 การผันตัวเข้าสู่วงการแฟชั่นในฐานะนายแบบบนรันเวย์ระดับโลก){kind=link}
ในยุคที่บทบาทของราชวงศ์ยุโรปเริ่มเปลี่ยนแปลงและเปิดกว้างมากขึ้น เจ้าชายนิโคลายแห่งเดนมาร์ก (Prince Nikolai of Denmark) กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกราชวงศ์ที่กล้าท้าทายกรอบเก่าๆ ด้วยการผันตัวเข้าสู่วงการแฟชั่นในฐานะนายแบบบนรันเวย์ระดับโลก แอลจะพาทุกมาดูเส้นทางของเจ้าชายนิโคลายในการเข้าสู่เส้นทางนายแบบอย่างเต็มตัว
นิโคลาย วัย 25 ปี ปัจจุบันอยู่ในลำดับที่หกของสายสืบราชบัลลังก์เดนมาร์ก เป็นบุตรชายคนโตของเจ้าชายโจอาคิมและหลานชายของสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 การเลือกเส้นทางชีวิตของนิโคลาย ถือเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาสำหรับสมาชิกในราชวงศ์ยุโรป เพราะโดยทั่วไปแล้วราชวงศ์มักหลีกเลี่ยงการมีส่วนร่วมในงานเชิงพาณิชย์โดยตรง เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของความสง่างามและความเป็นทางการ
อย่างไรก็ดี ในปี 2018 นิโคลายได้กลายเป็นที่จับตามองอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาเปิดตัวเป็นนายแบบบนรันเวย์ให้กับแบรนด์แฟชั่นระดับโลกอย่าง Burberry ด้วยลุคที่คมเข้ม ผสมผสานความคลาสสิกและโมเดิร์นได้อย่างลงตัวนอกจากนี้ นิโคลายยังเดินแบบให้กับแบรนด์แฟชั่นชื่อดังอีกหลายแห่ง อาทิ Dior Men, Dolce & Gabbana,และ Valentino ซึ่งแต่ละแบรนด์ล้วนเป็นตัวแทนของแฟชั่นระดับสูงที่มีอิทธิพลทั่วโลก การที่เขาได้รับเชิญให้ร่วมเดินแบบในแคมเปญและโชว์ต่างๆ นั้น ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความสามารถและภาพลักษณ์ที่โดดเด่นของเขา แต่ยังช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับวงการแฟชั่นและราชวงศ์ยุโรป
การที่ Nikolai กล้าแสดงออกในเวทีแฟชั่นระดับโลก ไม่เพียงแต่แสดงถึงความมั่นใจในตัวเอง แต่ยังสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงในบทบาทของราชวงศ์ในยุคปัจจุบัน ที่เริ่มเปิดรับและยอมรับความหลากหลายและความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น นิโคลายเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่า “การเป็นนายแบบช่วยเปิดโอกาสให้เขาได้สำรวจตัวเองในมิติที่หลากหลาย ทั้งยังเป็นการเรียนรู้ที่จะยอมรับตัวเองและความแตกต่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเชื่อว่าใครๆ ก็สามารถทำได้ถ้าเปิดใจ”
นอกจากการเดินแบบ นิโคลายยังมีบทบาทในแวดวงแฟชั่นอื่นๆ ทั้งการร่วมงานถ่ายแฟชั่นกับนิตยสารชื่อดังและการเป็นแขกรับเชิญในอีเวนต์ระดับโลก เขายังใช้แพลตฟอร์มของตัวเองในการส่งเสริมภาพลักษณ์ของราชวงศ์ยุคใหม่ที่ไม่จำกัดกรอบเดิมๆ และพร้อมเปิดรับความคิดสร้างสรรค์ในหลากหลายรูปแบบ โดยรวมแล้ว เจ้าชายนิโคลายไม่เพียงแต่เป็นนายแบบบนรันเวย์ที่มีเสน่ห์และโดดเด่น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงในราชวงศ์ยุโรป ที่พร้อมจะผสมผสานความคลาสสิกกับความทันสมัยในแบบที่เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง
