ในซีซั่น Spring/Summer 2026 เราได้เห็นพลังใหม่ของวงการโมเดลที่ชัดเจนขึ้นกว่าทุกปีที่ผ่านมา จากนิวยอร์ก มิลาน ลอนดอน ไปจนถึงปารีส รันเวย์ในซีซั่นนี้สะท้อนยุคสมัยของ ‘ความหลากหลายที่มีตัวตน’ อย่างแท้จริง นางแบบไม่ได้ถูกเลือกเพียงเพราะหน้าสวยหรือเดินเก่ง แต่เพราะพวกเธอ ‘มีเสียง’ ที่วงการแฟชั่นอยากฟัง และมีพลังบางอย่างที่ทำให้คนดูรู้สึกได้ แม้เพียงชั่วขณะบนรันเวย์ จากไวรัลโมเมนต์ในโชว์ Vetements ไปจนถึงการปิดโชว์สุดหรูของ CHANEL หรือความจริงแท้บนร่างของ Paloma Elsesser ทั้งหมดนี้คือภาพสะท้อนของแฟชั่นยุคใหม่ที่กำลังเขียนนิยามคำว่า ‘นางแบบ’ ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

Anok Yai
Anok Yai คือหนึ่งในนางแบบที่สะกดสายตาได้ทันทีที่ก้าวเท้าออกมา ซีซั่นนี้เธอทำให้โลกพูดถึงอีกครั้งจากโชว์ Vetements Spring/Summer 2026 ที่เธอเดินไปร้องไห้ไป ในชุดเดรสสีดำลึกลับภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The Black Widow’ โมเมนต์นั้นกลายเป็นไวรัลที่ถูกแชร์ไปทั่วทั้งอินสตาแกรมและ TikTok จนกลายเป็น ‘ภาพจำของแฟชั่นวีคปีนี้’ เพราะมันทั้งเปลือยเปล่า อ่อนไหว และทรงพลังในเวลาเดียวกัน


แต่ความสำเร็จของเธอไม่ได้หยุดอยู่ที่นั้น ในปีนี้ Anok ยังคงเดินให้กับแบรนด์ใหญ่อย่าง Chanel, Saint Laurent, Bottega Veneta, Ferrari, Fendi และอื่นอีกมากมาย ด้วยลุคเฉียบสง่าที่แฟชั่นดีไซเนอร์ทุกคนไว้ใจให้เธอเปิดหรือปิดโชว์ ‘Anok ไม่ได้เดิน เธอลอย’ คือคำที่หลายคนใช้พูดถึงเธอ และคงไม่เกินจริง เพราะทุกครั้งที่เธอปรากฏตัว คือการเตือนให้โลกแฟชั่นจำไว้ว่าพลังของผู้หญิงผิวสีกำลังเปล่งประกายบนรันเวย์อย่างงดงาม




Alex Consani
“And model of the year 2024 go to…..Alex Consani” จากเด็กสาวขี้เล่นที่เริ่มต้นในฐานะอินฟลูเอนเซอร์บน TikTok วันนี้ Alex Consani กลายเป็นชื่อที่แบรนด์ใหญ่ทุกแบรนด์ต้องการ ซีซั่น Spring/Summer 2026 นี้ เธอแทบจะเดินทุกรันเวย์ตั้งแต่ นิวยอร์กไปจนถึงปารีส ล่าสุดกับไวรัลที่เธอปรากฏตัวในฐานะนางแบบของ Gucci กับผลงานเดบิวต์แรกของ Demna และไม่ว่าจะเป็น Courrèges, Alaïa, Alexander McQueen, Versace หรือ Schiaparelli ทุกโชว์ที่มี Alex เดินคือโชว์ที่แฟชั่นดู ‘สนุกขึ้น’ ทันที


สิ่งที่ทำให้ Alex โดดเด่นกว่าคนอื่นคือบุคลิกแบบ tongue-in-cheek ที่เธอนำมาสู่รันเวย์ เธอไม่ใช่นางแบบที่เดินนิ่งๆ แต่เต็มไปด้วยคาแรกเตอร์ ความมั่นใจ และเสน่ห์ที่ทำให้คนดูยิ้มได้ Alex ยังเป็นเสียงสำคัญของกลุ่ม LGBTQ+ ในวงการแฟชั่น ที่กล้าพูดถึงอัตลักษณ์และเส้นทางของตนเองอย่างเปิดเผย เธอคือภาพแทนของนางแบบเจน Z ที่ไม่ได้ต้องการ ‘พอดีในกรอบ’ แต่สร้างกรอบใหม่ขึ้นเองด้วยทัศนคติและพลังของความจริงใจ




