ผ่านมาแล้ว 32 ปี Miu Miu ยังคงเป็นเด็กสาวคนนั้นที่ไม่แคร์เทรนด์จนกลายเป็นเทรนด์เสียเอง ไม่แคร์ว่าคนจะอยากใส่อะไรแต่ทำให้คนอยากใส่อะไรก็ตามที่เธอทำมาให้ใส่ เธอคนนั้นคือ Miuccia Prada ผู้ใช้หัวใจที่ไม่ยอมโตสยบการเติบโตสุดสโลว์ของวงการแฟชั่น
Meet Mrs. Prada
Fratelli Prada (Prada Brothers) คือชื่อดั้งเดิมของ Prada Group ตามที่มาของสองพี่น้องผู้ก่อตั้ง Mario และ Martino Prada ผู้ไม่มีศรัทธาว่าผู้หญิงควรทำงานหาเลี้ยงตัวเอง ความตลกร้ายก็คือ บุตรชายของมาริโอไม่เข้ามาสืบสันดานรับช่วงบริหารบริษัท จึงตกไปสู่มือ Luisa น้องสาวของมาริโอที่ส่งต่อให้ลูกสาวของนางนามว่า ‘Maria Bianchi’ ซึ่งกลายเป็นบุตรบุญธรรมของญาติทางแม่ที่ไม่ได้แต่งงาน ในยุค 1980s มาเรีย เบียงชี จึงเปลี่ยนไปใช้นามสกุลฝั่งมารดา และกลายเป็น ‘Miuccia Prada’ ที่โลกรู้จักในวันนี้
มิวเชีย ปราดา เรียนจบปริญญาเอกด้านรัฐศาสตร์ สมัยเป็นวัยรุ่นเธอมักเข้าร่วมการประท้วงทางการเมืองในเดรสจาก Yves Saint Laurent และรองเท้าคล็อก (ใส่กับถุงเท้า!) ขณะที่เพื่อนร่วมอุดมการณ์ใส่ยีนส์ ตลอดชีวิตการทำแฟชั่น เธอต่อต้านความงาม ความเซ็กซี่ ความสวยหรูดูแพง ความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ และทุกอย่างที่ทำให้ผู้หญิงพริ้มเพราราวกับตุ๊กตา ขณะเดียวกันก็ไม่ชอบใจนักที่แฟชั่นของเธอถูกนิยามว่า ‘ugly chic’ แต่อาจชอบใจกว่าอีกถ้าบอกว่าผลงานของเธอ โดยเฉพาะ Miu Miu ดูผิดที่ผิดทาง แปลกพิกล ตหงิดๆ ทะแม่งๆ นี่มันอะไรกันเนี่ย ฯลฯ
Sydney Sweeney ดูผาดๆ แล้วเหมือนแม่นายมิวเชียมาเอง งานสไตลิ่งขำกลิ้งของ Lotta Volkova ใน Miu Miu SS 2025
One of the Few Women Designers
มิวเชีย ปราดา ทำคลอด Miu Miu ในปี 1993 ด้วยทัศนคติที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งทั้งปูฐานและอธิบายทุกสิ่งที่เธอทำมาตลอด 32 ปีว่า “ไม่ได้ทำของแปลกเพื่อให้มันแค่แปลก” เพราะนั่นคือ “แฟชั่นไร้ประโยชน์” และแทนที่จะคิดว่าฤดูกาลนี้จะทำให้บ้ากว่าเดิม เพี้ยนกว่าเก่าอย่างไร มิวเชียกลับอยากให้ Miu Miu มีความต่อเนื่องในทุกๆ คอลเล็กชั่น ซึ่งช่วยตอกย้ำดีเอ็นเอของแบรนด์และวิสัยทัศน์ของดีไซเนอร์
ในฐานะที่เธอเป็นหนึ่งในแฟชั่นดีไซเนอร์หญิงที่มีอยู่น้อยรายอย่างน่าใจหายในวงการแฟชั่นโลก เธอยิ่งผลักดันตัวเองให้ทำแฟชั่นที่เชื่อมโยงกับผู้คนได้ โดยไม่มีฐานคิดว่าลูกค้าอยากได้อะไร แต่สนใจการใช้ชีวิตของผู้คน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ การครุ่นคิดถึงอนาคตที่มีคนวัยรุ่นหนุ่มสาวอยู่ด้วยจึงเป็นวิถีทางที่มิวเชียใช้สร้าง Miu Miu มากว่า 3 ทศวรรษ
ยิ่งได้ Raf Simons เป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ร่วมที่ Prada ซึ่งฝากผีฝากไข้ได้แน่ๆ เธอจึงสนุกกว่าเดิมที่จะได้ปล่อยของเต็มที่ในสนามเด็กเล่นที่ชื่อว่า Miu Miu ซึ่งใช่ว่าการทำ Prada จะไม่มีอิสระ เพียงแต่มีข้อจำกัดมากกว่าด้วยความที่เป็นซูเปอร์แบรนด์ “อะไรที่ทำที่ Prada ไม่ได้ ก็เอามาลงที่ Miu Miu” มิวเชียเคยกล่าวไว้เช่นนี้ หรือพูดได้อีกแบบว่า
“Prada คือสิ่งที่ฉันเป็น ส่วน Miu Miu คือสิ่งที่ฉันอยากจะเป็น”
แล้วอะไรคือสิ่งที่มิวเชีย ปราดาอยากจะเป็น?
