Friday, February 7, 2025

ทำความรู้จัก ‘มด นิสา’ หรือ Molly ศิลปินสาวแกร่งผู้อยู่เบื้องหลังเด็กเจ้าน้ำตา Crybaby

CryBaby อาร์ตทอยที่มีนักสะสมอยู่ทั่วโลก แท้จริงมีผู้ให้กำเนิดใจแข็งขั้นสุด แต่ศิลปะและเด็กเจ้าน้ำตาสุดดังนี้เองที่กล่อมเกลาให้ Molly หรือ มด-นิสา ศรีคำดี อัปเกรดเป็นคนที่ไม่ตัดสินว่าน้ำตา = อ่อนแอ

ELLE: ชื่อมด แต่คุณเป็นศิลปินหญิงที่ทำงานช้าง สร้างสรรค์ Crybaby ระดับประติมากรรมใหญ่ยักษ์ อะไรคือเบื้องหลังการสร้างชิ้นงานที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆนี้

Molly: ขั้นแรก เราทําทอย ขั้นที่สอง เราพาทอยผสมบุคคลเด็กไปเปิดตลาดจีน ขั้นที่สาม เราได้ทํางานกับ Pop Mart บริษัทที่ใหญ่และมั่นคงที่สุดในเรื่องทอยที่จีน แล้วอะไรต่อล่ะ? นั่นเป็นช่วงที่แกลเลอรีติดต่อมาให้ทำนิทรรศการเมื่อปีที่แล้ว รู้สึกว่างานใหม่ต้องชิ้นใหญ่ขึ้น แต่ไม่คิดว่าจะใหญ่ขนาดนี้ ทำไปทำมา CryBaby ตัวใหญ่สุดสูง 4 เมตร

ELLE: ตั้งโจทย์ไว้ไหมว่า CryBaby เป็นเพศอะไร ลักษณะนิสัยเป็นอย่างไร

Molly: CryBaby พูดถึงเรื่องน้ำตาและอารมณ์ความรู้สึกข้างในมากกว่าเรื่องของภาพลักษณ์ภายนอก จึงไม่มีเพศ ไม่ได้เป็นคนด้วยซ้ำ เป็นอะไรก็ได้ เราแค่ใช้คาแร็กเตอร์เด็กที่หิวก็ร้อง ไม่สบายตัวก็ร้อง รู้สึกอย่างไรก็แสดงออกอย่างนั้น เพราะพอคนเรายิ่งโตขึ้น ความรู้สึกยิ่งถมเป็นชั้นๆ ฉันห้ามร้องไห้ ฉันไม่อยากอ่อนแอ หรือมันประดังประเดเสียจนจําแนกไม่ถูกว่าจริงๆ แล้วเรารู้สึกอึดอัด เรารู้สึกอย่างไร

ELLE: เคยเป็นพนักงานบริษัท ออกมาเป็นเจ้าของบริษัทเอง และตอนนี้เป็นศิลปินที่มีบริษัท จากหมวกหลายหลายใบที่คุณเคยและสวมอยู่ บทเรียนอะไรที่สําคัญที่สุด

Molly: ดีใจมากเลยที่ถาม ไม่เคยมีใครถามถึงตัวเราเลย ส่วนใหญ่คนอยากรู้แค่เฉพาะแค่ CryBaby สมัยเราเด็กกว่านี้ ทำงานเป็นกราฟิกที่บริษัทเวดดิ้ง ได้เงินเดือน 19,000 ทํางานแค่เพราะส่วนของเรา แค่นั้นก็เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากแล้ว แต่มีคนแนะนําว่าถ้าอยากไปได้ไกลกว่านี้ เราต้องมีทีม ตอนแรกๆที่ทำ CryBaby เราทํางานคนเดียว เทียบกับทุกวันนี้ที่มีทีม รู้เลยว่ามันต่างกันมาก คําว่าโตที่เพื่อนเคยบอกมันคือสิ่งนี้สินะ มันคือการมีคนที่รับผิดชอบหน้าที่ในส่วนที่เราไม่มีเวลาทํา เพื่อให้เราใช้เวลาไปทําอย่างอื่นที่สําคัญกว่า เพราะสุดท้ายแล้วเราต้องไม่ลืมพักผ่อนและดูแลตัวเอง แต่ก่อนเราเอาตัวเองไว้ทีหลังเสมอ นอนแค่วันละชั่วโมง ไม่กิน ไม่เข้าห้องน้ำ ตื่นมาปุ๊บทำคอมพ์เลย ขอแค่ว่างานเดินเป็นพอ  

ELLE: ‘น้ำตา =……’ กรุณาเติมคำในช่องว่าง จากนิยามต่างๆ ที่แฟนๆ ของ CryBaby เคยบอกกับคุณ