Awar Odhiang
ชื่อของ Awar Odhiang อาจจะยังใหม่สำหรับใครหลายคน แต่ในแวดวงแฟชั่น เธอคือดาวรุ่งที่กำลังถูกพูดถึงอย่างหนัก โดยเฉพาะหลังจากที่เธอได้ เดินปิดโชว์ CHANEL Spring/Summer 2026 เพราะเธอคือนางแบบผิวดำคนที่ 3 ที่ได้เดินปิดโชว์ของ CHANEL นอกจากนี้โมเมนต์ที่เธอเดินปิดพร้อมกับการปรบมือเหมือนราวกับการส่งยุคใหม่ของ CHANEL โดย Matthieu Blazy เป็นการประกาศอย่างเป็นทางการถึง ‘ยุคใหม่ของ Chanel’ ที่กำลังเปิดรับความหลากหลายมากกว่าเดิม
ลุคปิดโชว์ของ Awar คือชุดเดรสออแกนซ่าสีขาวงาช้างที่ตัดกับผิวเข้มของเธอได้อย่างน่าทึ่ง เธอเดินอย่างสงบและมั่นคง แฝงพลังของผู้หญิงรุ่นใหม่ที่ไม่ได้พยายามจะเป็นใคร แต่เป็นตัวเองเต็มร้อย และนอกจาก CHANEL ในรันเวย์ Spring/Summer 2026 เธอยังเดินให้กับ Chloé, Hermès, Victoria Beckham, Saint Laurent, Bottega Veneta, Ferragamo, Tod’s, Prada และอื่นๆ อีกมากมาย






Mona Tougaard
หากมีใครที่นิยามคำว่า ‘modern elegance’ ได้ชัดเจนที่สุดในรันเวย์ปีนี้ ก็คงหนีไม่พ้น Mona Tougaard นางแบบลูกครึ่งเดนมาร์ก-โซมาเลียที่แฟชั่นเฮาส์ทุกแห่งต้องการตัว ซีซั่น Spring/Summer 2026 เธอเดินให้กับ CHANEL, Chloé, Celine, Givenchy, Dior, Courrèges, Jacquemus, Ami Paris และยังคงรักษาบทบาทการเป็นนางแบบที่มีหน้าเป็นอาวุธเอาไว้ได้อย่างสง่างาม ใบหน้าของเธอยิ่งช่วยชุดและความรู้สึกถูกส่งสัมพัมธ์ไปด้วยกัน


Mona มีเอกลักษณ์ตรงที่เธอสามารถเปลี่ยนพลังได้ตามแบรนด์ บนรันเวย์ของ CHANEL เธอดูนิ่งแต่ทรงอำนาจ ขณะที่ใน Dior เธอกลับดูอ่อนโยนและลึกลับ ราวกับเดินอยู่ในความฝัน เธอคือศูยน์รวมของแฟชั่นยุคใหม่ ที่ไม่จำเป็นต้องแสดงเยอะ แต่ทุกอากัปกิริยาสื่อสารได้อย่างชัดเจนว่า ‘เธอคือใคร’ และนั่นคือเหตุผลที่เธอยังคงเป็นนางแบบที่ดีไซเนอร์ทุกคนวางใจให้แบกโชว์ได้ทั้งเรื่องภาพลักษณ์และอารมณ์




Paloma Elsesser
ในทุกซีซั่นที่ผ่านมา Paloma คือเสียงสำคัญที่พูดแทนผู้หญิงทุกไซซ์ และใน Spring/Summer 2026 เธอยังคงสร้างอิทธิพลต่อวงการได้อย่างต่อเนื่อง ปีนี้เธอปรากฏตัวในรันเวย์ของ Boss, Fendi, Tory Burch และ Willy Chavarria ด้วยลุคที่สะท้อนความงามของรูปร่างจริง real size beauty อย่างสง่างาม


ทุกครั้งที่เธอเดิน แฟชั่นดู ‘เป็นมนุษย์’ มากขึ้น เพราะ Paloma ไม่ได้ขายเพียงเสื้อผ้า แต่ขายพลังของการยอมรับตนเอง เธอพูดเสมอว่าการอยู่บนรันเวย์คือการ “คืนพื้นที่ให้กับคนที่ไม่เคยเห็นตัวเองในวงการนี้มาก่อน” และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอเป็นมากกว่านางแบบ แต่คือมูฟเมนต์ที่มีชีวิตในวงการแฟชั่น