Radical & Naughty Girl
คอลเล็กชั่นแจ้งเกิดให้ Miu Miu คือ Spring 1996 ซึ่งแทบไม่ต่างจากคอลเล็กชั่นล่าสุด Fall 2025 เมื่อระดม it girl แห่งยุคมาเต็มแฟชั่นโชว์ ซึ่งในยุคนั้น Chloë Sevigny วัย 20 เพิ่งดังตูมตามจาก Kids หนังวัยรุ่นวุ่นวายของ Larry Clark เข้าตามิวเชียเพราะ “วัยรุ่นทุกคนมองว่าเธอเพี้ยน เจ้าของร้านทุกแห่งมองว่าเธอป่วง” แต่นั่นละคือจิตวิญญาณของ Miu Miu ที่มิวเชียมอบบทตัวเมนให้โคลอี้เดินเปิดแฟชั่นโชว์ที่มี Kate Moss ในวัยกะโปโลใส่รองเท้าคล็อกสีแดง “เป็นฝันของฉันเลยละ ตอนเด็กๆ ฉันโดนห้ามไม่ให้ใส่สีชมพู และแน่นอนว่าห้ามใส่รองเท้าสีแดงด้วย”
“อะไรดูแพง ฉันจะทำให้มันดูจน อะไรดูจน ฉันจะทำให้มันดูแพง”
เช่นใน Spring 2006 มิวเชียหยิบแนวคิดของเด็กสาวที่คิดว่าใส่ถุงมือเข้าไปก็จะทำให้ลุคใดๆ ก็ตามสวยหรูดูแพงขึ้นมาได้ กลายเป็นคอลเล็กชั่นเด็กแก่แดดที่ดูเป๋อพยายามแต่งตัวให้ดูโตเป็นผู้ใหญ่
Willem Dafoe เดินปิดโชว์ SS 2025 รับบทเป็น Miu Miu Girl สืบต่อจากโคลอี เซวินญี
Gen Z’s Favourite
ชื่อ Miu Miu นั้นคูลเสมอ แต่ไม่เคยไวรัลได้เท่านี้มาก่อน จนกระทั่ง Spring 2022 ที่ปล่อยกระโปรงสั้นจนกระเป๋ากระโปรงยังยาวกว่าอีก แถมใส่คู่กับเสื้อครอปที่ขอบบรายังยาวกว่าเลย เผยช่วงตัวตั้งแต่ซี่โครงจนถึงปีกสะโพก เป็นการเล่นกับสรีระของผู้หญิงส่วนที่ ‘ตกกระแส’ ในเวลานั้นของมิวเชีย หลังจากเคยเล่นกับขา คอ ไหล่มาก่อนหน้านี้แล้ว จึงมาถึงคิวลำตัวที่เปิดเผยมากเกินไปจนคนเห็นแล้วต้องขยี้ตาว่าเอางี้เลยเหรอ
สำหรับคอการเมืองอย่างมิวเชีย เธอมองว่ามินิสเกิร์ตคือแฟชั่นไอเท็มที่ขบถที่สุดเสียยิ่งกว่าเค้าโครงไม่เข้ารูปของ Chanel ขบถกว่าการให้ผู้หญิงเลิกใส่คอร์เซตหรือบุสติเยร์ เพราะในยุค 1960s ที่มินิสเกิร์ตถูกคิดค้นขึ้น (โดย Mary Quant ดีไซเนอร์หญิง) เป็นดั่งแถลงการณ์ของผู้หญิงว่าฉันเป็นเจ้าของร่างกายตัวเอง ฉันจะทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ และความโป๊เปลือย(หัวเข่า)ในยุคนั้นสมาทานเข้ากับแนวคิดของเสรีภาพและการประท้วงขนบเดิม
