ถ้าแฟชั่นคือภาพยนตร์ CHANEL คือผู้กำกับที่ไม่เคยพลาดฉากจบ เพราะแฟชั่นโชว์ของ CHANEL ไม่เคยเป็นเพียง ‘รันเวย์’ แต่คือ ‘ประสบการณ์’ ที่เปลี่ยนภาพจำของวงการแฟชั่นตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา ตั้งแต่โมเดลที่เดินบนผิวน้ำ จนถึงรันเวย์ที่จำลองซูเปอร์มาร์เก็ตสุดชิก ทุกโชว์คือการผสมผสานระหว่างความหรูหรา ความคิดสร้างสรรค์ และความเหนือจริงในแบบที่มีเพียง CHANEL เท่านั้นทำได้ และนี่คือ 10 โชว์สุดน่าจดจำ ที่บอกตัวตนของแบรนด์นี้ได้ดีที่สุด
Spring/Summer 2009
ฤดูใบไม้ผลิปี 2009 CHANEL พาเรากลับสู่โลกของความเรียบหรูในแบบปารีเซียง ด้วยรันเวย์ที่จำลองบูติกชาเนลขึ้นใหม่ทั้งร้าน โมเดลเดินออกมาจากประตูร้านราวกับเป็นลูกค้าผู้มาเยือน พร้อมเสื้อผ้าโทนพาสเทลที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นหญิงร่วมสมัย ความเรียบง่ายที่กลับกลายเป็นความน่าจดจำ
Haute Couture Autumn/Winter 2010
ถ่ายทอดพลังของ Gabrielle Coco Chanel ผ่านสัญลักษณ์ราศีสิงห์ของเธออย่างสง่างาม กลาง Grand Palais ปรากฏ ‘สิงโตยักษ์’ ตั้งตระหง่านกลางรันเวย์ วางอุ้งเท้าทับไข่มุกชาเนลลูกโตอย่างทรงพลัง เหล่านางแบบเดินออกมาจากใต้ท้องสิงโตในลุคที่ทั้งหรูและแข็งแรง ผ้าทองระยับ โครงเสื้อชัด และดีเทลเฉียบคมทุกฝีเข็ม รันเวย์นี้ไม่เพียงเป็นการคารวะแก่ผู้ก่อตั้งแบรนด์ แต่ยังเป็นการประกาศให้โลกรู้ว่า ‘ความกล้าและความสง่างาม’ คือดีเอ็นเอที่อยู่ในหัวใจของชาเนลเสมอมา
Spring/Summer 2013
ที่ Grand Palais ปี 2013 Karl Lagerfeld สร้างเมืองพลังงานสะอาดในฝันขึ้นกลางปารีส รันเวย์ที่เต็มไปด้วยกังหันลมขนาดยักษ์คือการประกาศชัดว่าแฟชั่นไม่จำเป็นต้องหนีจากอนาคต แต่สามารถ ‘หมุน’ ข้าสู่ยุคใหม่ได้อย่างงดงาม เป็นอีกหนึ่งการแสดงพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่ยังคงอยู่ในใจแฟนชาเนลจนถึงวันนี้ฃ
Fall/Winter 2014
“Why a supermarket?” Karl ตอบว่า “เพราะแม้คนใส่ชาเนลก็ยังต้องไปซูเปอร์มาร์เก็ต” และนั่นคือจุดเริ่มต้นของหนึ่งในโชว์ที่เป็นตำนานที่สุดในโลกแฟชั่น Grand Palais ถูกเนรมิตให้กลายเป็น CHANEL Shopping Center พร้อมสินค้ากว่า 500 ชิ้นที่ถูกออกแบบใหม่ให้มีโลโก้ชาเนล ตั้งแต่ปลากระป๋อง Délice de Gabrielle ไปจนถึงชีส Cambonay โมเดลอย่าง Cara Delevingne เดินช้อปสินค้าในลุคสูททวีดและสนีกเกอร์สุดชิค โชว์นี้ไม่เพียงสะท้อนอารมณ์ขันของชาเนล แต่ยังพูดถึงชีวิตประจำวันในแบบลักซ์เซอรี่ได้อย่างแยบยล
