เดือนพฤษภาคมนี้ ศิลปินสาวจากไต้หวันอย่าง Tia Lee ก็ได้กลับมาร่วม่ถ่ายแฟชั่นเซตสุดเอ็กซ์คลูซีฟกับแอลอีกครั้ง พร้อมร่วมพูดคุยถึงตัวตนของเธอ เคล็ดลับความงาม ตลอดจนแคมเปญ #EmpowerHer ที่เธอคิดขึ้นมาด้วย มาทำความรู้จักกับ Tia Lee ให้มากยิ่งขึ้นผ่านบทสัมภาษณ์พิเศษนี้กันได้เลย
ELLE: ความรู้สึกของคุณในการเป็นคัฟเวอร์เกิร์ลสำหรับปกดิจิทัลของแอลประเทศไทยคราวนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
TIA LEE: “ฉันรู้สึกเป็นเกียรติและตื่นเต้นมากในการได้ร่วมงานกับแอล ประเทศไทยอีกครั้งค่ะ ฉันขอบคุณกับบทสัมภาษณ์ที่เปิดโอกาสให้ฉันได้แบ่งปันมุมมองและสิ่งที่ฉันสนใจอยู่มากมายในขณะนี้”
ELLE: เราขอแสดงความยินดีกับซิงเกิ้ลเพลงใหม่ของคุณ ‘Goodbye Princess’ ที่ปล่อยไปเมื่อปีที่แล้ว (ตอนนี้ยอดวิวใน YouTube สูงถึง 174 ล้านวิวแล้ว!) การทำงานร่วมกับ Swizz Beatz เป็นอย่างบ้าง? แล้วเพลงนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญสำหรับการทำงานในฐานะนักร้องหรือไม่?
T.L.: “ฉันขอขอบคุณทีมงานผู้อยู่เบื้องหลังซิงเกิ้ล ‘Goodbye Princess’ นี้ แต่ละคนสัมพันธ์เชื่อมโยงกับดนตรีด้วยแพสชั่นทั้งนั้น รวมถึงรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับโปรดิวเซอร์ Swizz Beatz ผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมดมาพร้อมกับแรงบันดาลใจอันไม่รู้จบ การอุทิศตนเพื่องานดนตรีของพวกเขาทำให้ฉันประทับใจ พวกเขาพยายามพัฒนาอย่างต่อเนื่องและสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่งการทำอะไรแบบนั้นมีคุณค่าทางใจกับฉันมาก ‘Goodbye Princess’ คือภาพสะท้อนของอดีต ปัจจุบัน และการก้าวไปข้างหน้าสู่อนาคตของฉันด้วยเหมือนกัน การปล่อยเพลงหลังจากช่วงเงียบหายไปสักพักมีความสำคัญกับฉันขึ้นมาเลย คือเหมือนกับเป็นการเริ่มต้นใหม่อย่างสดใส ได้เห็นเป้าหมายที่แจ่มชัดยิ่งขึ้น มีความกล้าที่จะเดินหน้าต่อไปอย่างไม่ท้อถอย เพลงนี้จึงมีความหมายต่อชีวิตฉันจริงๆ ช่วยเปิดประตูสู่การทำงานกับศิลปินมากหน้าหลายตา ได้มีประสบการณ์ในการทดลองแนวเพลงและสไตล์ที่แตกต่างกัน ได้ตีความเรื่องของดนตรีโดยอาศัยประสบการณ์ส่วนตัวของตัวเองได้มากขึ้น”
ELLE: ซิงเกิ้ล ‘Goodbye Princess’ เหมือนมีความเชื่อมโยงกับแคมเปญ #EmpowerHer ที่คุณริเริ่มขึ้นด้วยจากเนื้อเพลง “Farewell to My Gown and Fairytale and Feelings of Romance, Armed with My Knowledge and Roadmap.” สำหรับคุณแล้วผู้หญิงทุกคนควรมีโร้ดแมปตามอุดมคติแบบใด?
