ไม่เคยหยุดนิ่งกับการนำเสนอผลงานใหม่ๆ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจินตนาการ งานหัตถศิลป์ และความเป็นเอกลักษณ์ของงานออกแบบที่มักสืบทอดมาจากประวัติศาสตร์ รวมถึงมรดกอันทรงคุณค่าของการรังสรรค์เครื่องประดับและเรือนเวลาของ Cartier ที่ในปีนี้ แบรนด์เองได้เปิดตัวผลงานด้วยความหลากหลายของการตีความใหม่ รวมถึงการถ่ายทอดงานฝีมือและศิลปะการสร้างสรรค์ที่หลายรุ่นนั้นยากจะปฏิเสธได้ว่าสะกดสายตาเราได้ตั้งแต่แรกเห็น
“คอลเล็กชั่น Watches & Wonders ปีนี้สะท้อนให้เห็นความเชี่ยวชาญในการสรรค์สร้างประดิษฐกรรมเวลาของ Cartier และยังแสดงออกให้เห็นความสามารถอันไร้ขีดจำกัดของฐานการผลิตของเมซงและพันธมิตรที่เราไว้วางใจในการสร้างนวัตกรรมกลไก และตีความผลงานคลาสสิกของเมซงขึ้นใหม่ อย่างการนำการออกแบบเครื่องประดับมาใช้กับโลกแห่งเรือนเวลา หรือการใช้ความแม่นยำชั้นสูงอันหาได้ยากกับการประดิษฐ์หน้าปัดนาฬิกาขนาดเล็กของ Maison des Métiers d’Art” Karim Drici ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ได้กล่าวถึงเบื้องหลังการรังสรรค์คอลเล็กชั่นเรือนเวลา ที่ปีนี้ถือว่ามีทั้งสีสันและความแปลกใหม่มานำเสนอให้กับผู้ที่หลงใหลในนาฬิกาได้ร่วมชื่นชม ซึ่งผลงานเหล่านี้ต่างก็มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำแบบใครทั้งในแง่ของแนวคิด งานดีไซน์ กลไกและงานฝีมือที่นำมาใช้ผสมผสานเข้าด้วยกัน
ไฮไลต์อย่างประติมากรรมบอกเวลาชิ้นใหม่นั้น ย่อมเป็นคอลเล็กชั่นใดไปไม่ได้นอกจากตัวอย่างแรกของคอลเล็กชั่น Tressage ที่เมซงได้นำสไตล์อันโดดเด่นจากเครื่องประดับในอดีตมาพลิกแพลงและสร้างสรรค์สู่นาฬิกาข้อมือผสมผสานกับเครื่องประดับชิ้นใหม่ ความเด่นของ Tressage คือการใช้งานถักทอทองมาประกบคู่กับอัญมณีและเพชรเลอค่า ทั้งยังมีมิติจากรูปทรงตัวเรือนทองโค้งนูนอันทรงเสน่ห์ ประดับเพชรและอัญมณี หรือสะดุดตาแบบไร้อัญมณีด้วยพื้นผิวของทองที่ขัดแต่งแบบเงาวาวราวกับกำลังร่ายมนตร์สะกดต่อผู้พบและผู้สวมใส่ให้ยิ่งหลงรักได้ตั้งแต่แรกเห็น
