ในโลกที่ทุกอย่างดำเนินไปตามจังหวะ ความสุขได้รับจากตัวตนถูกสร้างขึ้นในโลกแห่งอนาคต ทุกๆ สิ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากความหมายของการเป็นตัวเองอย่างแท้จริง ทั้งหมดถ่ายทอดผ่านตัวตนของต้าเหนิง-กัญญาวีร์ สองเมือง พร้อมเสื้อผ้าและเครื่องประดับในคอลเล็กชั่นล่าสุดจาก Gucci และวันนี้แอลได้นั่งพูดคุยกับต้าเหนิง คัฟเวอร์เกิร์ลคนล่าสุดประจำเดือนมิถุนายน 2023 ถึงมุมมองชีวิตในแง่มุมต่างๆ ตลอดจนประเมินช่วงชีวิตในวันนี้ว่าเธอมองตัวเองเป็นอย่างไรบ้าง

ON REGRET หากจะย้อนอดีตเพื่อแก้ไข
“พอดีเป็นคนความจำไม่ค่อยดีเท่าไรค่ะ จะจำเรื่องที่ผ่านมาไม่ได้ขนาดนั้น แต่ถ้าถามว่าอยากจะกลับไปแก้อะไรหรือไม่ ส่วนตัวไม่เคยรู้สึกว่าอยากจะกลับไปแก้อะไรแบบจริงๆ จังๆ จะมีแค่ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เสียมากกว่า คิดว่าถ้าวันนั้น เหตุการณ์ไม่ได้เป็นแบบนั้น มันคงจะไม่ได้เป็นแบบทุกวันนี้ ทุกเหตุการณ์ ความผิดพลาดต่างๆ มันเป็นสิ่งที่ทำให้ได้เรียนรู้และเป็นบทเรียนของตัวเองทุกวันนี้ ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี”


ON REBOOT หากหมดพลังชีวิต
“ถ้าอยู่บ้านไม่ได้ไปไหนก็เลือกที่จะนอนค่ะ อยู่กับแมว แต่ว่าถ้าเลือกได้จะเป็นคนชอบไปเมืองนอก ได้เจอผู้คนใหม่ๆ วัฒนธรรมใหม่ๆ ทุกครั้งที่ไปรู้สึกว่าตัวเองจะได้อะไรกลับมาตลอด ได้รับพลังงานดีๆ กลับมาด้วย
“ด้วยการป่วยต่างๆ ที่เป็น จริงๆ คิดว่าดูแลตัวเองได้นะคะ บางทีเราคิดว่าเราพยายามแล้วแต่ก็ยังเป็น สาเหตุอย่างแรกเลยคือความเครียดค่ะ เคยคิดว่าตัวเองจะไม่มีวันเครียดแน่นอน เป็นคนปล่อยทุกอย่างไหลออกไปเร็วมาก แต่จะเจอช่วงที่นอนไม่ได้เลย กินก็ไม่ได้ ซึ่งไม่เข้าใจว่าเกิดจากอะไร นึกว่าเกิดจากการนอนน้อยหรือเปล่า เพราะถ้านอนน้อยแล้วจะป่วย สุดท้ายก็หาต้นตอเจอว่ามันคือความเครียด คนเรามักไม่รู้หรอกค่ะว่าตัวเองเครียด เรื่องแบบนี้มันสะสมค่ะ บางทีเราหยุดคิดเรื่องงานไม่ได้เลย ทั้งที่เรื่องงานนั้นๆ มันไม่ใช่เรื่องเครียดมากด้วย แต่พอเราหยุดคิดไม่ได้ สมองเรามันคิดอยู่ตลอด เลยกลายเป็นใช้งานไม่ได้พักเลย พอมันสะสม เลยเป็นว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เราจะรู้ตัวได้เร็ว กว่าจะรู้ตัวมันก็มาไกลแล้ว”