T.L.: “เมื่อฉันเติบโตเพิ่มขึ้น สิ่งที่มองเห็นได้ชัดคือความสำคัญของการได้เลือกทางเดินของตัวเอง เลือกว่าสมรภูมิชีวิตแบบไหนที่เหมาะกับเรา ยังสามารถเลือกได้แม้แต่การเอาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบใด ฉันคิดว่าถ้าเราสามารถรู้ตัวเองว่าเหมาะกับอะไร การได้มีสิทธิ์เลือกก็ถือว่าเป็นรางวัลชีวิต ได้เป็นโอกาสเรียนรู้เพื่อสร้างประสบการณ์ และนั่นเองละค่ะที่ฉันว่าเป็นแนวทางตามอุดมคติ
“เนื่องด้วยแต่ละคนก็มีคาแร็กเตอร์แตกต่างกัน อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน ฉันจึงไม่อาจหาญที่จะเสนอโร้ดแมปตามอุดมคติให้กับผู้หญิงทุกคนค่ะ โดยส่วนตัวแล้วสำหรับฉันเองมันเป็นเรื่องของการได้พยายามทดลอง เรียนรู้ และกระตือรือร้นอยู่เสมอ”
ELLE: ตอนนี้คุณเป็นที่รู้จักในฐานะไอคอนที่สร้างพลังให้กับผู้หญิงนอกเหนือจากด้านดนตรีแล้วด้านสไตล์แฟชั่นของคุณก็ดูโดดเด่นอย่างมากคุณพยายามถ่ายทอดมันออกมาอย่างไร?
T.L.: “แฟชั่นคือหนทางที่คุณได้แสดงคุณค่าและลักษณะเฉพาะตัว ไม่ต่างอะไรกับเรื่องของดนตรีที่สามารถทลายกำแพงช่วยเปิดทางให้ผู้คนได้เชื่อมโยงถึงกัน ฉันหลงรักเรื่องของแฟชั่นค่ะ รู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นว่าแฟชั่นส่งอิทธิพลมากมายแค่ไหนต่อโลก ฉันเชื่อว่ามันสำคัญกับเราทุกคนไม่ว่าเพศไหน ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและชี้นำกระแสบางอย่างได้ ระหว่างเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ฉันมีโอกาสเห็นแฟชั่นในแต่ละพื้นที่ค่อยๆ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เห็นการผสมกลมกลืนกันระหว่างขั้ววัฒนธรรม ภูมิศาสตร์ รวมถึงประวัติศาสตร์ มันแสดงให้ฉันรู้ว่าสิ่งที่เราเคยมองว่าเป็นวัฒนธรรมแฟชั่นที่ดูลึกลับหรือเอ็กซอติกพิลึกพิลั่น แท้จริงก็คือการสื่อสารตัวตนอันยูนีกในแบบตัวเอง”
ELLE: แคมเปญ #EmpowerHer ได้ให้อะไรกับคุณบ้าง? และคุณมีอะไรที่พอจะแบ่งปันให้เราทราบบ้างในโอกาสที่คุณได้พบเจอปัญหาของผู้หญิงทั่วโลกมาอย่างหลากหลาย?
T.L.: “ในฐานะศิลปินและในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันหวังเสมอที่จะใช้บทบาทของตัวเองแม้เพียงน้อยนิดเพื่อสร้างพลังให้กับผู้หญิงและเด็กสาว ให้พวกเธอได้ลุกขึ้นมาช่วยเหลือและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ฉันยังใช้บทเพลงเพื่อสื่อสารในทิศทางเดียวกันนี้ด้วย แคมเปญนี้เปิดโอกาสให้ฉันได้ส่งพลังบวกผ่านกิจกรรมต่างๆ โดยมีเป้าหมายในการสร้างความเป็นไปได้เพิ่มมากขึ้นในชีวิตและหน้าที่การงาน ฉันเชื่อว่าหากเรายังทำต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งก็จะนำมาซึ่งพลังความแข็งแกร่งได้อย่างแน่นอนค่ะ”
ELLE: คุณวางแผนมาเยียนประเทศไทยในอนาคตอันใกล้นี้ไหม? ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะกับการรีชาร์จพลังชีวิตของคุณหรือไม่? และคุณชอบอะไรบ้างในประเทศไทย?
