกัน บอกเล่าเรื่องราวของ ไซซากิ เคนโตะ นักวิเคราะห์อาชญากรรมผู้เฉื่อยชาและหมดศรัทธาในกระบวนการยุติธรรม จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้รับสายจากวิทยุสื่อสารปริศนา ทำให้เขาสามารถติดต่อกับ โอยามะ ทาเคชิ ตำรวจสายสืบผู้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อ 15 ปีก่อนได้ พวกเขาสื่อสารกันข้ามเวลาและจับมือกันแก้คดีที่ไม่อาจปิดได้ลงในอดีต ที่จะส่งผลมาจนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานสำคัญที่พิสูจน์ฝีมือการแสดงของเคนทาโร่ กับบทบาทเข้มข้นสุดท้าทายที่ลบภาพจำของเขาซึ่งหลายคนมักคุ้นชินกับแนวโรแมนติกได้อย่างไร้ที่ติ

The Last 10 Years (2022)
เคนทาโร่ยังคงเผยฝีมือการแสดงและเสน่ห์เฉพาะตัวผ่านหลากหลายผลงานจนพาให้เขาขึ้นแท่นหนึ่งในพระเอกระดับแนวหน้าของญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขากลับมาพร้อมกับบทบาท คาซึโตะ มานาเบะ ในภาพยนตร์แนวโรแมนติกดราม่าเรื่อง The Last 10 Years ที่บอกเล่าเรื่องราวของ มัตสึริ ทาคาบายาชิ หญิงสาวผู้ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคที่ยากจะรักษาและจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เพียงแค่ 10 ปีเท่านั้น เธอจึงตั้งมั่นที่จะไม่ตกหลุมรักใคร แต่แล้วโชคชะตาก็เหมือนเล่นตลกเมื่อเธอได้พบกับ คาซึโตะ มานาเบะ ผู้ใช้ชีวิตอยู่ไปเพียงวันๆ คนหนึ่งไม่รู้ความหมายของการใช้ชีวิต อีกคนก็เหลือชีวิตอีกเพียงไม่มาก ทั้งคู่ค่อยๆ เรียนรู้ซึ่งกันและพัฒนาความสัมพันธ์ไปพร้อมๆ กับทำความเข้าใจถึงคุณค่าของความรักและการมีชีวิตอยู่ กลางเป็นอีกหนึ่งผลงานเรียกน้ำตาที่เคนทาโร่จะพาให้ทุกคนอินไปกับเรื่องราวที่เขาถ่ายทอดอย่างแน่นอน
What Comes After Love (2024)
ปิดท้ายกันด้วยซีรี่ส์ที่สร้างเสียงฮือฮานับตั้งแต่วันที่ประกาศรายชื่อนักแสดง อย่าง What Comes After Love ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นเคนทาโร่โลดแล่นมาโชว์ฝีมือการแสดงในซีรี่ส์เกาหลี ทั้งยังเผยเคมีข้ามชาติร่วมกับ อีเซยอง โดยรับบทเป็น จุนโกะ ชาวหนุ่มผู้ที่ชเวฮงบังเอิญได้รู้จักขณะไปเรียนและทำงานที่ญี่ปุ่นจนความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาอย่างพุ่งพรวด ทว่าความเป็นจริงที่ไม่เป็นใจ กำแพงภาษา ตลอดจนวัฒนธรรมที่ต่างก็นำพวกเขามาสู่ปลายทางที่ต้องแยกจาก จนกระทั่ง 5 ปีต่อมา ทั้งสองคนได้โคจรมาพบกันอีกครั้งในฐานะนักเขียนและนักแปล ชวนให้เราได้สำรวจความรักของพวกเขาที่เกิดขึ้นในอดีต และเรียนรู้กับสิ่งที่ยังคงหลงเหลือคั่งค้าง หลังจากสิ่งที่เรียกว่ารักได้ร่วงโรยไป ถือเป็นอีกหนึ่งสีสันที่น่าสนใจในผลงานเคนทาโร่ที่ถูกถ่ายทอดออกมาพร้อมกลิ่นอายซีรี่ส์เกาหลี แตกต่างจากความเป็นญี่ปุ่นที่เรามักได้สัมผัส

นอกจากบทบาทในฐานะนักแสดงที่มีผลงานอย่างโชกโชนแล้ว ในแวดวงแฟชั่น เคนทาโร่ ซาคากุจิ เองก็เป็นอีกหนึ่งหนุ่มที่น่าจับตาไม่แพ้กัน ด้วยการครองตำแหน่งแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ของ Prada และเข้าร่วมอีเวนต์ทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนร่วมชมโชว์ที่มิลานแฟชั่นวีกพร้อมสร้างเสียงฮือฮามาแล้วหลายต่อหลายครั้ง