Molly: เขารู้สึกเหมือนเจอจุดร่วม ได้มาเจอคนที่นั่งร้องไห้เป็นเพื่อนกัน คนเราในเวลาที่อ่อนแอจริงๆ สิ่งที่ต้องการคือคนที่รับฟัง ไม่ต้องปลอบหรือพยายามช่วย แค่นั่งข้างๆ กันเท่านั้นก็พอ ส่วนหนึ่งที่เราสร้าง CryBaby เพราะเราเป็นคนหนึ่งที่ถูก สังคมสอนมาว่าเราต้องเข้มแข็ง แต่สังคมไม่ได้บอกว่า แล้วตอนที่เราอ่อนแอล่ะ เราจะจัดการกับความรู้สึกนี้อย่างไร CryBaby จึงอาจจะร้องไห้แทนวัตถุ แทนสัตว์ แทนใบไม้ หรือความสัมพันธ์ที่ทําให้เราร้องไห้ก็ได้

ELLE: คำแนะนำใดที่คุณอยากให้มีคนมาบอกกับคุณในอดีตก่อนที่จะคุณจะทำผิดพลาด และเป็นคำแนะนำที่คุณอยากบอกคนอื่นในวันนี้ เพื่อที่เขาจะไม่ล้มเหลวในอนาคต

Molly: ‘คุณต้องผิดพลาด’ เราไม่ได้อยากพลาดหรอก แต่ทุกครั้งที่มีอุปสรรคและเราผ่านไปได้ เราได้อะไรเสมอจากเรื่องนั้น ถ้าไม่พลาด เราจะไม่โต บริษัทเราก็มาจากความผิดพลาดทั้งนั้น

ELLE: ผู้หญิงคนไหนที่ช่วยเติมพลังให้คุณได้

Molly: Frida Kahlo รูปภาพของเขาช่างร้อนแรง แต่ก็เศร้าและอ่อนไหวอยู่ในที แม้ในวันที่เดินไม่ได้ เขายังให้คนแบกเตียงไปด้วยสีหน้าที่บอกว่า ‘ไม่ต้องมาสงสารฉัน สรรเสริญฉันสิ’ เขาเคยเกิดอุบัติเหตุรถชนที่ทําให้มีลูกไม่ได้ แต่ยังอุตส่าห์เอามาเป็นมุขตลกว่าเขาเสียพรหมจรรย์ให้เสาไฟ…คนอะไรจะเท่ได้ขนาดนั้น และต้องเข้มแข็งมากแค่ไหนถึงสามารถวาดรูปตัวเองในสภาพน่าเวทนาที่เผยให้คนเห็นว่าฉันเเตกสลาย แต่ว่าฉันเท่มากนะ ฉันรับมันได้ ฉันคูล ฉันโอบรับทุกอย่าง เราศรัทธาในความเข้มแข็งของเขามาก

Frida Kahlo

ELLE: ภาพแบบไหนที่คุณอยากให้เกิดขึ้นกับ Crybaby ที่จะทำให้คุณมีน้ำตาแห่งความปิติสูงสุด

Molly: อยากให้ CryBaby เป็นอมตะ เป็นเหมือน Hello Kitty หรือ Micky Mouse แต่ไม่ต้องใหญ่โต ไม่ต้องเท่ ไม่ต้องเป็นงานสําคัญระดับโลกหรือได้อยู่ในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ อยู่แบบเล็กๆ แบบนี้ก็ได้ แต่อยากให้อยู่ไปตลอด เราอยากให้งานของเราเข้าถึงทุกคนได้ง่าย ไม่ไกลตัว ‘อยู่น้อยๆ แต่อยู่นานๆ’ เหมือนเพลงของสายัณห์ สัญญา ที่ร้องว่า ‘รักน้อยๆ แต่รักนานๆ’

ELLE: ความท้าทายของการเป็นผู้หญิงที่ในแวดวงศิลปะคืออะไร

Molly: ตอนเด็กๆ เราไม่เคยคิดเรื่องที่ว่าเราเป็นผู้หญิงแล้วต้องพิสูจน์ตัวเองมากขึ้น เพิ่งมารู้สึกช่วงปีที่แล้วที่คนเริ่มพูดว่า ‘เป็นผู้หญิงนี่เก่งเนอะ เป็นผู้หญิงทำได้ขนาดนี้’ แต่ถ้าคนที่รู้จักเราจริงๆ จะรู้เลยว่า เราไม่เคยมานั่งพูดว่าเราเป็นผู้หญิงแล้วเราทํางานไม่ได้ ความเป็นผู้หญิงไม่เคยเป็นข้อจํากัดของเราเลย ขณะเดียวกันเราก็ไม่เคยรู้สึกว่าฉันเป็นผู้หญิงแล้วฉันจะด้อยกว่าใคร

TEXT: SUPHAKDIPA POOLSAP
PHOTOGRAPHER: Pathomporn Phueakphud
FASHION EDITOR: Preuksapak Chorsakul
VIDEOGRAPHER : Mutchima Vachirakomen
MODEL : Mod Nisa Srikamdee
MAKE-UP: Sunsamorn Tantichotrattana
HAIR: Panithan Summa
PRODUCER : Patharapapa Komvorn
FASHION CO-ORDINATOR : Petcharaporn Sornkrang
ASSISTANT PHOTOGRAPHER: Piyawat Jarunpong , Panpetch Petchphloy
ASSISTANT STYLIST: Tidawan Suttichai , Kutchanon prempool

Latest Posts

Don't Miss