T.L.: “ฉันกำลังวางแผนจะไปท่องเที่ยวที่ประเทศไทยเร็วๆ นี้ค่ะ! ก่อนหน้านี้ฉันเคยไปทำงานที่นั่นอยู่ 2-3 เดือน แต่ไม่มีเวลาพักหรือได้เอนจอยแบบจริงๆ จังๆ คราวนี้เลยอยากจัดทริปไปภูเก็ต ส่วนตัวแล้วฉันชอบอากาศและอาหารที่ไทยค่ะ ฉันยังชอบการตอบโต้แลกเปลี่ยนไอเดียกับเพื่อนศิลปินไทยด้วย ประเทศไทยมีวัฒนธรรมเฉพาะตัว แสดงให้ฉันเห็นถึงด้านที่แตกต่างออกไป ซึ่งฉันหวังว่าจะสามารถแบ่งปันประสบการณ์เหล่านี้กับแฟนๆ ในเร็วๆ นี้ด้วย”
ELLE: กรุณาแชร์ 3 ‘อาวุธลับความงาม’ (ที่ต่อจากนี้จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป!) ที่ทำให้คุณดูดีอยู่ตลอดเวลา
T.L.: “อย่างแรกเลยคืออาหารเสริมสำหรับเส้นผมที่เรียกว่า ‘Hair Volume’ ขอบอกตามตรงเลยนะคะว่าเมื่อเรามีอายุมากขึ้น เราจำเป็นต้องดูแลและบำรุงผมอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันอาการผมร่วง ทำให้ผมงอกใหม่ดูหนาขึ้น แข็งแรงเงางามขึ้น ต่อมาคือ ‘Complexe Énergisant’ ของ Leonor Greyl Paris ซึ่งเป็นสเปรย์บำรุงหนังศีรษะหลังการสระผม มันให้ผลลัพธ์ที่เยี่ยมมาก ฉันเคยมีปัญหาหนังศีรษะบอบบาง เป็นผื่นแดงง่าย และมีอาการคัน แต่ตอนนี้อาการเหล่านั้นหายไปหมดเลย! สเปรย์นี้ยังช่วยลดปัญหาผมร่วงด้วยนะคะ สิ่งสุดท้ายที่อยากแชร์คือ ‘Soothing Repair Essence Mask’ จาก Biologique Recherche เป็นมาสก์ที่เหมาะกับผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย ถ้าคุณเป็นผู้ที่ผ่านทรีตเมนต์โดยใช้เลเซอร์ที่ผิวหน้ามาอย่างยาวนาน มาสก์นี้จะช่วยบำรุงและซ่อมแซมผิวได้อย่างดีเยี่ยม”
ELLE: กรุณาแชร์ 3 ไอเท็มที่คุณขาดไม่ได้เมื่อออกจากบ้าน
T.L.: “อันดับแรกเลยคือ ‘น้ำตาเทียม’ ค่ะ เพราะว่าฉันตาแห้งมาก น้ำตาเทียมนอกจากช่วยสร้างความชุ่มชื่นแล้วยังช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองอันเกิดจากแสงยูวีด้วย อย่างที่สองคือ ‘ลิปบาล์มและสำลีสีดำ’ เมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากเริ่มแห้งฉันจะใช้สำลีสีดำเช็ดเอาส่วนที่แห้งออกก่อน (ต้องใช้แบบสีดำเท่านั้นเพราะทำความสะอาดได้ดีกว่า) จากนั้นถึงทาลิปบาล์ม อย่างสุดท้ายคือแฮนด์ครีมพร้อมคุณสมบัติขจัดสิ่งสกปรก ทั้งนี้ ก็เพื่อให้มือชุ่มชื่นและป้องกันแบคทีเรียไปในตัว”
ELLE: ช่วงเวลาเปี่ยมสุขยามว่างของคุณคือการทำอะไร?