Spring/Summer 2016
ใครว่าการรอไฟลต์ต้องน่าเบื่อ? Karl เปลี่ยนสนามบินให้กลายเป็นแฟชั่นโชว์สุดหรู ด้วย CHANEL Airlines ที่มีเคาน์เตอร์เช็กอินจริง ประตูขึ้นเครื่องจริง และโมเดลในลุคแอร์โฮสเตสสุดเนี้ยบ เดินท่ามกลางบรรยากาศราวกับจะออกเดินทางไปทั่วโลก เป็นอีกครั้งที่ชาเนลยืนยันว่า “แฟชั่นคือการเดินทาง”
Fall/Winter 2017
ปีที่ Karl Lagerfeld ส่งจรวดชาเนลขึ้นสู่อวกาศคือปีที่โลกแฟชั่นไม่มีวันลืม Grand Palais กลายเป็นฐานปล่อยยานสุดอลังการ เมื่อเสียงนับถอยหลังดังขึ้นและ Rocket Man ของ Elton John ดังขึ้นพร้อมเปลวไฟจากจรวดจริง ๆ ที่ทะยานขึ้นกลางรันเวย์ โชว์นี้ไม่ใช่เพียงภาพจำของยุค Space Age แต่คือ ‘การโบยบินครั้งสุดท้าย’ ของชายผู้ปฏิวัติแฟชั่นโชว์ตลอดหลายทศวรรษ
Spring/Summer 2018
Karl Lagerfeld พา Grand Palais แห่งปารีสแปลงร่างเป็นหน้าผาสูงชันพร้อมน้ำตกไหลจริงตลอดโชว์ นางแบบเดินออกมาจาก ‘ถ้ำ’ ที่สร้างขึ้นบนหน้าผา ก่อนก้าวลงบนสะพานไม้ในลุคกันฝนสุดหรู ทั้งชุดพีวีซีใส หมวกพลาสติก และรองเท้าบู๊ตใสที่กลายเป็นไอเท็มฮอตทันทีหลังจบโชว์ รันเวย์นี้คืออีกหนึ่งหลักฐานว่า Karl สามารถทำให้ ‘ธรรมชาติ’ ได้อย่างมีชั้นเชิงและเต็มไปด้วยความขี้เล่นในแบบชาเนล
Fall/Winter 2019
หลังการจากไปของ Karl Lagerfeld แฟชั่นโชว์ฤดูใบไม้ร่วง 2019 คือบทกวีแห่งการรำลึก Grand Palais ถูกแปลงโฉมเป็นหมู่บ้านสวิสที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวละเอียด เมื่อเสียงเพลง Heroes ของ David Bowie ดังขึ้น เหล่านางแบบหลายคนถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เป็นรันเวย์ที่แสดงถึงหัวใจของชาเนล อ่อนโยน แข็งแกร่ง และเต็มไปด้วยความรัก
Spring/Summer 2026
และล่าสุดกับ Spring/Summer 2026 ที่ CHANEL พาเราก้าวสู่บทใหม่แห่งอนาคตกับรันเวย์เดบิ้วต์ของ Matthieu Blazy ผ่านรันเวย์ที่ตีความ ‘เวลา’ ในแบบเหนือจริง เส้นขอบฟ้าแห่งอดีตและอนาคตมาบรรจบกันภายใต้แสงสีขาวที่สะท้อนโครงสร้างสถาปัตยกรรมมินิมัล คล้ายจะบอกเราว่า อนาคตของชาเนลไม่ได้อยู่ข้างหน้า แต่อยู่ในทุกก้าวที่เรายืนอยู่ตอนนี้ และยินดีต้อนรับเขาสู่จักรวาลใหม่ของ CHANEL