กระโปรงที่สั้นเกินไปลุคนี้ทำให้ Miu Miu กลายเป็นแบรนด์ที่มียอดค้นหามากขึ้น 400% จากข้อมูลของแพลตฟอร์มชอปปิ้งออนไลน์ Lyst และ #miumiu มียอดวิวใน TikTok มากกว่า 2,400 ล้านวิว มีผู้ชมทางบ้านครีเอตลุคนี้ในแบบของตัวเอง ขณะที่แบรนด์น้อยใหญ่เข็นกระโปรงพลีตสั้นจุ๊ดในเวอร์ชั่น Miu Miu on Budget จนกลายเป็นเทรนด์ข้ามปี
ยุนอา ในลุคจาก Miu Miu Fall 2022 ตามเจตนารมย์ของมิวเชียที่ชอบทำลุคต่อเนื่อง ความหมกมุ่นในกระโปรงพลีตของเธอบวกกับความผิดที่ผิดทางไปหมดของ Miu Miu จึงกลายเป็นลุคกระโปรงเทนนิสสั้นจุ๊ดแต่ใส่ในฤดูหนาว
Xiao Wen Ju ใน S/S 2025 ยังคงลุคต่อเนื่องจาก โคลอี เซวินญี ใน Spring 1996 ดีเอ็นเอที่ต่อเนื่องและสไตล์ที่เชื่อมโยงกับผู้คนต่างยุคได้เสมอ คือผลแห่งความพยายามของมิวเชียที่ทำให้ความเพี้ยนพิกลของ Miu Miu ได้รับการพิสูจน์ผ่านวันเวลากว่า 3 ทศวรรษแล้วว่า แบรนด์นี้เขามุ่งทางนี้จริง ดูก๋ากั่นกร้าวใจในยุคแม่เราอย่างไร ก็ยังคงทำงานกับความรู้สึกลูกหลานวัยเจนซีได้ดุจเดียวกัน
บ่อยครั้งที่คอลเล็กชั่นของ Miu Miu ซึ่งนักวิจารณ์ชมให้ขรมไปว่าเยี่ยมยอดนั้น สมัยหนึ่งมิวเชียใช้เวลาทำแค่ 15 วัน และมักมีเวลาทำหลังจากเสร็จสิ้นงานที่ Prada แล้ว เธอเพียงแค่ปลุกเด็กคนนั้นที่ไม่ยอมโตในตัวออกมา ปรึกษาหารือว่าอะไรอีกนะที่เราโดนห้ามใส่สมัยเด็ก อะไรที่ตรงข้ามกับความงาม เซ็กซี่ ดีพร้อม สวยกริบ ดูแพง และอะไรก็ตามที่มีคนเคยทำแล้ว มิวเชียก็พร้อมจะโละออกจากคอลเล็กชั่นทันทีไม่มีอาวรณ์
เพราะ Miu Miu ต้องเป็นออริจินัล อันเป็นสิ่งที่แฟชั่นดีไซเนอร์ทั้งปวงควรจะทำให้ได้ แต่ส่วนใหญ่กลับไม่ทำ ตามทรรศนะของมิวเชีย ทว่านั่นละคือคีย์ที่ทำให้แบรนด์รอดและรุ่งในระยะยาว
Prada Group เปิดผลประกอบการปี 2024 ซึ่งรายได้ 3 ใน 4 มาจากแบรนด์ Prada ทว่า Miu Miu เติบโตขึ้น 93% ส่วน Prada โตขึ้น 4% น่าทึ่งว่า Miu Miu เติบโตต่อเนื่องมาทุกปี รวมแล้ว 208% นับจากปี 2020 – 2024
น่าทึ่งยิ่งกว่าคือ คนที่ทำลุคกระโปรงเทนนิส เสื้อครอป ถุงเท้ายาวกับรองเท้าบัลเลต์ที่วัยรุ่นใส่กันระเบิดทุกวันนี้ มาจากเด็กไม่ยอมโตวัย 75 ปี ซึ่งเป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์หนึ่งเดียวของ Miu Miu มาตั้งแต่เดย์วันจนล่วงมา 32 ปีเข้านี่แล้ว
Text: Suphakdipa Poolsap