T.L.: “การจัดดอกไม้ค่ะ หากมีเวลาว่างฉันมักจะจัดดอกไม้หรือเข้าคลาสเรียนจัดดอกไม้ ส่วนสไตล์ที่ฉันชอบจะเป็นแบบ ‘rustic’ อารมณ์ฟลอรัลอาร์ต คือเราสามารถกำหนดทิศทางของดอกไม้แต่ละก้านจนเป็นช่อดอกไม้บานเต็มแจกัน ฉันชอบดอกไม้ดอกเล็กๆ ด้วยเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าจะจัดให้สวยลงในแจกันได้อย่างไร ฉันเลยไปลงเรียนในคลาสจัดดอกไม้เล็ก ซึ่งมันน่าสนใจมากทีเดียว คุณสามารถเลือกเอาดอกไม้แต่ละดอกที่แม้จะขนาดเล็ก แต่หากเลือกแจกันที่เหมาะสมก็สามารถสร้างฟอร์มของการจัดดอกไม้ที่น่ารักได้”
ELLE: จากวันแรกจนถึงวันนี้ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลกคุณพอใจกับตัวเองในฐานะ Tia Lee หรือยัง? หรือคุณคาดหวังมากกว่านี้?
T.L.: “ตอนนี้ฉันพอใจกับตัวเองมากที่ได้จัดอีเวนต์แคมเปญระดับโลก #EmpowerHer ขึ้น และหวังว่าจะโฟกัสในเรื่องนี้ต่อไปเพื่อผู้หญิงที่ต้องการความช่วยเหลือ ต้องการแพลตฟอร์มเพื่อแสดงตัวตน ให้พวกเธอแข็งแกร่งขึ้นด้วยความรู้สึกมั่นใจในตัวเอง ในอนาคตฉันอยากจะสนับสนุนด้านอาชีพให้แก่ผู้หญิง ผลักดันหญิงสาวรุ่นใหม่ให้คงความเป็นตัวเองและสามารถข้ามขีดจำกัดของตัวเอง”
ELLE: สำหรับคุณแล้วความสำเร็จมีหน้าตาอย่างไร?
T.L.: “ความสำเร็จสำหรับฉันนั้นคือการได้ตระหนักถึงคุณค่าของตัวเอง มั่นใจ และมีความสุข ถ้าคนเราไม่มองเห็นคุณค่าในชีวิตตัวเองแล้วจะสามารถสร้างคุณค่าให้กับสังคมได้อย่างไร มีเพียงแต่ผู้ที่มั่นใจในตัวเองและกล้าลงมือทำเท่านั้นที่มีโอกาสประสบความสำเร็จ”
ELLE: คุณสวมบทบาทมากมายในชีวิตทั้งเป็นนักร้องซี–ป๊อปนักแสดงแฟชั่นไอคอนนักรณรงค์เพื่อสังคมฯลฯเราจะเห็นด้านอื่นของคุณอีกหรือไม่?
T.L.: ฉันมีความเชื่อว่าทุกบทบาทจำเป็นต้องพัฒนา ทดลอง และท้าทายตัวเองอย่างต่อเนื่อง ระหว่างก้าวไปข้างหน้านั้น ด้วยจุดประสงค์อันแตกต่างกันในแต่ละบทบาท ทำให้ฉันต้องพยายามอย่างหนักไปพร้อมกับการสร้างสมดุลในชีวิต ฉันอยากจะร่วมงานกับกลุ่มคนที่มีความสามารถในแต่ละด้านที่ฉันเกี่ยวข้อง เรียนรู้จากพวกเขา หาแรงบันดาลใจจากพวกเขา การได้เดินทางไปทั่วโลกช่วยเปิดขอบเขตความรู้ให้กว้างขึ้นจนรู้ว่ามีความเป็นไปได้ แล้วโอกาสใหม่ๆ รออยู่เสมอ ดังนั้น จึงหวังว่าจะดึงเอาประสบการณ์ที่ได้มาใช้กับงานของตัวเองต่อไปและนำมาแบ่งปันกับทุกๆ คนค่ะ