เช่นเดียวกันกับคอลเล็กชั่น Panthère Jewellery นาฬิกาข้อมือสไตล์เครื่องประดับอัญมณีอันงดงามที่รังสรรค์ภายใต้โครงร่างของกำไล ‘Toi & Moi’ ผสมผสานกับสไตล์ดั้งเดิมของเสือแพนเตอร์แบบ 3 มิติ มาสู่เสน่ห์ใหม่ของนาฬิกาข้อมือและเครื่องประดับ โดยปลายข้างหนึ่งของกำไลนี้ตกแต่งด้วยรูปหัวของสัตว์สัญลักษณ์ประจำเมซง ส่วนปลายอีกข้างเป็นนาฬิกาที่บรรจุไว้ด้วยหน้าปัดแล็กเกอร์สีดำแสดงเวลา โดยยังคงความสามารถในการมองเห็นได้อย่างชัดเจนไว้ด้วย สัดส่วนที่ลงตัวและความประณีตของการตกแต่งโครงร่างของเสือแพนเตอร์นี้ยังโดดเด่นด้วยดวงตาฝังพลอยซาวอไรต์ ส่วนมัดกล้าม ความเพรียวงาม และลวดลายขนแต่งแต้มด้วยแล็กเกอร์สีดำ รับกับการตกแต่งบนใบหูและจมูก จนถึงอุ้งเท้าด้วยสีดำ หรือบนลำตัวและหน้าปัดประดับเพชรในเวอร์ชั่นที่ดูหรูหรายิ่งขึ้น ทั้งยังคงความสมจริง มีชีวิตชีวา และอวดงานฝีมือที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเมซงไว้อีกด้วย
ผลงานใหม่จาก Panthère de Cartier นับเป็นอีกหนึ่งเรือนเวลาไอคอนนิกที่ยังคงโลดแล่นและเติมความสนุกสนานได้อย่างไร้ขีดจำกัด เหมือนกับในบรรดารุ่นใหม่ที่เน้นอวดความเปี่ยมเสน่ห์ด้วยลวดลาย โดยเฉพาะลวดลายแบบแอ็บสแทรกต์และกราฟิกที่ผสานเข้ากับเส้นสายลายพาดกลอนของเสือโคร่ง หรือลายแถบตามธรรมชาติของม้าลายได้อย่างสวยเด่นไม่เหมือนใคร ในนาฬิกาข้อมือรุ่นใหม่ของคอลเล็กชั่นนี้ยังโชว์ความประณีตของการออกแบบและการตกแต่งที่ลงตัวกับสไตล์นาฬิกาแบบเครื่องประดับได้เป็นอย่างดี เช่นรุ่นที่รังสรรค์ด้วยความสวยสง่าของลวดลายแล็กเกอร์สีดำเข้ากับสีน้ำตาลทองของวัสดุล้ำค่า อย่างโรสโกลด์ หรือเยลโลว์โกลด์ และการตกแต่งสลับลายระหว่างเพชรและอัญมณีสีที่ชวนให้มองทุกครั้งที่แลเห็น เช่น เพชรกับสเปสซาไทต์สีส้มและสีเหลือง หรือการประดับเพชรบริลเลียนต์แบบ snow-setting บนหน้าปัดที่เปล่งประกายแสงระยิบระยับแบบแรนดอมได้อย่างงดงามไร้ที่ติ คอลเล็กชั่นที่เปรียบเหมือนประติมากรรมบอกเวลาเหล่านี้นับเป็นอีกหนึ่งสมบัติอันทรงคุณค่าซึ่งสะท้อนถึงวิถีแห่งการสร้างสรรค์และวิวัฒนาการของการออกแบบที่สอดคล้องกับรสนิยมและการเปลี่ยนแปลงเชิงวัฒนธรรมในแต่ละยุคสมัยได้เป็นอย่างดี
สำหรับสาวๆ นักสะสมที่ชื่นชอบในเรือนเวลาและสไตล์คลาสสิกร่วมสมัยมากเป็นพิเศษ ก็ยังมีอีกหนึ่งรุ่นเด่นของ Cartier ที่เราไม่อยากให้พลาดเก็บไว้ในลิสต์นาฬิกาสะสมเรือนต่อไป นั่นคือผลงานของ Tank À Guichets ที่เปิดตัวใหม่ด้วยตัวเรือนเลือกได้ระหว่างแพลทินัม เยลโลว์โกลด์ และโรสโกลด์ กับซิกเนเจอร์ของหน้าปัดแสดงเวลาผ่านช่องหน้าต่างและตัวเลข พร้อมทั้งกลไกจักรกลไขลาน ซึ่งรุ่นน่าสะสมนี้ยังสามารถเลือกสวมใส่เพื่อแมตช์เข้ากับสไตล์คลาสสิกลุคที่ผสมผสานกับความโก้ทันสมัยของผู้หญิงยุคนี้ได้เป็นอย่างดี