ON RECONSIDERATION หากให้คนมองในแบบที่เราเป็น
“จริงๆ หนูมีปัญหาเรื่องนี้มาตลอดเลยนะคะจนถึงปัจจุบัน คนมองว่าหน้าตาเราไม่รับแขกเท่าไร ทั้งที่เราไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้น แต่หน้ามันจะดูเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่างในชีวิต ส่วนตัวแล้วไม่มีปัญหากับตัวเองนะคะ และคนรอบข้างที่เรารู้จักก็ไม่เคยมีปัญหากับเรา ตอนเด็กๆ คนรอบตัวไม่ได้มีเยอะ พอเป็นแบบนั้นเลยไม่ค่อยสนใจคนนอกวงของเราว่าเขาคิดอย่างไร พอโตขึ้นมา ได้เข้าวงการ เวลาเจอคนที่อยู่นอกวงมากๆ มันเหมือนปรากฏการณ์ที่กระจกล้อมตัวเราไว้มันแตกค่ะ เจอความเห็นที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิตจากคนที่ไม่รู้จักเรา ช่วงแรกเลยรู้สึกว่าตัวเองรับมือไม่ได้ จนเคยมีถึงขนาดที่ไม่ออกจากบ้านเพราะว่ากลัวสายตาคนที่มอง กลัวคนจะคิดแบบนั้นแบบนี้ พอเวลาผ่านไปก็เริ่มรับมือได้มากขึ้น คิดว่าเขาเหล่านั้นไม่ได้ใช้ชีวิตกับเรานี่ ทุกคนมีความแตกต่างกันอยู่แล้ว แค่เราต้องมีวิธีรับมือกับความคิดเห็นอย่างไร โชคดีที่สถาบันครอบครัวของตัวเองแข็งแรงมาก หม่าม้า ปาป๊าก็บอกว่าไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่ คนภายนอกที่พูดถึงเรามันจะไม่กระทบถึงเราขนาดนั้นถ้าเราไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เราทำให้คนเข้าใจเราตลอดเวลาไม่ได้ เราพยายามจะแก้แค่ไหนมันก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่ดี พอคิดมากๆ มันก็เครียด เราจำเป็นต้องปล่อย และโชคดีที่เป็นคนลืมง่ายด้วย ไม่มีตรงกลาง ถ้าแคร์ใครจะแคร์มาก หรือถ้าไม่ก็จะไม่สนใจไปเลย แค่รู้สึกว่าแค่เรื่องของตัวเองก็คิดไม่ทันแล้ว (ยิ้ม) ลืมแล้ว เหนื่อยแล้ว จะใช้วิธีถามคนรอบตัวด้วยนะคะว่าโอเคไหม ถ้าเห็นว่าต้าเหนิงหลุดแล้ว เริ่มไม่น่ารัก สามารถบอกได้เลย ดีที่คนรอบข้างสามารถพูดกับเราโดยตรงได้เสมอ


“ทุกคนมีความแตกต่างกันอยู่แล้ว ทุกคนไม่จำเป็นต้องปรับตัวให้เหมือนกัน ถ้ามันเป็นพฤติกรรมหรือนิสัยที่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน เราพยายามหาคนที่อยู่กับเราแล้วสบายใจในสิ่งที่เราเป็นดีกว่า อยากให้คนมองหนูแบบไหนก็ได้ค่ะ ถ้าเป็นสิ่งที่เขาโอเค เราทำให้คนเห็นเราในฟิลเตอร์เดียวกันน่าจะยาก เพราะไม่ว่าเขามองเราในมุมไหน ก็จะเห็นเราในแบบที่แตกต่างกัน”

ON RESTARTING หากกดปุ่มรีสตาร์ตชีวิตใหม่
“น่าจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างเนิร์ดมากๆ ช่วงเรียนมัธยม ต้องเรียนให้ได้เกรดดีตลอด ส่วนทักษะอะไรก็ไม่มีเลยนอกจากนอนและกินค่ะ (หัวเราะ) ก่อนหน้านี้การทำงานในวงการบันเทิงไม่เคยอยู่ในหัวเลย หลังจากเข้าวงการทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เอาแค่เรียนผ่านก็พอ รู้สึกว่าถ้าไม่ได้ทำงานด้านนี้คงไปในสายอื่นที่ไม่เกี่ยวกันไปเลย”

ON REVIEW OF HERSELF หากประเมินชีวิตในช่วงนี้
“ชีวิตตั้งแต่เล็กจนโตของหนูเป็นมาตรฐานเดียวกันคือค่อนข้างขรุขระ มีดวงที่ประหลาดนิดหนึ่ง (ยิ้ม) เรื่องอะไรที่ไม่ควรจะเกิดจะเกิดกับตัวเองเสมอ เลยสามารถรับมือได้แล้ว แต่ละปีที่เติบโตขึ้นก็ยิ่งรับมือได้ดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังต้องการสติและอยากรับมือให้ดีขึ้นไปอีกค่ะ
“ถ้าถามว่า older & wiser ไหมสำหรับตัวเอง รู้สึกว่ามีสติขึ้นและนิ่งขึ้นค่ะ ควบคุมความรู้สึกตัวเองได้ดีขึ้น การเปิดบริษัท (QOW Entertainment) อาจจะเกี่ยวกับความที่เราโตขึ้นนิดหนึ่งเลยสามารถตัดสินใจอะไรได้มากขึ้น แต่รวมๆ มันคือเรื่องของช่วงเวลามากกว่าค่ะ”


Text : Wansuk Kongrasee
Photographer : Suttiwat Sangkong
Fashion Director : Nan Nist
Fashion Editor : Jantima Jansawadmethakul
Make-up : Yotiny Chuayeri
Assistant Make-up : Natsarakorn Tumrin
Hair : Wongwarat Phruphetkaeo
Assistant Hair : Chawanakorn Kunnarak
Assistant Photographer : Nattapon Sangsawang , Amnaj Waimalee , Chatchawan Sukittanan
Assistant Stylist : Thanapat Visetsurawong
Videographer : Ken Panlit Voravutvityaruk
Video Grip : Panu , Pattapol Ma
Creative: Apisara Wongsanit
Co-producer: Akeera Sasungnern
Fashion Coordinator : Petcharaporn Sornkrang